ฮือฮาอีกครั้งกับการประกาศอัพเดทความเคลื่อนไหวล่าสุดของ Meta กับงาน Meta Connect 2022 เมื่อวันวันอังคาร (11 ตุลาคม) หลังจากการออกสื่อล่าสุดของ Mark Zuckerberg ซีอีโอที่ถูกกล่าวว่าตัวการที่ทำให้เกิดปัญหาทั้งผลประกอบการและภาพลักษณ์บริษัท
ในครั้งนี้ Meta กลับมาพร้อมการเปิดตัวอุปกรณ์ใหม่พร้อมวิสัยทัศน์ที่มุ่งมั่นในการเข้าสู่โลก Virtual Reality เรียกความเชื่อมั่นด้วยการประกาศถึงเม็ดเงินมากกว่า 1.5 พันล้านดอลลาร์ใน Quest Store หลังจากพยายามลดต้นทุนในการเข้าสู่โลก VR และการเดินตามแผน Metaverse ไม่ค่อยสู้ดีนักในก่อนหน้านี้
บทความที่เกี่ยวข้อง
สำหรับ Meta Connect 2022 Meta แสดงข้อมูลใหม่เกี่ยวกับ Quest Store Meta โดยตั้งข้อสังเกตว่ามากกว่าหนึ่งในสามของเกม 400 รายการมียอดขายมากกว่า 1 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยมี 33 เกมที่มีรายได้รวมเกิน 10 ล้านเหรียญสหรัฐ ได้แก่ The Walking Dead: Saints & Sinners ที่มีรายได้มากกว่า 50 ล้านเหรียญใน Quest และ Resident Evil ทำรายได้ 2 ล้านเหรียญใน 24 ชั่วโมงแรกที่เปิดให้บริการ ตัวเลขนี้สอดคล้องกับข้อมูลที่มีการพูดถึงก่อนหน้านี้ว่า จำนวนชุดหูฟัง VR ที่จัดส่งในช่วงสองสามปีที่ผ่านมาได้เพิ่มขึ้นเช่นเดียวกัน
เปิดตัว “Quest Pro Headset” ที่อ้างว่าเป็น ‘Milestone’ ใหม่ของบริษัท ที่จะนำพาประสบการณ์ “Mixed reality” แก่ผู้ใช้ได้อย่างสมจริง เตรียมวางจำหน่ายภายในเดือนตุลาคมนี้ ด้วยราคาที่คาดการณ์ว่าจะสูงถึง 1,499 เหรียญสหรัฐ (เกือบ 6 หมื่นบาท) หลังจากที่พัฒนา Meta Quest 2 รุ่นล่าสุดออกมาในเดือนสิงหาคมที่ขึ้นราคาจาก 299 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 12,000 บาท) เป็น 399 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 15,000 บาท)
“The beginning of an evolution in VR” Rupa Rao หัวหน้าฝ่ายจัดการผลิตภัณฑ์ Meta กล่าวขณะสาธิตการใช้งาน Quest Pro สู่สาธารณะเป็นครั้งแรก Quest Pro ถูกเรียกว่าเป็น Multi-functional immersive computing platform ที่จะกลายเป็นอุปกรณ์อเนกประสงค์ตัวแรกที่เชื่อมต่อ Metaverse แบบสมบูรณ์
ชุดหูฟัง Quest Pro ถูกปรับปรุงโดยผสานข้อดีระหว่างหูฟังแบบสแตนด์อโลนที่มีน้ำหนักเบาและหูฟังแบบ PC-Based ข้อบกพร่องจากการออกแบบรุ่นก่อนหน้านี้มาปรับใช้ทั้งหมด ว่ากันว่าจะติดตามการแสดงออกทางสีหน้าและโหมด Eye-tracking จะมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น เพื่อทำให้การจำลองการแสดงออกทางสีหน้าจริงบนอวาตาร์ดียิ่งขึ้น (Natural facial expressions)
ยังเป็นอุปกรณ์เครื่องแรกที่มีชิป Qualcomm Snapdragon XR2+ พร้อมด้วย RAM ขนาด 12GB พื้นที่เก็บข้อมูล 256GB และอัตราการรีเฟรช 90Hz ที่เคลมว่าให้ประสิทธิภาพที่ดีกว่า Quest 2 ถึง 50% สแต็คจอแสดงผลที่บางลง 40% เพื่อลดความหนาของชุดหูฟัง นอกจากนี้ยังพัฒนาความสามารถตรวจจับวัตถุในโลกแห่งความเป็นจริงได้ดียิ่งขึ้นอีกด้วย
ก่อนหน้านี้ทุกคนได้เห็นแล้วว่าร่างอวาตาร์ใน Horizon World นั้นจะลอยเหนือพื้น มีเพียงลำตัวช่วงบน แขน ศีรษะ โดยไม่มีลำตัวช่วงล่าง ในครั้งนี้อวาตาร์โฉมใหม่ดูเหมือนคนที่สมบูรณ์ยิ่งขึ้นแถมพัฒนาให้เดินได้อีกด้วย
Meta กล่าวว่า"ขาเป็นหนึ่งในคุณลักษณะที่มีการร้องขอมากที่สุดในแผนงานของเรา และเป็นจุดที่เราให้ความสำคัญ" บริษัทระบุว่าซึ่งที่ผ่านมาพัฒนาซอฟต์แวร์เพื่อปรับปรุงประสบการณ์เสมือนจริงมาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะเซนเซอร์เพื่อตรวจจับการเคลื่อนไหวจริง เพื่อให้อวาตาร์ในโลกเสมือนจริงมีความสมจริงมากขึ้น
นอกจากนี้ยังมีการเปิดเผยว่า จะสามารถสร้างและแชร์อวาตาร์ Meta ไปยังแอปฯในเครือ และเปิดโหมดอวาตาร์ในโหมดวีดิโอคอลทาง Messenger, Instagram และ WhatsApp จำลองการแสดงออกและการเคลื่อนไหวของคุณในระหว่างการโทร และสามารถถ่ายวิดีโอบน Horizon Worlds และแชร์อวดไปยัง Facebook และ Instagram Reels ได้อีกด้วย
Meta ประกาศความร่วมมือกับ Microsoft พัฒนาจักรวาล VR ร่วมกัน โดยซอฟต์แวร์ต่างๆ ของ Microsoft จะถูกนำมาใส่อยู่ในอุปกรณ์ VR เพื่อเสริมประสบการณ์ในโลกเสมือนของ Meta มากยิ่งขึ้น ทั้ง Microsoft Team แอปพลิเคชัน Windows (Microsoft 365) รวมถึงบริการเกมสตรีมมิ่ง Xbox Cloud Gaming
Satya Nadella CEO ของ Microsoft กล่าวว่า “เรากำลังนำประสบการณ์การประชุมที่สมจริงของ Microsoft Teams มาสู่ Meta Quest เพื่อให้ผู้คนมีวิธีการใหม่ๆ ในการเชื่อมต่อซึ่งกันและกัน ซอฟต์แวร์ของ Window ช่วยเสริมความปลอดภัย รวมถึงการตั้งค่าเนื้อหาแอปส่วนบุคคลทั้งหมดไปยังอุปกรณ์ VR ด้วยขุมพลังเต็มรูปแบบจาก Windows”
เป็นที่รู้ดีว่าแผนการเกี่ยวกับ Virtual-Reality คือสิ่งที่ทั้งสองยักษ์ใหญ่มีเหมือนกัน สำหรับ Microsoft กับ Meta เคยร่วมมือพัฒนาโปรเจคฮาร์ดแวร์ VR และ AR ‘HoloLens’ ในก่อนหน้านี้ ในครั้งนี้เป้าหมายสำคัญ คือ การปรับสภาพแวดล้อม Virtual-Desk/Virtual-Meeting เสริมประสบการณ์การทำงานร่วมกันในโลกเสมือนให้ดียิ่งขึ้น
Microsoft 365 จะช่วยให้ผู้คนสร้างเนื้อหาจากแอปฯ เพื่อการทำงาน เช่น Word, Excel, PowerPoint และ Outlook มาสู่พื้นที่ 3 มิติ ช่วยขับเคลื่อนประสิทธิภาพการทำงานร่วมกันในรูปแบบใหม่ๆ อย่างแท้จริง สำหรับ Xbox Cloud Gaming บน Quest จะสตรีมเกมไปยังหน้าจอ 2D ของ VR ซึ่งรองรับคอนโทรลเลอร์ Xbox ที่มีอยู่
นอกจากนี้ Meta ได้ประกาศความร่วมมือกับ NBCUniversal บริษัทสื่อยักษ์ใหญ่ เจ้าของ แอปฯสตรีมมิ่ง Peacock ก็จะถูกใส่ในอุปกรณ์ VR ของ Meta ด้วยเช่นกัน ความร่วมมือครั้งนี้จะช่วยให้ Meta ใช้ประโยชน์จากฐานคอนเทนต์คุณภาพมหาศาล ไม่ว่าจะเป็นภาพยนตร์ ซีรีส์ การ์ตูน ที่มาพร้อมกับกลุ่มแฟนคลับ เรียกได้ว่าเป็นการเพิ่มประสบการณ์ของผู้ใช้ให้สามารถมีส่วนร่วมกับเนื้อหานี้ผ่านแอปฯโซเชียล VR Horizon Worlds รวมถึงที่สวนสนุก Universal Studios ในชีวิตจริง
เมื่ออ่านมาถึงตรงนี้จะเห็นได้ชัดเจนว่า Meta ยังคงโฟกัสไปที่ประสบการณ์ด้านการทำงานใน Horinzon World อย่างต่อเนื่อง ในครั้งนี้ Meta ปรับปรุงคุณลักษณะ Workrooms ไม่ว่าจะเป็นความสามารถในการเพิ่มบันทึกย่อลงใน VR whiteboards การเรียกดู 3D models ร่วมกัน แสดงการใช้งาน Zoom feature ที่ได้รับความนิยมในสร้างกลุ่มแยกย่อยภายในการประชุมขนาดใหญ่ และสำหรับ Solo office Tasks ที่สามารถทำงานได้จาก Virtual screens สูงสุดสามหน้าจอใน Workrooms พร้อมปรับแต่ง “Personal environments”
นอกจากนี้ยังได้เปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ที่เรียกว่า "Magic Room" ที่จะช่วยให้ทีมสามารถทำงานร่วมกันในรูปแบบไฮบริด ให้ผู้คนทำงานจากระยะไกลกับกลุ่มคนที่นั่งอยู่ด้วยกันใช้งานร่วมกันได้ คาดว่าจะเปิดอย่างเป็นทางการในช่วงปี 2023 เป็นต้นไป
อ้างอิงข้อมูลจาก
Meta's new Quest Pro headset, mixing real and virtual worlds, makes debut
Meta CEO Mark Zuckerberg debuts Meta Quest Pro VR headset that will cost $1,500
Here’s what you missed at Meta Connect 2022
Meta’s next enterprise push is into the metaverse
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด