พูดคุยกับสุดยอดนักลงทุนกับกว่า 400 บริษัททั่วโลก ผู้เป็นหุ้นส่วนกับกลุ่ม Startup กว่า 500 แห่ง และผู้เป็นอดีต Corporate Executive จาก Yahoo อย่างคุณ Marvin Liao ในประเด็นอนาคตของการทำงาน เมื่อโลกมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา และ COVID-19 ก็เข้ามาเป็นตัวเร่งให้ต้องปรับตัว เราจะรอดพ้นจากวิกฤตอย่างไร และ Skill sets ที่จำเป็นสำหรับอนาคตคืออะไร ถอดบทเรียนอนาคตของการทำงานในแต่ละประเด็น
ถ้ามองย้อนกลับไป โลกของเราก็เจอมากับเหตุการณ์ที่เทคโนโลยีเข้ามาแทนที่มนุษย์ อย่างช่วงยุคการปฏิวัติอุตสาหกรรม ซึ่งตอนนั้นมนุษย์เราก็ผ่านมันมาได้ สิ่งที่มองเห็นจากความเปลี่ยนแปลงนี้คือมนุษย์จะไม่ถูกแทนที่ด้วยเทคโนโลยีอย่างแน่นอน แต่อย่างไรก็ตามในช่วงแรกที่มีการนำเอาเทคโนโลยีเข้ามา มนุษย์ก็อาจจะได้รับผลกระทบบ้าง และต้องพยายามปรับตัว เรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ
ทั้งนี้คุณ Marvin ยังมองว่า การที่นำเอาหุ่นยนต์ หรือ AI เข้ามาช่วยในการทำงานบางอย่างที่ต้องอาศัยทักษะเดิม ๆ อย่าง งานขุดเหมือง งานด้านการผลิต เพราะมนุษย์มีทักษะในการทำอย่างอื่นมากกว่านั้น และการใช้เทคโนโลยีมันเหมาะกับการทำงานในระยะยาวที่ไม่ค่อยจะมีการเปลี่ยนแปลงมากกว่า การที่นวัตกรรมเหล่านี้เข้ามาอาจจะมีการ Disrupt งานบางงานไปก็จริง แต่จะเกิดงานใหม่ ๆ ขึ้นมาแน่นอน ดังนั้นสิ่งสำคัญคือคนต้องคอยเรียนรู้ทักษะใหม่ ๆ
สำหรับเทคโนโลยีแล้ว มันจะส่งผลดีหรือผลเสียขึ้นอยู่กับการนำมาใช้งานของมนุษย์ ทุกวันนี้เทคโนโลยีกำลังเติบโตขึ้นก็จริง และงานบางงานอาจจะถูก Disrupt ไปก็จริง แต่จะใช้เวลา 5-10 ปีเลยที่เดียว
งานด้านที่ต้องอาศัยความคิดสร้างสรรค์ (Creativity) จะยังคงมีอยู่ต่อไป เพราะไม่มีทางที่เทคโนโลยีจะมาทำงานแบบนี้ได้ดีเท่ามนุษย์ รวมทั้งจะเกิดงานใหม่ ๆ ขึ้นมา อย่างเช่น UX Specialist, Data Scientist, AI Specialist อีกทั้ง BioTech Engineering ก็จะมีบทบาทมากยิ่งขึ้น
สำหรับกลุ่มธุรกิจ Startup มีโอกาสสูงมากที่จะหันไปเล่นด้าน DeepTech, Battery และ Climate Tech อย่างการหารูปแบบใหม่ของการสร้างพลังงาน บางรายก็อาจจะหันมาลงทุนด้าน AI เพิ่มมากขึ้น และอีกสนามหนึ่งที่น่าสนใจคือสนามของการผลิตชิพ (Chip) เพราะมีความจำเป็นในอุตสาหกรรมที่ผลิตนวัตกรรมและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์มาก ๆ
จริง ๆ แล้วโลกได้เดินหน้าพัฒนาเทคโนโลยีมานานแล้ว แต่เมื่อมี COVID-19 ทำให้เห็นว่าเทรนด์หลายอย่างเกิดขึ้นมา และใช้งานได้จริงเร็วขึ้น อย่างเช่น E-commerce ที่มีการใช้งานในวงกว้างมากกว่าเดิม และการเปลี่ยนจากระบบออฟไลน์มาเป็นออนไลน์เสียส่วนใหญ่
สำหรับในบางอุตสาหกรรมจะเห็นว่ามีการนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมไปใช้ในการทำงาน เพื่อช่วยให้ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น อย่างโรงงานผลิตสินค้าในจีนที่ได้มีการติดตั้งหุ่นยนต์ในโกดังเก็บสินค้า และในส่วนของการผลิต รวมทั้งมีการนำเอา AI และระบบอัตโนมัติไปใช้อีกด้วย
จากการที่ COVID-19 ระบาดนี้ยังส่งผลให้หลาย ๆ คนต้องมีการเปลี่ยนงาน หรือทำงานในทักษะที่ตนไม่ถนัดเพิ่มขึ้นมา ส่งผลให้เกิดผลกระทบในหลาย ๆ ด้าน ทั้งกับองค์กรและกับตัวผู้ทำงานเอง ที่อาจจะต้องสร้างทักษะ และเรียนรู้ใหม่ทั้งหมด ทั้งนี้ทางออกที่ดีคือ ทางรัฐบาลของแต่ละประเทศควรให้การสนับสนุนที่ดีในช่วงของการเปลี่ยนงาน เช่น ให้การศึกษา หรือการฝึกอบรมให้พวกเขาพร้อมสำหรับงานใหม่ รวมทั้งให้เงินสนุบสนุนในระหว่างเรียนรู้ทักษะ และในช่วงที่ยังไม่ได้ทำงาน
สำหรับคุณ Marvin นั้นได้พูดถึงการศึกษาในสหรัฐอเมริกาที่มองว่าเป็นประเทศ Dystopian country หรือประเทศที่ไม่พึงปราถนาในแง่ของการศึกษา เพราะมหาวิทยาลัยและโรงเรียนกลายเป็นกับดักสร้างหนี้ให้กับนักเรียน อีกทั้งเมื่อเรียนจบออกมายังต้องเจอกับปัญหาการว่างงาน
อีกประเด็นสำคัญคือ ความไม่เท่าเทียมกันทั้งเรื่องของการทำงานและการศึกษาที่ยังเป็นปัญหาไปทั่วโลก ตัวอย่างที่ชัดเจนเมื่อช่วงล็อกดาวน์คือ ต้องทำงานแบบทางไกล (Remote working) ทำให้บางงานต้องปิดกิจการ หรือคนที่ไม่มีการสนับสนุนที่ดีพอทางด้านเทคโนโลยีก็จะไม่สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
และจากการเรียนออนไลน์ของเด็ก ๆ ทั่วโลก ทำให้เห็นว่าหลาย ๆ สิ่งได้เปลี่ยนแปลงไป การใช้โปรแกรมอย่าง Zoom ในการเรียนทำให้เด็ก ๆ ขาดการเข้าสังคมไปบ้างก็จริง แต่สิ่งที่เด็ก ๆ ได้มากกว่าเดิมคือ พวกเขาได้เรียนในสิ่งที่พวกเขาสนใจมากกว่าเดิม พวกเขาสามารถค้นหาสิ่งต่าง ๆ บนโลกอินเทอร์เน็ตได้ตามต้องการ และเรียนรู้ได้ทุกเวลา โดยก่อนหน้านี้มองว่ามีหลากหลายวิชาที่สอนในห้องเรียนแล้วไม่เกิดประโยชน์กับเด็ก ๆ เลย บทเรียนหลาย ๆ อย่างทำให้เด็กขาดความคิดสร้างสรรค์ ขาดความสนุกกับการเรียน การเรียนออนไลน์ก็เหมือนกับการเปิดโอกาสให้เด็กได้เรียนรู้ในสิ่งที่สนใจ และได้ใช้ความคิดสร้างสรรค์มากขึ้น เพราะฉะนั้น สิ่งสำคัญในยุคสมัยนี้คือการมีทักษะของ Self-learning การที่เด็ก ๆ ได้สร้าง Skill sets ของตัวเองขึ้นมา และให้พวกเขาได้ต่อยอดในสิ่งที่ชอบไปเป็นอาชีพในอนาคต
คำว่า Resilience และ Flexibility สำคัญมาก การยอมรับและปรับตัวให้ทันกลายเป็นประเด็นสำคัญในการอยู่รอดเมื่อเทคโนโลยีเข้ามา โลกหมุนเร็วขึ้น และความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นทุกเวลา ต้องพยายามปรับ Mindset ให้ยอมรับการเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ และปรับ Mental attitude ให้พร้อมรับมือกับทุกสถานการณ์
สำหรับทักษะที่ทางคุณ Marvin มองว่าสำคัญมาก ๆ ในช่วงนี้และหลังจากนี้ ตัวอย่างเช่น
ท้ายที่สุดแล้วแต่ละคนก็อาจจะมีความสนใจ และความเข้าใจในสิ่งที่แตกต่างกัน แต่อยากจะให้ลองพยายามเรียนรู้หลาย ๆ ทักษะ เพื่อสร้าง Skill sets ใหม่ ๆ ให้ลองทำหลาย ๆ อย่าง ทั้งเรียนออนไลน์ในสิ่งที่ไม่เคยเรียน หรือลองทำอาชีพเสริมอื่น ๆ เป็นต้น
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด