Justin Kan นักลงทุนผู้เข้าร่วม Y Combinator (YC) ในฐานะพาร์ทเนอร์ หนึ่งใน Startup Accelerator ชื่อดังของโลก และยังเป็น Cofounder สตรีมมิ่งแพลตฟอร์มแนวหน้าของโลก Twitch โดยเขาได้เผยถึง 3 หลุมพรางที่จะส่งผลร้ายต่อบริษัทก็คือ การหลุดจากจุดโฟกัส, การที่เงินทุนเริ่มร่อยหรอ และการมีอคติต่อ Co-founder ของตนเอง ซึ่งเขาก็ได้ชี้จุดที่น่าสนใจเกี่ยวกับสิ่งที่ Startup ‘ควรทำ’ และสิ่งที่ ‘ไม่ควรทำ’ สำหรับผู้ที่อยากจะสร้างธุรกิจของตนเองให้ยิ่งใหญ่และประสบความสำเร็จ
1. การไม่โฟกัสกับสิ่งที่สำคัญที่สุดนั้นถือว่าเป็นความผิดพลาดที่ยิ่งใหญ่มาก ซึ่งสิ่งสำคัญเหล่านั้นคือการสื่อสารกับผู้ใช้ และการสร้างผลิตภัณฑ์ขึ้นมา จริงๆ แล้วการหลุดโฟกัสนั้นเป็นจุดที่ Startups หลายๆ รายนั้นมักจะผิดพลาด โดยพวกเขานั้นมักจะไปโฟกัสในสิ่งที่สำคัญน้อยกว่า อย่างเช่น การเข้าไปโฟกัสกับผู้ที่มีแนวโน้มที่จะมาเป็นลูกค้าของคุณ แต่พวกเขานั้นไม่ได้กลายมาเป็นลูกค้าของคุณจริงๆ
โดย Kan ได้กล่าวว่า “สิ่งที่เป็นพื้นฐานที่เราพูดกันที่ YC ก็คือการพูดคุยกับผู้ใช้งาน และเขียนโค้ด ทดลองผลิตภัณฑ์ที่เราทำให้ผู้ใช้งาน และสังเกตว่าผลิตภัณฑ์ของเราสามารถที่จะแก้ไขปัญหาของผู้ใช้ได้หรือไม่ และก็ต้องทำการทดลองผลิตภัณฑ์ซ้ำแล้วซ้ำอีก เพื่อที่จะได้รับปริมาณฟีดแบคในจำนวนหนึ่งจากผู้ใช้ ซึ่งปัญหาสำหรับ Startup นั้นมากจากการที่พวกเขาไม่ทำสิ่งเหล่านี้” Kan ยังเผยอีกว่า ถึงแม้ว่าพวกคุณจะได้เข้ามาใน YC ในฐานะ Startup นั่นไม่ได้แปลว่าพวกคุณนั้นจะสามารถหยุดทำงานหนักได้ บริษัท Startups ที่ประสบความสำเร็จนั้นมักจะสามารถเข้าไปในจุดที่ Kan เรียนว่า ‘Magic Combination’ หรือการผสมผสานของการเลือกตลาดที่ถูกต้องและการโฟกัสได้อย่างที่จุดในการเลือกผลิตภัณฑ์และการพัฒนาผลิตภัณฑ์ของพวกเขา
2. อีกหนึ่งเหตุผลที่ Startup หลายๆ รายนั้นล้มเหลวนั้นก็คือการที่เงินของพวกเขานั้นหมด แต่ไม่ได้หมายถึงการที่พวกเขานั้นมีเงินไม่เพียงพอ “โดยทั่วไปเมื่อคุณนั้นระดมทุนในจำนวนมาก คุณจะเริ่มขยายงบประมาณของคุณเพื่อที่จะให้มันสอดคล้องกับจำนวนเงินที่คุณได้รับ และบางทีคุณก็ตกเข้าไปในกับดักของการพยายามที่จะใช้เงินในการแก้ปัญหาทั้งหมดของคุณ”
“แต่ผมคิดว่าการระดมทุนเงินในจำนวนที่น้อยนั้นเป็นผลดีต่อ Startup เพราะว่ามันเป็นการทำให้เกิดความคิดที่สร้างสรรค์” ซึ่งเขาได้แนะนำว่าการมีเงินทุนที่น้อยจริงๆ แล้วดีต่อทีม “ด้วย Justin.tv เรามีเงินทุนที่น้อย ซึ่งเราก็ได้สร้างเซิร์ฟเวอร์และรากฐานของเรา และท้ายที่สุดแล้วเราก็สามารถที่จะสร้างรากฐานที่แข็งแกร่ง ซึ่งได้กลายมาเป็น Bandwith ที่มีผู้ใช้มากที่สุดเป็นอันดับ 4 ในสหรัฐอเมริกาในตอนที่เราได้ขายมันไป ซึ่งเราเริ่มจากการที่ไม่มีศักยภาพพอในการระดมทุน แต่มันก็ทำให้เรานั้นสร้างเทคโนโลยีที่มีมูลค่ามหาศาล”
โดยเขาได้ยกตัวอย่างในกรณีของบริษัท Startup Exec ที่ได้ทำการระดมทุนเงินกว่า 3.5 ล้านดอลลาร์ ในรอบ Seed โดยในตอนนั้นพวกเขายังไม่มีธุรกิจที่สามารถจับต้องได้จริงๆ และไม่นานหลังจากนั้น เงินของพวกเขาก็เริ่มหมดลงเรื่อยๆ โดยยังไม่มีธุรกิจอะไรขึ้นมาเป็นชิ้นเป็นอัน “ไม่ว่าจำนวนเงินมากเท่าไหร่ที่คุณได้มากจากการระดมทุน คุณจะใช้มันภายใน 12-24 เดือน ซึ่งภายใน 24 เดือนนี้เงินของคุณก็จะเริ่มหมดลง” ส่วนหนึ่งคือการที่บางส่วนนั้นไม่ค่อยมีความสมเหตุสมผลทางธุรกิจสักเท่าไหร่ และผมคิดว่าในระยะเวลาสั้นๆ สิ่งนี้นั้นค่อนข้างอันตรายต่อบริษัทอย่างมาก
3. การที่ Co-founder นั้นเข้ากันไม่ได้ หรือการที่ “พวกเขานั้นไล่กันและกันออก หรือการที่อีกครึ่งหนึ่งนั้นลาออก” พวกคุณนั้นจะรู้ได้เลยว่า Startup นั้นไม่สามารถไปต่อได้อีกต่อไป โดย Kan ได้แนะนำถึงการทดลองการทำงานด้วยกัน และดูว่าพวกคุณนั้นสามารถที่จะเข้ากันได้หรือไม่ ซึ่งนี่เป็นวิธีที่ค่อนข้างสมเหตุสมเหตุผลมาก แต่ความเป็นจริงแล้วการทำเช่นนี้นั้นก็ไม่เคยปรากฎให้เห็นในหลายๆ เคส โดยเขาได้กล่าวว่า บางครั้งการหาพาร์ทเนอร์ของบริษัท ก็เหมือนกับการซื้อล็อตเตอรี่
หากพูดถึงเรื่องของความสำเร็จของ Startup ถึงแม้ว่า Startup ที่ได้รับเงินสนับสนุนจาก YC บริษัทที่จะประสบความสำเร็จอย่างมากนั้นก็ยังหาได้ยาก “สำหรับ YC เราให้เงินสนับสนุน Startup กว่า 1,100 แห่ง แต่เรานั้นมีจำนวน Startup แค่ 10-11 รายหรือจำนวน 1% เท่านั้นที่สามารถที่ทำเงินได้กว่า 1 พันล้านดอลลาร์ และจำนวน 5% ที่สามารถทำเงินได้กว่า 100 ล้านดอลลาร์ ดังนั้น ถึงแม้ว่าจะถูกสนับสนุนโดย YC อัตราความสำเร็จก็ยังถือว่าน้อย ซึ่ง Kan ก็ยังเผยอีกว่าเหตุผลที่ในเอเชียนั้นยังไม่ค่อยมียูนิคอร์นสักเท่าไหร่ เป็นเพราะว่ามันเป็นเรื่องยากที่ในการที่จะรวมจำนวนประชาชนที่เพียงพอในภูมิภาคนี้ “ในสหรัฐฯ เรามีจำนวนประชากรกว่า 300 ล้านคนที่ค่อนข้างมีฐานะ” ซึ่งค่อนข้างง่ายที่จะทำให้ประสบความสำเร็จ
สำหรับแนวโน้มเทรนด์ในการลงทุนใน YC Kan ได้กล่าวว่า เทรนด์ส่วนมากนั้นจะตามบริษัทที่กำลังอยู่ในช่วงเริ่มต้น “เมื่อตอนช่วงที่ Groupon นั้นเริ่มต้น ก็ได้มีหลากหลายบริษัทที่มีความคล้ายคลึงกัน ซึ่งเราก็ได้ทำงานสนับสนุนไปแค่ไม่กี่รายเท่านั้น และพวกเขาส่วนมากนั้นก็มีแนวโน้มที่จะล้มเหลวหรือไม่ก็ปรับเปลี่ยนธุรกิจไปทำอย่างอื่นแทน” ซึ่ง Kan ก็ได้ชี้ให้เห็นว่าเทรนด์ที่กำลังมาแรงในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้นั้นคือ Fintech ซึ่ง YC ก็ได้ให้การสนับสนุนบริษัทเหล่านั้นไป รวมถึงบริษัทที่ทำเรื่องของระบบพื้นฐานของการชำระเงินที่ช่วยในการขับเคลื่อนอุตสาหกรรม e-Commerce
ส่วนหนึ่งที่ YC ได้รับความโด่งดังนั้นมาจากการเป็นผู้ให้การสนับสนุนรายแรกของ Airbnb ซึ่ง YC นั้นก็ได้ให้การสนับสนุน Startup ไปกว่า 1,100 ราย โดย Kan นั้นก็เคยเป็นหนึ่งในบริษัทที่ได้รับการสนับสนุนจาก YC ในหลายๆ ธุรกิจของเขา ซึ่งรวมถึงธุรกิจวิดีโอสตรีมมิ่ง Justin.tv และภายหลังเขาก็ได้สร้างช่องทางสำหรับผู้ใช้งานในการสตรีมไลฟ์ของตัวเองเพิ่มขึ้นมา นอกจากนี้ยังมีวิดีโอแพลตฟอร์มอื่นๆ ที่ได้รับการสนับสนุน อย่าง Social Cam และ Twitch ที่มีรูปแบบการทำงานคล้าย YouTube แต่ส่วนมากสำหรับเกมเมอร์เท่านั้น
ผู้ประกอบการจะนำธุรกิจผ่านช่วงวิกฤตในครั้งนี้และครั้งต่อๆ ไปได้อย่างไร ฟัง Justin Kan ผู้ร่วมก่อตั้ง Twitch แพลตฟอร์มถ่ายทอดสดการเล่นเกมและการแข่งขัน E-Sport ซึ่งถูกเข้าซื้อกิจการโดย Amazon ในมูลค่า 970 ล้านเหรียญสหรัฐ เขายังได้ก่อตั้งหลายบริษัทที่สามารถระดมทุนได้มากกว่า 500 ล้านเหรียญสหรัฐ อีกทั้งทำการลงทุนใน Startup อย่าง Reddit, Cruise, Automation, Bird, Rippling และอื่นๆ อีกมากมาย Justin จะมาแบ่งปันประสบการณ์ของเขาในการขยายธุรกิจ และให้คำแนะนำสำหรับผู้ประกอบการในช่วงวิกฤต ที่งาน Techsauce Global Summit 2020 วันที่ 5-8 ตุลาคม 2563 นี้
จำหน่ายบัตรแล้ววันนี้ ซื้อบัตรได้เลยที่ https://bit.ly/2Yhm5Pz
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://bit.ly/2DHeZNr
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด