สรุปประเด็นสำคัญจาก คุณรวิศ เรื่อง Future of work และทักษะที่ควรมี ถ้าอยากรอดจากการแทนที่ของ AI

สรุปประเด็นสำคัญจาก คุณรวิศ เรื่อง Future of work และทักษะที่ควรมี ถ้าอยากรอดจากการแทนที่ของ AI

งานสัมมนา TMA Thailand Management Day 2019 ภายใต้แนวคิด GROWTH: Building Capabilities for the Future ครั้งนี้ TMA ได้เชิญสปีกเกอร์ชั้นนำจากต่างประเทศและในประเทศมากมาย หนึ่งในนี้คือ คุณรวิศ หาญอุตสาหะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ศรีจันทร์สหโอสถ จำกัด ที่ได้มาร่วมแชร์ประสบการณ์การแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับบุคลากรในองค์กร ทั้งในแง่ของวิสัยทัศน์ ทัศนคติรวมถึงกลยุทธ์ เพื่อนำองค์กรก้าวสู่วัฒนธรรมแห่งนวัตกรรม

เมื่อระบบอัตโนมัติสามารถทำงานที่ซับซ้อนได้มากขึ้นเรื่อยๆ องค์กรจะทำการเตรียมบุคลากรในการรับมือกับแนวโน้มดังกล่าวได้อย่างไร? คุณรวิศให้คำแนะนำในการรับมือกับความท้าทายดังกล่าวในการพัฒนาทักษะที่สำคัญ มีด้วยกัน 3 ระดับ ดังนี้ (เรียงลำดับความซับซ้อนจากน้อยไปมาก)

  • Hard skill and Knowledge: ทักษะที่สามารถเรียนรู้ได้ โดยทักษะเฉพาะนี้จะเปลี่ยนไปตามอาชีพ เช่น Software development, Design, Product management, Big data analysis, Agile methodologies และ Lean management practices
  • Human/ Soft Skill: เป็นทักษะที่มีความซับซ้อน อีกทั้งความต้องการของทักษะนี้จะเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ เช่น Creativity, Critical thinking and Problem solving, Social Intelligence, Communication and influence
  • Meta skill: ทักษะเหล่านี้จะมีความซับซ้อนมากขึ้นไปอีก ช่น Growth mindset, Life-long learning aspiration, Self direction, Comfort with change, Uncertainty

ภูมิทัศน์ของงานในปี 2022 ท่ามกลางกระแส disruption 

1. ในอนาคตจะมีอาชีพใหม่เพิ่มขึ้น

ภายในปี 2022 จะมีอาชีพกว่า 75 ล้านตำแหน่งหายไป ขณะเดียวกันก็จะมีอีก 133 ล้านตำแหน่งเพิ่มขึ้นมา ทั้งนี้ อาชีพใหม่จะเพิ่มอย่างมีนัยสำคัญขึ้นเนื่องจากการพัฒนาเทคโนโลยี อย่าง นักวิเคราะห์ข้อมูล (Data Analysts) นักพัฒนาซอฟต์แวร์และแอปพลิเคชั่น (Software, Applications Developers) ด้านอีคอมเมิร์ช (E-Commerce) และผู้เชี่ยวชาญด้านโซเชียลมีเดีย (Social Media Specialist)

อย่างไรก็ตาม ยังมีการคาดว่างานที่ต้องใช้ทักษะการมีปฏิสัมพันธ์กับมนุษย์จะยังมีการเติบโตอยู่ เช่น พนักงานบริการลูกค้า ผู้เชี่ยวชาญด้านการขาย ผู้ทำการฝึกอบรมพัฒนาบุคคลากรและวัฒนธรรมในองค์กร ไปจนถึงผู้เชี่ยวชาญด้านการพัฒนาองค์กรและผู้จัดการนวัตกรรม

คุณรวิศเสริมว่า คนจำนวนมากมักจะคิดว่างานที่หายไปเนื่องจากการเข้ามาแทนที่ของระบบอัตโนมัติ นั่นคืองานที่ต้องใช้แรงงานหรือ Blue collar แต่จากรายงาน จะเห็นได้ว่ามีมนุษย์เงินเดือน หรือ White collar ก็ได้รับผลกระทบจำนวนมากเช่นกัน อย่าง Accounting, Bookkeeping, Playroll Clerks, Accountant, Auditors แต่สิ่งที่น่าสนใจก็คือ ทักษะในงานเหล่านี้มีความใกล้เคียงกับทักษะที่ใหม่ที่เพิ่มขึ้นในอาชีพเกิดใหม่ (ตามภาพ) พนักงานเพียงแค่ต้องทำการ reskill ทักษะใหม่ๆ ที่เพิ่มขึ้นเท่านั้น

2. การแบ่งงานระหว่างมนุษย์ เครื่องจักร และอัลกอริธึม กำลังเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว

Rate of automationมีคาดการณ์ว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงในแง่ของจำนวนชั่วโมงการทำงานโดยรวมระหว่างมนุษย์ เครื่องจักร และอัลกอริทึมอย่างมีนัยสำคัญ ในปี 2018 ใช้คนทำงาน 71% แต่ใช้หุ่นยนต์ 29% 

ภายในปี 2022 คาดว่าค่าเฉลี่ยนี้จะเปลี่ยนเป็นชั่วโมงการทำงานของมนุษย์ 58% และโดยเครื่องจักร 42%

จุดตัดที่สำคัญคือในปี 2025 เราจะทำงานน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์ ที่นี้เราอาจจะต้องมานั่งคิดแล้วว่า เราจะมีวันหยุดเพิ่มในวันไหนดี

3. เมื่อมีงานใหม่ก็ต้องการทักษะใหม่

ภายในปี 2020 ทักษะที่จำเป็นในการปฏิบัติงานส่วนใหญ่จะเปลี่ยนไปอย่างมาก ค่าเฉลี่ย“ ความมั่นคงทักษะ” ทั่วโลก สัดส่วนของทักษะหลักๆ ที่จำเป็นต่อการปฏิบัติงานที่จะยังคงเหมือนเดิม ซึ่งคาดว่าจะมี 58% ส่วนที่เหลืออีก 42% จะต้องทำการ reskill ใหม่

4. ดังนั้น ในอนาคตเราทุกคนต้องเป็นผู้เรียนรู้ตลอดชีวิต

รวิศ หาญอุตสาหะในช่วงปี 2022 เราต้องมีวันในการเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ถึง 101 วันต่อปี แน่นอนว่าเราไม่สามารถออกมาเรียนรู้ได้อย่างเต็มที่ทั้งหมด ดังนั้นกระบวนการเรียนรู้จะต้องถูกร้อยเรียงเข้าไปอยู่ใน core thinking ขององค์กร

เรากำลังเผชิญช่องว่างทักษะที่เกิดขึ้นใหม่ ส่งผลกระทบทั้งในหมู่พนักงานและในกลุ่มผู้นำระดับสูง หากองค์กรไม่ทำการแก้วิกฤตินี้ อาจจะเกิดอุปสรรคในการเปลี่ยนแปลงขององค์กร ซึ่งการวางแผนกำลังการฝึกอบรมและการ reskill พนักงาน จะเป็นแนวทางที่ครอบคลุมที่สุด อีกทั้งยังเป็นกุญแจสำคัญในการจัดการกับแนวโน้มดังกล่าวได้

ในอนาคตเราจะต้องมีวันในการเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ถึง 101 วันต่อปี ดังนั้นองค์กรจะต้องนำกระบวนการเรียนรู้ร้อยเรียงให้เข้าไปอยู่ใน core thinking ขององค์กรให้ได้

แล้วองค์กรจะนำการเรียนรู้เข้าไปอยู่ใน way of life ของพนักงานได้อย่างไร?

คุณรวิศย้ำว่า สิ่งใดก็ตามที่ AI สามารถพัฒนาได้จนชำนาญ มนุษย์ไม่ควรต่อกรกับมัน เนื่องจาก AI สามารถเรียนรู้ได้อย่างไม่หยุดยั้ง อีกทั้งเรียนรู้แบบ Collective learning คือเมื่อมีชุดข้อมูลใหม่ๆ ถูกส่งเข้าไปในระบบคลาวด์ AI ก็จะสามารถเรียนรู้ได้หมดทุกตัว แต่วิธีการถ่ายทอดความรู้ของมนุษย์ทำได้เพียงส่งต่อความรู้ระหว่างกันเท่านั้น ดังนั้น สิ่งที่เราควรจะโฟกัสในการพัฒนาคนก็คือการพัฒนาทักษะที่ AI ยังทำไม่ได้ โดยคุณรวิศได้หยิบ 7 ทักษะสำคัญที่มนุษย์ควรจะทำการพัฒนาจาก Harvard Business Review มาเล่าให้ฟัง ดังนี้

7 ทักษะสำคัญที่จะไม่ถูกระบบอัตโนมัติเข้ามาแทนที่

  1. ด้านการสื่อสาร (Communication): ทักษะการสื่อสารเป็นสิ่งจำเป็นในการดึงดูดความสนใจของผู้คนและโน้มน้าวให้คนปฏิบัติตามสิ่งที่ผู้ส่งสารต้องการ รูปแบบการสื่อสารขั้นพื้นฐานที่สุดคือความสามารถในการสร้างเรื่องราวให้น่าสนใจ
  2. ด้านการสร้างคอนเทนต์ (Content): องค์กรจะต้องทำการสอนพนักงานให้สามารถทำคอนเทนต์ได้อย่างแข็งแกร่ง
  3. ด้านการเข้าใจในบริบท (Context): เนื่องจากระบบอัตโนมัติมักจะขาดความสามารถในการเข้าบริบท เมื่อพนักงานมีความเข้าใจบริบททั้งรูปแบบธุรกิจ การแข่งขัน ก็จะสามารถนำไปใช้ได้อย่างเกิดประโยชน์มากขึ้น แสดงให้เห็นว่า มีความรู้เกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงของธุรกิจ ซึ่งเป็นเรื่องยากมากที่แม้แต่ AI ที่เก่งที่สุดก็ทำไม่ได้
  4. ความสามารถทางด้านอารมณ์ (Emotional competence): แม้แต่ AI ขั้นสูงในขณะนี้อย่าง Alexa ของ Amazon ก็ยังอยู่ในขั้นเริ่มต้นในการพัฒนาความสามารถในการเข้าใจอารมณ์ของมนุษย์ โดยระดับพื้นฐานของความสามารถทางอารมณ์ ก็คือความสามารถในการรับรู้อารมณ์ทั้งในบริบทของการวิเคราะห์และการกระทำ
  5. ด้านการสอน (Teaching): จะเห็นได้ว่าเทคโนโลยีมีบทบาทสำคัญอย่างมากต่อการพัฒนาคุณภาพและการช่วยให้คนสามารถเข้าถึงการศึกษา แต่แม้จะมีคอร์สออนไลน์เกิดขึ้นมากมาย อย่างไรก็ตามในองค์กรก็ยังต้องการคนภายในที่มีความสามารถในการสอนผู้อื่น เพราะพวกเขาจะมีความเข้าใจบริบทของการพัฒนาบุคคลภายในองค์กรมากกว่า
  6. ด้านการเชื่อมสัมพันธ์กับผู้อื่น (Connection): ผู้ที่มีความสัมพันธ์กับผู้อื่นอย่างแน่นแฟ้น และมีกลุ่มเครือข่ายทางสังคมจะสามารถช่วยองค์กรได้อย่างมาก
  7. ด้านเข็มทิศทางจริยธรรม (An ethical compass): เมื่อ AI มีความสามารถมากขึ้น จึงเป็นความจำเป็นที่ผู้บริหารต้องตระหนักถึงความสำคัญของจริยธรรม และความสามารถในการตัดสินทางศีลธรรม เพื่อการประยุกต์ใช้ AI ด้วยเช่นกัน

อ้างอิงเนื้อหาบางส่วนจาก Harvard Business ReviewWorld Economic Forum


ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด

No comment

RELATED ARTICLE

Responsive image

ไข 5 ความลับไต้หวัน ที่ทำให้อุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์แกร่งที่สุดในโลก

สำรวจเหตุผลที่ทำให้ไต้หวันกลายเป็นผู้นำอุตสาหกรรมเเซมิคอนดักเตอร์ระดับโลก พร้อมเจาะลึกกลยุทธ์ของ TSMC และบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนเทคโนโลยีแห่งอนาคต...

Responsive image

AGI มาแน่ในปี 2025 ? ทำไม OpenAI ถึงเป็นเจ้าแรกที่ทำ AI ที่ฉลาดเหนือมนุษย์ได้ก่อนใคร

นักวิจัยจาก OpenAI เคยออกมาคาดการณ์ว่า AGI หรือปัญญาประดิษฐ์ที่เหมือนมนุษย์มากท่ีสุด หรือฉลาดเหนือมนุษย์หลายเท่า อาจมาให้เห็นภายในช่วง 3 ปีนับจากนี้ แต่ล่าสุดดูเหมือนว่าเราอาจไม่ต้...

Responsive image

ถกยุทธศาสตร์ AI ไทย หนทางดึงไทยกลับเวทีโลก ควรเริ่มอย่างไร ?

ค้นพบโอกาสและความท้าทายของ AI ที่จะพลิกโฉมเศรษฐกิจและสังคมไทย พร้อมกลยุทธ์สำคัญในการพัฒนาประเทศให้ก้าวทันโลกในยุคดิจิทัลอย่างยั่งยืน!...