Autonomous Services จะช่วยให้ CIO ก้าวทันต่อคลื่นแห่งการเปลี่ยนแปลงได้อย่างไร? | Techsauce

Autonomous Services จะช่วยให้ CIO ก้าวทันต่อคลื่นแห่งการเปลี่ยนแปลงได้อย่างไร?

ผู้บริหารฝ่ายสารสนเทศ (CIO: Chief Information Officer) ยุคนี้ได้ลงทุนกับเทคโนโลยีต่างๆ อย่างมาก รวมไปถึงการลงทุนด้าน Cloud Computing ที่ต้องเสริมเรื่องการทำงานได้อย่างอิสระด้วยตนเอง หรือ Autonomous Services ด้วย เพื่อช่วยให้ก้าวทันต่อการเปลี่ยนแปลงต่างๆ ที่จะเกิดขึ้น แล้วการลงทุนกับ Autonomous Services นั้นดีอย่างไรและทำให้ก้าวทันต่อการเปลี่ยนแปลงได้อย่างไร?

รายงาน “ผลสำรวจ 2018 CIO Agenda” ของ Gartners ระบุว่า ผู้บริหารฝ่ายสารสนเทศ (CIO: Chief Information Officer) ทั่ว Southeast Asia ได้เปลี่ยนบทบาทจากการเป็น "ผู้ให้บริการด้านไอทีภายในองค์กร" ไปเป็น "ผู้สร้างความเปลี่ยนแปลงให้กับองค์กร" โดยการลงทุนกับเทคโนโลยีต่างๆ อย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นปัญญาประดิษฐ์ (AI), Internet of Things, Blockchain และอื่นๆ

ซึ่งการส่งเสริมนวัตกรรมและพัฒนาความก้าวหน้าจำเป็นต้องใช้ประโยชน์จาก Cloud Computing ซึ่งเป็นบริการต่างๆ หลังจากนี้ต้องมองถึงการทำงานได้อย่างอิสระด้วยตนเอง (Autonomous Services) ด้วย เพราะถือเป็นเทคโนโลยีรุ่นต่อไป ที่จะช่วยให้ก้าวทันต่อการเปลี่ยนแปลงต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นได้อย่างไร?

Autonomous Cloud Services

คำว่า Autonomous Cloud Services คือบริการคลาวด์ประเภทใหม่ประเภทหนึ่ง ที่ช่วยลดค่าใช้จ่าย และลดความเสี่ยงให้กับธุรกิจต่างๆ และเป็นมากกว่าการคาดการณ์เชิงลึก ด้วยการให้คำแนะนำวิธีการและการนำนวัตกรรมไปใช้ได้ประโยชน์อย่างรวดเร็ว

Autonomous Cloud Services ได้เข้ามากำหนดระดับมาตรฐานใหม่ให้กับอุตสาหกรรมไอที ด้วยการใช้งานที่ง่าย, ทำงานได้ด้วยตนเอง และมีความปลอดภัยเหนือระดับแบบที่ไม่เคยมีมาก่อน ผ่านการขับเคลื่อนการทำงานได้ด้วยตนเอง สามารถปกป้องและซ่อมแซมตนเองได้

คุณสมบัติดังกล่าวข้างต้นส่งผลให้เกิด "องค์กรอัตโนมัติ" (Autonomous Enterprise) ที่ทำให้ระบบไอทีหลักขององค์กรไม่จำเป็นต้องพึ่งพาผู้คนในการรันระบบ บำรุงรักษา ประสานการทำงาน พัฒนาและรักษาความปลอดภัย แต่เป็นการใช้ AI และระบบอัตโนมัติที่จะทำงานร่วมกันเพื่อบริหารจัดการทุกสิ่งทุกอย่าง ตั้งแต่ฐานข้อมูลไปจนถึงการพัฒนาแอปพลิเคชั่น และให้ข้อมูลเชิงลึกจากทุกกระบวนการทางธุรกิจที่นำไปใช้งานได้ทันที โดยไม่ต้องใช้คน นอกจากนี้ AI และระบบอัตโนมัติยังช่วยให้ธุรกิจต่างๆ มีความ 'ยืดหยุ่นแบบดิจิทัล' เพื่อต่อกรกับความเสี่ยงทางเทคโนโลยีอื่นๆ นอกเหนือจากความเสี่ยงด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ ได้มากขึ้น

ประหยัดเวลาที่ต้องใช้ในการเรียนรู้

ผลสำรวจ 2018 CIO Agenda ของ Gartners พบว่า CIO มากกว่าหนึ่งในสามในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกได้ใช้แล้ว หรือมีแผนระยะสั้นในการใช้เทคโนโลยี AI ซึ่งแสดงให้เห็นว่าความสนใจในเทคโนโลยีต่างๆ ที่เอื้อให้ใช้ประโยชน์จากข้อมูลได้มีประสิทธิภาพขึ้นโดยลงมือทำด้วยคนน้อยลง ได้เกิดขึ้นเป็นอย่างมากในภูมิภาคนี้

กล่าวได้ว่าเป็นความเคลื่อนไหวและการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวที่เกิดขึ้น ทุกคนเริ่มยอมรับแล้ว

จากข้อมูลของ Willis Towers Watson พบว่า 63% ของนายจ้างในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกต่างพยายามสรรหาและดึงดูดความสนใจคนที่มีทักษะด้านต่างๆ มาทำงานกับองค์กร จึงไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไม CIO จึงต้องการโซลูชั่นที่จะช่วยให้พนักงานที่มีความสามารถพิเศษที่องค์กรมีอยู่ สามารถใช้เวลาที่มีไปทำงานที่สร้างมูลค่าให้กับองค์กรได้มากกว่างานพื้นๆ ทั่วไป ข้อมูลจาก IDC ระบุว่าค่าใช้จ่ายด้านแรงงานในปัจจุบันมีสัดส่วนประมาณ 75% ของค่าใช้จ่ายในการบริหารจัดการฐานข้อมูลทั้งหมด

ดังนั้น การปรับกลยุทธ์การสับเปลี่ยนกำลังคนและการมอบหมายหน้าที่ให้กับพนักงานจึงหมายถึงการประหยัดเวลาและเงินจำนวนมาก

ทำงานอย่างชาญฉลาด

นอกจากความต้องการประหยัดค่าใช้จ่ายแล้ว CIO ยังต้องการการทำงานที่รวดเร็วและชาญฉลาดมากขึ้น เพื่อนำพาธุรกิจไปในทิศทางที่มีความตื่นเต้นมากขึ้น และ Autonomous ก็เป็นกุญแจสำคัญที่นำสู่ความสำเร็จตามเป้าหมายดังกล่าว

บริษัทฟอร์ท สมาร์ท ในประเทศไทยได้ใช้งาน Autonomous Cloud ในขั้นเริ่มต้น และสามารถทำงานได้เร็วขึ้นมากถึง 80 เท่า

เช่นเดียวกันกับบริษัท Accenture ที่ต้องการพัฒนาการบริหารจัดการพนักงานฝ่ายบริการจำนวนมากให้ดีขึ้น การทดลองใช้งาน Autonomous Cloud Solutions มาบริหารแอปพลิเคชั่นที่อัดแน่นด้วยข้อมูลทางด้านทรัพยากรมนุษย์ ช่วยให้บริษัทได้รับข้อมูลเชิงลึกเฉพาะบุคคล (Personalized) ได้รวดเร็วยิ่งขึ้น เพื่อนำมาช่วยในการดำเนินการตัดสินใจที่เกี่ยวข้องกับพนักงานได้รวดเร็วและชาญฉลาดยิ่งขึ้น

สร้างความยืดหยุ่นแบบดิจิทัล

บริการต่างๆ ที่เป็นแบบ Autonomous จะช่วยลดทอนความผิดพลาดในการทำงานที่เกิดขึ้นจากมนุษย์ ซึ่งเป็นปัญหาสำคัญของการทำงานในหลายภาคส่วน

เช่นในเรื่องของการรักษาความปลอดภัย รายงานจาก Gartners ระบุว่า ภายในปี พ.ศ. 2565 ความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์ของบริษัทหนึ่งๆ จะมีความสำคัญเทียบเท่ากับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือของลูกค้า ผู้จัดจำหน่าย และคู่ค้าของบริษัท อย่างไรก็ตาม ปัญหาการโจมตีระบบความปลอดภัยและการฝ่าฝืนกฎเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จนมนุษย์ไม่สามารถตั้งรับได้ทันท่วงที

ทั้งนี้ Gartners ได้คาดการณ์ไว้ว่า ความล้มเหลวของระบบรักษาความปลอดภัยคลาวด์ประมาณ 95% มีสาเหตุมาจากความผิดพลาดของลูกค้า

การทำงานของ AI และระบบ Automation จะช่วยให้ธุรกิจต่างๆ สามารถตรวจสอบ ป้องกัน และจัดการกับการละเมิดความปลอดภัย รวมถึงความผิดปกติในการทำงาน และจุดอ่อนสำคัญต่างๆ ได้โดยอัตโนมัติ หนทางเดียวที่องค์กรต่างๆ จะสามารถจัดลำดับความสำคัญและทบทวนรายละเอียดในการป้องกันข้อมูลของพวกเขาอีกครั้งได้นั้น คือการให้แมชชีนเหล่านี้ต่อสู้โต้ตอบกันเอง

โอกาสสำหรับธุรกิจขนาดย่อม

ระบบ IT Autonomous จะสร้างประโยชน์แก่ธุรกิจทั้งขนาดเล็กและขนาดใหญ่ เนื่องจากยุคนี้ระบบดิจิทัลที่มีความคล่องตัวมากขึ้น ทำให้แค่การมี Scale ที่ใหญ่และการขยายตัวได้รวดเร็วนั้นไม่เพียงพอต่อการอยู่รอดอีกต่อไป

องค์กรหลายแห่งจะต้องดำเนินธุรกิจแบบชาญฉลาด เพื่อที่จะสามารถขับเคลื่อนไปยังทิศทางที่ถูกต้องได้อย่างรวดเร็ว และนั่นเป็นสิ่งที่ระบบ Autonomous Cloud ช่วยให้บริษัทต่างๆ ทำเช่นนี้ได้ ซึ่ง Autonomous ช่วยให้ธุรกิจที่ไม่มีผู้ดูแลจัดการฐานข้อมูลหรือฮาร์ดแวร์ สามารถใช้โซลูชั่นต่างๆ เช่นโซลูชั่นด้าน Warehouse ได้ทันทีเป็นครั้งแรก

QMP Health ซึ่งเป็นบริษัทขนาดเล็ก ได้ใช้เวลาในการค้นพบความไร้สมรรถภาพและเตรียมผลทดลองต่างๆ ที่ได้จากในแล็ปได้ภายใน 1 ชั่วโมง จากที่เคยต้องใช้ระยะเวลาถึง 2 สัปดาห์ในการดำเนินงาน เมื่อผู้ป่วยได้รับการดูแลที่ดีขึ้น ก็ทำให้ธุรกิจของบริษัทมีความได้เปรียบมากกว่าคู่แข่งรายใหญ่อื่นๆ

Gartners ยังได้มีการคาดการณ์เอาไว้ว่า บริการ Autonomous จะกลายเป็นหนึ่งในเทคโนโลยีที่เหล่า CIO ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกต่างกระตือรือร้นที่จะนำมาใช้งานในอนาคตอย่างแน่นอน

สรุป

สิ่งที่กล่าวมานี้ เป็นเหตุผลที่เราคาดว่า ในอีกสองปีข้างหน้า ข้อมูลระดับองค์กรจำนวนเกินครึ่งจะได้รับการบริหารจัดการโดยอัตโนมัติ และการปฏิบัติงานทางด้านไอทีที่ใช้มนุษย์เป็นคนทำงานดังกล่าวจำนวน 20,000 กระบวนการต่อปี จะค่อยๆ ลดลงเหลือเพียงแค่ 20 กระบวนการเท่านั้น เนื่องจากระบบ Automation อัจฉริยะขั้นสูงได้เข้ามามีบทบาทในแพลตฟอร์มคลาวด์มากขึ้น

บริการ Autonomous ที่ทรงประสิทธิภาพ จะช่วยให้มีการอัพเดตแพทช์ได้แบบอัตโนมัติ ปรับเปลี่ยนระบบได้แบบอัตโนมัติ และสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งคุณสมบัติเหล่านี้เป็นเพียงคุณสมบัติเบื้องต้นเท่านั้น

จากนี้อีกไม่นาน เราจะได้เห็นบริการคลาวด์ที่จะมอบความเรียบง่าย การบริการและการปกป้องความปลอดภัยโดยอัตโนมัติที่ครอบคลุมทุกภาคส่วนของธุรกิจ เร่งผลักดันให้เกิดนวัตกรรมที่เป็นพลังขับเคลื่อนรูปแบบใหม่

หลายองค์กรในปัจจุบันพร้อมแล้วสำหรับการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ แล้วคุณล่ะ พร้อมหรือยัง

เรียบเรียงจากบทความของ นายเอสมันต์ ธง รองประธานกรรมการและผู้จัดการทั่วไป ฝ่ายโซลูชั่นเกิดใหม่และคลาวด์ แห่งภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก Oracle

ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด

No comment

RELATED ARTICLE

Responsive image

‘KBTG Techtopia: A BLAST FROM THE FUTURE' ชวนท่องโลกเทคโนโลยีสุดล้ำ ไปกับรถไฟสายพิเศษ

เผยความพิเศษของ 'KBTG Techtopia: A BLAST FROM THE FUTURE' 1 Day Event แห่งปี 2024 กับการโชว์เทคสุดล้ำ, Speakers มากกว่า 50 คน มาแชร์ความรู้และเทรนด์ใหม่ๆ ผ่าน 3 เวทีใหญ่ และเวิร์กช...

Responsive image

จากเทคโนโลยี AI สู่ IA เพื่อมนุษย์ ในมุมมองของ “Pattie Maes”

เทคโนโลยีจะช่วยให้เกิดการเรียนรู้ และพัฒนาชีวิตได้อย่างไร? มาดูแนวคิดในการออกแบบและทดสอบอุปกรณ์ที่ช่วยให้มนุษย์สามารถเรียนรู้ และมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ไปกับคุณ Pattie Maes นักวิจ...

Responsive image

สนามบินคันไซ 30 ปีไม่เคยทำสัมภาระผู้โดยสารสูญหาย ตั้งแต่เปิดให้บริการตั้งแต่ 1994 จนปัจจุบัน

30 ปีไม่มีพลาด สนามบินนานาชาติคันไซของญี่ปุ่นรักษาสถิติ ‘ไม่เคยทำสัมภาระผู้โดยสารสูญหาย’ เลยสักครั้ง นับตั้งแต่เปิดให้บริการในปี 1994 จวบจนปัจจุบัน...