อีกหนึ่งคอนเทนต์จากงานสัมมนาระดับประเทศ BITKUB SUMMIT 2024 ภายใต้แนวคิด 'Gateway to the Future: เปิดประตูเทคโนโลยีและการลงทุน สู่โลกอนาคตอย่างยั่งยืน' โดย บริษัท บิทคับ แคปปิตอล กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด ทีมเทคซอสสรุปจากวงเสวนาในหัวข้อ 'Shark Restage: ฉลามคืนถิ่น ปลุกธุรกิจ SMEs ไทย' ที่มีผู้นำจาก 3 องค์กร ซึ่งมีประสบการณ์การลงทุนในธุรกิจ SMEs และสตาร์ทอัพหลากหลายอุตสาหกรรม มาให้คำแนะนำแก่ธุรกิจที่ต้องการระดมทุนซึ่งได้ทั้งสาระและความบันเทิง
Shark Restage: ฉลามคืนถิ่น ปลุกธุรกิจ SMEs ไทย
หัวข้อเสวนา 'Shark Restage: ฉลามคืนถิ่น ปลุกธุรกิจ SMEs ไทย' เป็นเวทีที่มีกูรูนักลงทุนแนวหน้าของไทยซึ่งเคยให้เงินลงทุนแก่ธุรกิจ SMEs และสตาร์ทอัพหลากหลายอุตสาหกรรมในรายการ Shark Tank Thailand มาร่วมพูดคุยกันว่า ผู้ประกอบการรายใหม่ๆ ที่ต้องการเงินลงทุน ควรนำเสนออะไร ต้องเดินหน้าอย่างไร รวมถึง Pitch แบบใดเพื่อให้ได้รับการลงทุน โดย 3 ผู้นำองค์กรที่เป็นเหล่า Shark มาพบปะพูดคุยกันบนเวที BITKUB SUMMIT 2024 ในวันที่ 19 ตุลาคม 2567 ณ Plenary Hall ชั้น 1 ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ กรุงเทพมหานคร ได้แก่
- คุณชนาพรรณ จึงรุ่งเรืองกิจ
รองประธานกรรมการอาวุโส ไทยซัมมิท กรุ๊ป - คุณกฤษน์ ศรีชวาลา
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ฟิโก้ กรุ๊ป - คุณจิรายุส ทรัพย์ศรีโสภา
ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บิทคับ แคปปิตอล กรุ๊ป - คุณนภพัฒน์จักษ์ อัตตนนท์
บรรณาธิการบริหาร Workpoint TODAY เป็นผู้ดำเนินรายการ
คุณจิรายุส ทรัพย์ศรีโสภา ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บิทคับ แคปปิตอล กรุ๊ป และคุณชนาพรรณ จึงรุ่งเรืองกิจ รองประธานกรรมการ ไทยซัมมิท
คุณชนาพรรณ จึงรุ่งเรืองกิจ
รองประธานกรรมการ ไทยซัมมิท
- เช็กลิสต์ที่นักลงทุนใช้พิจารณาให้เงินลงทุน หลักๆ มีอยู่ 3 ด้าน คือ คน ตัวเลข และเงินสด
- คน - เจ้าของมีแพสชันไหม มีความรู้ในการทำธุรกิจหรือไม่ เข้ากับนักลงทุนได้หรือเปล่า
- ตัวเลข - รู้ข้อมูลแและเข้าใจเกี่ยวกับกำไรและขาดทุนหรือไม่ ถ้าตอบได้ บ่งบอกว่าเข้าใจต้นทุนของบริษัทว่ามาจากไหน
- เงินสด - บริหารกระแสเงินสดอย่างไร แม้บริษัทยังขาดทุนอยู่ใน 0-5 ปีแรก Shark ลงทุนให้ได้ แต่ในระยะเวลาอันสั้น SMEs จะช็อตอีกหรือเปล่า จะหมุนเงินอย่างไร ถ้าให้เงินแล้วจะอยู่ได้ 2-3 ปีหรือเปล่า
- หากเป็นการ Pitch ที่ไม่ใช่ในรายการโทรทัศน์ นักลงทุนย่อมแสวงหาผลกำไร และมักจะถามว่า จะได้กำไรเท่าไหร่ จะเข้าตลาดฯ ได้ปีไหน SMEs จึงควรมีคำตอบที่เป็น Plan A, Plan B เพื่อให้คำตอบแก่นักลงทุนได้ว่า เขาจะได้อะไร เมื่อไหร่
- สถานการณ์ในรายการสำหรับ Shark ถือเป็นเรียลิตี้ที่มีการคิดสด ถามสด สำหรับ SMEs แนะนำให้ศึกษามาก่อนว่า Shark แต่ละคนจะถามคำถามแนวไหน แล้วสามารถนำเรื่องที่คุยแล้วไม่ได้ออกสื่อไปพัฒนาธุรกิจต่อได้
- SMEs ต้องตรวจสอบตัวเองอยู่เสมอว่า Goal ของบริษัท กับทรัพยากร (Resources) ที่ใส่เข้าไปนั้น เป็นเรื่องเดียวกันหรือเปล่า เพราะ SMEs ทำให้เกิดการจ้างงานในไทยมากถึง 70% และเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญที่กระจายอยู่ตามภูมิภาค แต่ผ่านมาหลายสิบปี SMEs ก็ยังเผชิญปัญหาเหมือนเดิม จะทำให้ธุรกิจอยู่รอดได้จึงต้องกลับมาดูที่ 'Execution Plan' แล้วทำอะไรให้ถูกที่ถูกทาง เช่น ร้านขายก๋วยเตี๋ยวใช้หลัก 'รายได้ - ต้นทุน = กำไร' ช่วงเศรษฐกิจไม่ดี การจะเพิ่มยอดขาย เพิ่มกำไรมันยาก ผู้ประกอบการก็ต้องเลือกวิธีลดต้นทุนแทน กล่าวคือ ทำอะไรให้ถูกที่ถูกทางถูกเวลา ทำให้เกิดการเติบโตอย่างเข้มแข็ง
คุณกฤษน์ ศรีชวาลา
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ฟิโก้ กรุ๊ป
คุณกฤษน์ ศรีชวาลา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ฟิโก้ กรุ๊ป และคุณนภพัฒน์จักษ์ อัตตนนท์ ผู้ดำเนินรายการ
- SMEs ที่จะโตได้ ไปต่อได้ต้องมี Innovation เช่น ไต้หวัน เป็นหนึ่งในชาติที่ทำ SMEs ล้วประสบความสำเร็จระดับโลก เขามีซัพพลายเชนที่แข็งแรงมาก ต่างจากไทยที่ถูกตัดซัพพลายเชนไปมากเพราะโดนดิสรัปต์
- นักลงทุนต้องพิจารณาธุรกิจในแต่ละ Sector ว่ามีความแตกต่างกัน และโดยส่วนตัวมองว่ากำไรไม่ใช่สิ่งสำคัญที่สุด เช่น ธุรกิจที่เกี่ยวกับการศึกษามักจะใช้เวลา 3-5 ปี กว่าจะเริ่มมีกำไร แต่บางธุรกิจก็ควรมีกำไรตั้งแต่ 6 เดือนหรือปีแรก แต่ในกรณีที่ผู้ประกอบการรายใดมีกำไรมากอยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องมาหา Shark แนะนำให้ไปหาสถาบันการเงินได้เลย
- ก่อนจะหาพาร์ตเนอร์ต้องดูว่า ธุรกิจที่ทำอยู่จำเป็นต้องมีพาร์ตเนอร์มากน้อยขนาดไหน เพราะการจะมีพาร์ตเนอร์ต้องพร้อมเปิดเผยข้อมูล ต้องมีการเปลี่ยนระบบหรือมีค่าใช้จ่ายเพิ่ม ซึ่งถือเป็นภาระอย่างหนึ่ง เพราะมีประเด็นอีกมากให้ต้องทำต่อ ดังนั้น จึงต้องดูความจำเป็นของบริษัทว่า จำเป็นต้องมีพาร์ตเนอร์หรือหุ้นส่วนมากน้อยแค่ไหน
- 'ความมั่นคงในตัวเอง' เป็นเรื่องสำคัญ ถ้ามาด้วยความมั่นใจก็สร้างความมั่นใจให้นักลงทุนเป็นเรื่องปกติ SMEs ต้องคิดเผื่อและไม่เป็นภาระนักลงทุน ธุรกิจอาจจะนำไปสู่ความขัดแย้งได้ ซึ่งก็มีธุรกิจเยอะแยะที่ดีมาก แต่จบลงเพราะหุ้นส่วนก็มี
หัวใจของรายการ Shark Tank - Shark (นักลงทุน) ต้องมีส่วนสนับสนุนหรือเข้าไปเป็นส่วนประกอบที่ทำให้ธุรกิจนั้นโตได้ ดังนั้น คนที่มารายการ Shark Tank ไม่จำเป็นต้องรู้ทุกอย่าง เพราะ Shark เป็นส่วนหนึ่งที่จะช่วยแนะนำ เช่น ทำอย่างไรจึงจะพาธุรกิจเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้ เพื่อเป็นการส่งเสริม New Startup
อยากเห็นคนที่มารายการนำเสนอเรื่องใหม่ๆ มีการคิดนอกกรอบ ไม่ใช่แค่การซื้อเครื่องจักรหรือกู้แบงก์มาทำธุรกิจ และถ้าเป็นธุรกิจที่มีนวัตกรรมแล้ว นักลงทุนต้องมี Plug & Play ช่วยทำให้ผู้ประกอบการเดินต่อ ไม่อยากให้นักลงทุนมองการลงทุนว่าเป็นแบบ Private Equity
อนาคตของการดำเนินธุรกิจ จะให้มอง 6 เดือนหรือ 1 ปี ยังยาก เพราะทุกอย่างเปลี่ยนแปลงเร็วมาก สังเกตไหมว่า สินค้า Super Luxury เป็นสินค้าขายดีที่สุด ทั้งๆ ที่ธุรกิจโดยรวมทั่วโลกไม่ดี และกว่า Cycle นั้นจะกลับมาต้องใช้เวลาอีกหลายปี ฉะนั้น สิ่งเดียวที่อยากให้คิดเกี่ยวกับอนาคต คือ SMEs ต้องมีความตระหนักรู้ (Awareness) ว่าอะไรที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้นได้ตลอด เช่น สงคราม น้ำท่วม โควิด ดังนั้น SMEs ต้องเรียนรู้จากประสบการณ์เหล่านี้ เพื่อรับมือหรือทำให้ธุรกิจเสียหายน้อยที่สุด เมื่อมีองค์ประกอบที่ไม่สามารถคาดการณ์ได้และมาเร็วขึ้นเรื่อยๆ
คุณจิรายุส ทรัพย์ศรีโสภา
ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บิทคับ แคปปิตอล กรุ๊ป
- อีก 6 ปีข้างหน้า (ปี 2030) ผู้ประกอบการที่ผลิตสินค้าที่ดีที่สุด ถูกที่สุด จะไม่ได้เป็นผู้ชนะ แต่ผู้ประกอบการที่ผลิตสินค้าหรือบริการ 'เขียวที่สุด' จะเป็นผู้ชนะ ดังนั้น ผู้ประกอบการต้องเปลี่ยนผ่านสู่สีเขียว (Green Transition) บริษัทจึงจะส่งสินค้าไปจำหน่ายในต่างประเทศได้ กู้เงินจากธนาคารได้ (Green Loan) ไม่อย่างนั้นจะถูกกีดกันทางการค้า เข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ ก็ไม่ได้
- ผู้ประกอบการต้องนำ 'เทคโนโลยีดิจิทัล' มาเพิ่มความสามารถในการแข่งขันทางธุรกิจ (Competitiveness) บวกกับ Green Transition บวกกับแรงงานที่มีทักษะดิจิทัลตรงตามที่ตลาดต้องการ เพื่อให้แข่งขันได้
- อันที่จริง Shark คุยกับ SMEs นานมาก คือถ่ายทำรายการ 8-9 ชั่วโมง พูดคุย สอบถามประมาณรายละ 1 ชั่วโมง แต่ตัดมาออกรายการเพียงไม่กี่นาที โดยเรื่องที่ Shark มักใช้พิจารณา SMEs ในเบื้องต้นมี 3 ด้าน
- มีความรู้ด้านการทำธุรกิจที่เป็น Fundamental หรือไม่ ยกตัวอย่างเมตริก P/BV (Price to Book Value) ราคาตลาดต่อหุ้น, PE (Price to Earnings Ratio) ซื้อหุ้นที่ราคา P บาท นานแค่ไหนจึงจะคืนทุน, DE Ratio (Debt to Equity Ratio) อัตราส่วนหนี้สินต่อทุน
- มีคู่แข่งทำธุรกิจอย่างที่เราทำได้หรือเปล่า เช่น จะสร้างโค้กอีกแบรนด์ขึ้นมาแข่งกับ โค้กที่เป็นเจ้าตลาด ทำได้หรือไม่
- Founder มีใจที่จะทำธุรกิจต่อไหม มีงานประจำของตัวเองหรือเปล่า ไม่ใช่ว่าอยากเลิกทำแล้วให้ Shark มาแบกต่อ
- ผู้ประกอบการที่พร้อมในอีก 3-5 ปีข้างสำหรับโลกจะแบ่งเป็น 2 ฝั่ง ฝั่งที่จะเปลี่ยนไปเร็วแค่ไหน และอีกฝั่งคือ อะไรที่จะไม่เปลี่ยน
- สิ่งที่ไม่เปลี่ยน: เรื่องหลังบ้าน ผู้ประกอบการต้องรู้เรื่อง Balance Sheet, Cashflow บริษัทว่า เป็นอย่างไร สะท้อนสุขภาพของบริษัท, ความต้องการลูกค้า - ผ่านไปกี่เจเนอเรชัน ลูกค้าก็ต้องการของที่ดีขึ้น เร็วขึ้น ถูกลง ไม่มีใครจะขออะไรที่แพงหรือแย่ลง
- สิ่งที่เปลี่ยนไป: ต้องดูเมกะเทรนด์ว่าโลกจะเดินไปในทิศทางไหน เช่น ภูมิรัฐศาสตร์ (Geopolitics) ที่เปลี่ยนไป และการทำให้ธุรกิจอยู่ถูกที่ถูกเวลา (Timing) เป็นเรื่องสำคัญมาก