RSI (Relative Strength Index) ตัวชี้วัดสำคัญที่นักลงทุนคริปโทฯควรรู้จัก | Techsauce

RSI (Relative Strength Index) ตัวชี้วัดสำคัญที่นักลงทุนคริปโทฯควรรู้จัก

เมื่อช่วงเดือนมกราคมที่ผ่านมา นักลงทุนคริปโทฯหลายท่านอาจเคยได้ยินข่าวเกี่ยวกับตัวชี้วัด RSI ของบิตคอยน์ที่ทำทรง Overbought คล้ายกับการฟื้นตัวจากตลาดหมีในช่วงปี 2018 หลายคนที่ยังไม่เคยได้ทดลองใช้ตัวชี้วัดแบบนี้อาจมีความสงสัยว่าเจ้า RSI มันสามารถบ่งบอกหรือแสดงสัญญาณอะไรให้เราได้บ้าง วันนี้เราจะพามาทำความรู้จักตัวชี้วัดประเภทนี้กัน

 

RSI คืออะไร?

RSI มาจากคำว่า Relative Strength Index คือ ตัวชี้วัดความแข็งแรงของตลาดในแต่ละช่วงเวลา โดยใช้เปรียบเทียบระหว่างการเพิ่มของราคาและการลดลงของราคา ซึ่งจะมีค่าระหว่าง 0-100 จะใช้เป็นตัวช่วยในการเปรียบเทียบความแข็งแรงของตลาดในแต่ละช่วงเวลา และในการหาการเข้าซื้อหรือการขายในตลาดนั่นเอง 

ตัวชี้วัด RSI นี้จึงจัดอยู่ในประเภท Momentum Oscillator ใช้เพื่อวัดการแกว่งตัวของราคาเพื่อดูว่าราคากำลังอยู่ในภาวะระหว่าง Overbought หรือ Oversold หรือไม่ ทั้งนี้ นักวิเคราะห์บางคนอาจไม่ใช้ระดับ 70 กับ 30 เป็นตัวชี้วัด ซึ่ง RSI ก็สามารถปรับแต่งได้ตามความเหมาะสมขึ้นอยู่กับเหรียญนั้น ๆ และปัจจัยทางเศรษฐกิจอื่น ๆ ด้วย

สัญญาณ Overbought และ Oversold คืออะไร?

  • Overbought (ซื้อมากเกิน) หาก RSI อยู่สูงกว่า 70 จุดก็จะเป็นภาวะ Overbought สะท้อนให้เห็นว่าเหรียญมีการเข้าซื้อเป็ยจำนวนมากส่งผลให้ราคาพุ่งไปสูงมาก
  • Oversold (ขายมากเกิน) หากเส้น RSI กำลังเคลื่อนไหวต่ำกว่าระดับ 30 จุดเป็นการสะท้อนว่าตลาดกำลังอยู่ภาวะ Oversold สะท้อนให้เห็นว่ามีแรงเทขายจำนวนมากจนราคาเริ่มถูกลง

สัญญาณเหล่านี้จะเป็นตัวเตือนว่าราคาอาจเกิดการปรับฐานจากภาวะดังกล่าวในอีกไม่นาน เช่น หากราคาปรับตัวสูงขึ้นและ RSI เป็นภาวะ Overbought ราคาก็อาจมีโอกาสที่จะย่อตัวลงมาเพื่อปรับฐาน เป็นต้น ดังนั้นกลยุทธ์ที่นิยมใช้กันเมื่อพิจารณาจาก RSI คือ หากเป็น Overbought ให้ขาย และหากเป็น Oversold ก็เป็นช่วงที่ดีของการเข้าซื้อเพราะราคาเหรียญกำลังถูกนั่นเอง 

Source: www.bitkub.com/th/market/BTC

ส่วนในเรื่องของจุดกลับตัวนั้น สัญญาณ Overbought หรือ Oversold อาจไม่สามารถบ่งบอกได้ว่าจะมีการกลับตัวของราคาเมื่อไหร่ ผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุนส่วนใหญ่จึงแนะนำให้นักลงทุนใช้สัญญาณ Divergences ประกอบการวิเคราะห์ด้วย โดยสัญญาณนี้จะมี 2 ลักษณะ คือ 

  1. Bullish Divergence คือการที่การเคลื่อนที่ของราคาในกราฟขัดแย้ง กับ การเคลื่อนที่ของ RSI บ่งบอกถึงโอกาสในการกลับตัวของราคา “ขึ้น” โดยจะเกิดในแนวโน้มขาลง
  1. Bearish Divergence คือการที่การเคลื่อนที่ของราคาในกราฟขัดแย้ง กับ การเคลื่อนที่ของ RSI บ่งบอกถึงโอกาสในการกลับตัวของราคา “ลง” โดยจะเกิดในแนวโน้มขาขึ้น ซึ่งจะบอกสัญญาณตรงกันข้ามกับ Bullish Divergence 

ตัวชี้วัดอื่น ๆ ที่น่าสนใจมีอะไรบ้าง?

ตัวชี้วัด (Indicator) แต่ละตัวจะมีสูตรในการคิดคำนวณที่แตกต่างกันออกไป เช่น บางตัวอาจคำนวณจากราคาต่ำ-สูง บางตัวคำนวณจากปริมาณการซื้อขาย หรือบางตัวก็ใช้มากกว่า 2 ปัจจัยผสมผสานกัน เพื่อประเมินทิศทางราคาจะเรียกว่าการวิเคราะห์จากปัจจัยทางเทคนิค (Technical Analysis) ขณะที่การวิเคราะห์ทิศทางราคาจากข่าวสารจะเรียกว่าการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน (Fundamental Analysis) ยกตัวอย่างเช่น

  • Moving Average (MA) เป็นเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนไหว นักเทรดมักจะใช้ดูในขั้นตอนแรก ๆ ของการวิเคราะห์
  • Moving Average Convergence Divergence (MACD) เอาไว้เปรียบเทียบการเคลื่อนไหวระหว่างเส้นค่าเฉลี่ยแบบ EMA 2 เส้น วิเคราะห์ได้ทั้งราคาและแรงแกว่งตัวของราคา
  • Ichimoku Cloud ตัวบ่งชี้ทิศทางราคาในพื้นที่รูปก้อนเมฆ
  • Bollinger Bands สามารถบ่งชี้ถึงความผันผวนของราคา ความผันผวน และกรอบการเคลื่อนไหว
  • Commodity Channel Index สามารถสะท้อนได้ว่าราคาปัจจุบันอยู่สูงหรือต่ำกว่าราคาเฉลี่ย
  • Average True Range เป็นอีกตัวชี้วัดที่สะท้อนความผันผวนของราคาได้
  • Pivot Points Standard บอกแนวรับแนวต้านที่น่าจับตาของราคาในแต่ละช่วงได้

ศึกษารายละเอียดของตัวชี้วัดต่าง ๆ เพิ่มเติมได้ที่ https://www.bitkub.com/th/blog/indicator-8eefc6fd5a53

ข้อควรระวังในการใช้ตัวชี้วัดที่ได้กล่าวไปในข้างต้นคือ ควรใช้ RSI ร่วมกับเครื่องมือวิเคราะห์ทางเทคนิคอื่น ๆ และการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานด้วย RSI เพียงตัวเดียวไม่สามารถเป็นตัวบ่งชี้แบบเดี่ยวในการตัดสินใจซื้อขายได้ และควรสังเกตให้แน่ใจและอ่านกราฟอย่างถี่ถ้วนว่ามีสัญญาณแนวโน้มขาขึ้นชัดเจนจึงเข้าซื้อขายตาม RSI อีกทั้งการศึกษาข้อมูลและปัจจัยที่มีผลต่อตลาดจะช่วยให้การวิเคราะห์มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

อ้างอิง: Bitkub Blog, Bitkub Academy

บทความโดย Bitkub Exchange

ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด

No comment

RELATED ARTICLE

Responsive image

รู้จัก LLMs’ Explainability การเข้าใจกลไกสมอง AI หนึ่งใน Tech Trends 2025 ที่จะมาเปลี่ยนโลกเอไอ

เจาะลึกเบื้องหลัง Large Language Models (LLMs) และเทคโนโลยี LLMs’ Explainability ที่ช่วยเปิดเผยกระบวนการทำงานของ AI จากกล่องดำสู่ความโปร่งใส ความก้าวหน้าที่เปลี่ยนโลก AI ในอนาคต!...

Responsive image

รู้จัก AI Product Management สายงานที่ Andrew Ng ชี้มาแรง

สำรวจบทบาท AI Product Management และเหตุผลที่ Andrew Ng ยกให้เป็นตำแหน่งสำคัญในการขับเคลื่อนผลิตภัณฑ์ AI ตั้งแต่การพัฒนาแนวคิดจนถึงการนำไปใช้งานจริง...

Responsive image

เปิดกลยุทธ์ธุรกิจยุคใหม่ พลิกข้อมูล สู่ขุมทรัพย์ด้วย analyticX ด้วยพลัง Telco Data Insights และ GenAI

ยุคนี้ใคร ๆ ก็พูดถึง Data แต่จะใช้ Data อย่างไรให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่างหากคือกุญแจสำคัญ! ในสัมมนาสุดเอ็กซ์คลูซีฟ "Unlocking Data-Driven Decisions with Telecom Data Insights" ที่จั...