เอสโตเนียเป็นหนึ่งในประเทศที่ทันสมัยที่สุดในโลกด้านดิจิทัล นับตั้งแต่เริ่มโครงการ e-Residencyให้บริการระบบราชการออนไลน์แบบครบวงจร อีกทั้งเป็นประเทศเดียวในโลกมีการลงคะแนนเสียงเลือกตั้งออนไลน์ผ่านระบบ i-Votingในขณะที่หลาย ๆ ประเทศทั่วโลกยังคงลังเลว่าจะทำการลงคะแนนเสียงอย่างไรดี ดูเหมือนว่าประเทศเล็ก ๆ อย่างเอสโตเนียจะนำหน้าด้านการเป็นประเทศแห่งดิจิทัลไปไกลแล้ว ประชาชนสามารถทำการเลือกลงคะแนนเสียงออนไลน์บนระบบ i-Voting จากที่ไหนก็ได้บนโลก เรียกได้ว่าสามารถลดขั้นตอนที่น่าปวดหัวทางระบบราชการไปได้เยอะ
เมื่อเร็ว ๆ ในการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของประเทศเอสโตเนีย กว่า 44 เปอร์เซ็นต์ของการเลือกตั้งได้ทำการโหวตผ่านระบบ i-Voting เปรียบเทียบกับปี 2019 ในการเลือกตั้งรัฐสภายุโรป มีประชาชนชาวเอสโตเนียเพียง 16 เปอร์เซ็นต์เท่านั้นที่ทำการลงคะแนนเสียงออนไลน์ ซึ่งผลลัพธ์ล่าสุดที่ได้ไม่น่าประหลาดใจ เพราะกว่าจะมาถึงจุดนี้ได้ ก็ต้องใช้เวลาในการพัฒนาระบบดิจิทัลเข้าไปในการทำงานทุกภาคส่วนของรัฐเป็นเวลากว่าสองทศวรรษ
อ่านเพิ่มเติม: อดีตนายกฯ Estonia กับการละทิ้งความล้าหลังของระบบราชการด้วยระบบดิจิทัล
เอสโตเนียเริ่มใช้ระบบเลือกตั้งออนไลน์ตั้งแต่ปี 2005 โดยใช้ RFID chip และเครื่องอ่านบัตรประชาชน ต่อมาถูกยกเลือกในปี 2011 เปิดให้มีการเลือกตั้งผ่านโทรศัพท์มือถือแทน ประชาชนเพียงใช้ Smart ID Card, Mobile ID, หรือ PIN Code ในการเข้าระบบ เพียงเท่านี้ก็สามารถทำการลงคะแนนเสียงจากที่ไหน เวลาไหนก็ได้
และที่ล้ำไปกว่านั้น ยังสามารถเปลี่ยนการลงคะแนนระหว่างช่วงก่อนการเลือกตั้งได้สี่วัน (ไม่สามารถใช้ระบบ i-voting ได้ในวันเลือกตั้ง) อีกทั้งยังสามารถทำการตรวจสอบกับเจ้าหน้าที่ได้เลยว่าพวกเขาได้รับผลโหวตเป็นที่เรียบร้อย มั่นใจได้ว่าจะไม่มีการโกงคะแนนเสียงอย่างแน่นอน
จริงอยู่ที่ว่าประเทศเอสโตเนียเป็นประเทศเล็ก (มีประชากร 1.3 ล้านคน แต่มีเพียง 561,131 คนที่ลงคะแนน) อีกทั้งไม่ได้เป็นเป้าหลักของประเทศมหาอำนาจอื่น แต่ก็ได้พยายามผลักดันประเทศให้มีความเป็นดิจิทัลในทุกด้าน พัฒนาระบบเลือกตั้งออนไลน์ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น อย่างไรก็ตาม หากประเทศไหนจะนำระบบนี้เข้าไปใช้บ้าง ก็อาจจะต้องใช้เวลาสักพัก และอาจต้องมีการป้องกันความปลอดภัยในระดับสูง
ที่มา: Engadget: Nearly half of the votes in Estonia's election were cast online
ภาพ Cover จาก Flickr