เปรียบเทียบหมัดมวย บริการ Ride-Hailing ในไทยปี 2018 | Techsauce

เปรียบเทียบหมัดมวย บริการ Ride-Hailing ในไทยปี 2018

การเดินทางนับเป็นปัจจัยหลักที่ขับเคลื่อนกิจกรรมทั้งหลายภายในสังคม หากเมืองใดมีระบบการคมนาคมที่ดีก็ส่งผลให้เมืองน่าอยู่ไปด้วย ซึ่งในประเทศไทยโดยเฉพาะในกรุงเทพเองถือเป็นเมืองที่การคมนาคมยังคงเป็นปัญหาหลักของคนกรุง การเพิ่มรูปแบบการเดินทางก็เป็นวิธีแก้ปัญหาที่ดี โดยรูปแบบที่ได้รับความสนใจช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาคือ Ride-Hailing Platform ซึ่งมีผู้ให้บริการในไทยเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ Techsauce จึงขอรวบรวมข้อมูล Ride-Hailing Service ที่ให้บริการในไทยในปี 2018 มาให้ทุกท่านได้เห็นภาพรวมกัน

ปัญหาการเดินทางของชาวกรุงเทพอยู่ในระดับไหน

จากผลการสำรวจโดย Acadis เรื่องประสิทธิภาพการคมนาคมของเมืองใหญ่ประจำปี 2017 ทั้งหมด 100 เมือง โดยอิงหลัก 3 ด้าน ได้แก่ ประสิทธิภาพการขนส่งวัดจากการเข้าถึงและระยะเวลาที่ใช้ การส่งผลต่อสภาพแวดล้อม และประสิทธิภาพทางเศรษฐกิจ พบว่ากรุงเทพมหานครติดอันดับที่ 92 จากทั้งหมด 100 เมือง

และที่น่าสนใจกว่าคือ ประเด็นประสิทธิภาพทางเศรษฐกิจ ซึ่งวัดจากสภาพที่เอื้อต่อการเดินทางเพื่อส่งเสริมกิจกรรมทางเศรษฐกิจและการดำเนินธุรกิจ กรุงเทพมหานครกลับตกอยู่ในอันดับที่ 97 จาก 100 เมือง เรียกได้ว่าสภาพเมืองของเราเองก็ส่งผลต่อเศรษฐกิจและโอกาสเติบโตของประเทศไม่น้อยเลย

ทำไมควรจับตา Ride-Hailing ในประเทศไทย

เพราะ Ride-Hailing เป็นช่องทางการเดินทางที่ไม่ได้เพิ่มเติมอะไรในเมืองเลย

Ride-Hailing เป็นรูปแบบการให้บริการเดินทางยังที่ต่างๆ ที่ใช้ประโยชน์จากจำนวนรถส่วนบุคคลที่มีอยู่ในเมือง ด้วยการควบคุมผ่านเทคโนโลยีสมาร์ทโฟน และให้ค่าตอบแทนแก่ผู้ขับขี่ ด้วยปัจจัยนี้ ทำให้สามารถเริ่มดำเนินการได้ทันที ไม่ต้องวางโครงสร้างพื้นฐานกับเมืองเพิ่มเติมใดๆ หมายความว่าในจังหวัดต่างๆ ก็สามารถนำ Platform ดังกล่าวไปใช้งานได้ทันที ซึ่งปัจจุบันมีให้บริการแล้วและมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

ปัจจุบัน กรุงเทพมหานครกำลังอยู่ในระหว่างการพัฒนาโครงสร้างด้านคมนาคมจำนวนมาก ระบบ Ride-Hailing จะทำให้รถส่วนบุคคลในกรุงเทพจำนวนกว่า 4 ล้านคันจากข้อมูลของกรมการขนส่งทางบก ช่วยพาประชาชนไปถึงจุดหมายที่ต้องการได้สะดวกขึ้นทันที เพียงมีมาตรการที่เหมาะสมรองรับเท่านั้น

รายละเอียดผู้ให้บริการแต่ละราย 

Grab

แอพพลิเคชั่น Ride Hailing สัญชาติมาเลเซียที่เป็นผู้นำในย่านอาเซียน ให้บริการในไทยมานาน สามารถใช้เรียกได้ทั้ง Taxi และ Car Sharing มีให้บริการในจังหวัดหัวเมืองใหญ่ทั่วประเทศ ได้แก่ กรุงเทพ เชียงใหม่ เชียงราย ชลบุรี ขอนแก่น นครราชสีมา อุบลราชธานี อุดรธานี ภูเก็ต สงขลา สุราษฏ์ธานี กระบี่ นครศรีธรรมราช และเกาะสมุย

GrabTaxi

  • คิดราคาตามมิเตอร์ของกรมการขนส่งทางบก
  • คิดค่าธรรมเนียมเรียกรถ 20 บาท
  • คิดค่าธรรมเนียมจอง 45 บาท
  • คิดค่าธรรมเนียมเรียกรถแท๊กซี่ 7 ที่นั่ง 150 บาท

GrabCar Economy

  • เริ่มต้น 60 บาท
  • กิโลเมตรละ 5 บาท
  • ค่าบริการสนามบิน 100 บาท
  • ให้บริการด้วยรถระดับไม่เกิน C-Segment และกระบะ 4 ประตู

GrabCar Plus

  • เริ่มต้น 65 บาท
  • กิโลเมตรละ 7 บาท
  • ค่าจอง 100 บาท
  • ค่าบริการสนามบิน 300 บาท
  • ให้บริการด้วยรถระดับ C Segment ขึ้นไป รถ SUV และแบรนด์ยุโรปอย่าง Mercedes-Benz กับ BMW

GrabCar XL

  • เริ่มต้น 300 บาท
  • กิโลเมตรละ 20 บาท
  • ไม่คิดค่าเข้าสนามบิน
  • ไม่มีค่าบริการสนามบิน
  • ให้บริการด้วยรถตู้จำนวน 12 ที่นั่ง

JustGrab

  • บริการเรียกด่วน สามารถเรียก GrabCar และ GrabTaxi ที่ใกล้ที่สุดได้ทันที
  • เริ่มต้น 60 บาท
  • กิโลเมตรละ 5 บาท
  • ค่าบริการสนามบิน 100 บาท

ข้อได้เปรียบ

  • มีรหัสโปรโมชั่นส่วนลดร่วมกับร้านค้าและบริการเยอะ
  • มีรถให้บริการจำนวนมาก
  • มีรถให้บริการตามหัวเมืองใหญ่บางแห่ง
  • รับบัตรเครดิตและบัตรเดบิตผ่านช่องทาง GrabPay

หมายเหตุ

  • อาจมีการเรียกค่าธรรมเนียมเพิ่มในเวลาเร่งด่วนหรือช่วงที่มีความต้องการรถพร้อมๆ กัน
  • มีบริการเหมารถรับส่งจากกรุงเทพมหานครไปจังหวัดระยอง สระบุรี นครราชสีมา และขอนแก่น

Uber

ผู้ให้บริการ Car Sharing รายใหญ่จากสหรัฐฯ บุกตลาดไทยพร้อมก่อกระแสดราม่ากับ Taxi ดั้งเดิมตั้งแต่เริ่ม แม้ตอนนี้มีกระแสข่าวว่าจะขายกิจการในอาเซียนให้ Grab แต่ก็ยังคงให้บริการอยู่ โดยมีให้บริการในจังหวัดใหญ่ๆ อย่างเชียงใหม่ เชียงราย ขอนแก่น สุราษฎ์ธานี และภูเก็ต (อัพเดทข้อมูล: Uber ยกเลิกการให้บริการในประเทศไทยแล้วตั้งแต่วันที่ 9 เมษายน 2018 โดยสามารถติดตามรายละเอียดของเรื่องนี้ได้ที่นี่)

Uber Taxi

  • บริการรถ Taxi โดย Uber
  • เริ่มต้น 39.83 บาท
  • ระยะทางกิโลเมตรละ 7.42 บาท
  • รถจอดนิ่งคิดนาทีละ 2.70 บาท
  • ให้บริการขั้นต่ำที่ 47.25 บาท

UberX

  • เริ่มต้น 10 บาท
  • ระยะทางกิโลเมตรละ 4 บาท
  • รถจอดนิ่งคิดนาทีละ 3.50 บาท
  • ให้บริการขั้นต่ำที่ 40 บาท
  • ค่าบริการสนามบิน 50 บาท
  • ให้บริการด้วยรถยนต์สี่ประตู ขนาดเครื่องยนต์ไม่เกิน 2,000 ซีซี

Uber SUV

  • เริ่มต้น 50 บาท
  • ระยะทางกิโลเมตรละ 14 บาท
  • รถจอดนิ่งคิดนาทีละ 2.50 บาท
  • ให้บริการขั้นต่ำที่ 50 บาท
  • ค่าบริการสนามบิน 150 บาท
  • ให้บริการด้วยรถยนต์ SUV

Uber Black

  • เริ่มต้น 50 บาท
  • ระยะทางกิโลเมตรละ 14 บาท
  • รถจอดนิ่งคิดนาทีละ 2.50 บาท
  • ให้บริการขั้นต่ำที่ 50 บาท
  • ค่าบริการสนามบิน 150 บาท
  • ให้บริการด้วยรถยนต์สี่ประตู ขนาดเครื่องยนต์มากกว่า 2,000 ซีซี

UberFlash

  • เรียก Uber ที่ใกล้ที่สุดมาให้บริการ
  • เริ่มต้น 10 บาท
  • ระยะทางกิโลเมตรละ 4 บาท
  • รถจอดนิ่งคิดนาทีละ 3.50 บาท
  • ให้บริการขั้นต่ำที่ 40 บาท
  • ค่าบริการสนามบิน 50 บาท

UberAssist

  • เน้นให้บริการผู้พิการและผู้สูงอายุด้วยผู้ขับขี่ที่ผ่านการอบรมโดยเฉพาะ
  • เริ่มต้น 10 บาท
  • ระยะทางกิโลเมตรละ 4 บาท
  • รถจอดนิ่งคิดนาทีละ 3.50 บาท
  • ให้บริการขั้นต่ำที่ 40 บาท
  • ค่าบริการสนามบิน 50 บาท

ข้อได้เปรียบ

  • รับชำระบริการผ่านบัตรเครดิตและบัตรเดบิต ภายในแอพพลิเคชั่น

หมายเหตุ

  • อาจมีการเรียกค่าธรรมเนียมเพิ่มในเวลาเร่งด่วนหรือช่วงที่มีความต้องการรถพร้อมๆ กัน

LINE Taxi

บริการเรียกรถ Taxi รับส่งที่เสริมบน Platform ของ LineMan เริ่มให้บริการเมื่อปลายปี 2017 สามารถจ่ายเงินด้วยช่องทาง LINE Pay ได้ ปัจจุบันยังให้บริการในพื้นที่กรุงเทพมหานครเป็นหลัก

  • คิดค่าบริการตามมิเตอร์ของกรมการขนส่งทางบก
  • ค่าธรรมเนียมการเรียกรถ 20 บาท

ข้อได้เปรียบ

  • รับชำระค่าบริการทั้ง LinePay และเงินสด
  • อยู่รวมกับแอพพลิเคชั่น LineMan อยู่แล้ว

All Thai Taxi

รถ Taxi จากนครชัยแอร์ ผู้ให้บริการรถโดยสารระดับประเทศ หันมาจับช่องว่างของตลาด Taxi ด้วยการเน้นการบริการระดับสูงกว่า ปัจจุบันมีให้บริการในพื้นที่กรุงเทพมหานครกับอุบลราชธานี

  • คิดค่าบริการตามมิเตอร์ของกรมการขนส่งทางบก
  • ค่าธรรมเนียมการเรียกรถ 40 บาท (เรียกผ่านแอพพลิเคชั่นและ Call Center)

ข้อได้เปรียบ

  • ใช้รถยนต์คุณภาพสูงกว่า Taxi ทั่วไป
  • มีให้บริการตามหัวเมืองใหญ่บางแห่ง

Smart Taxi

แอพพลิเคชั่นของเครือข่ายสหกรณ์แท็กซี่ในเขตกรุงเทพมหานคร สามารถใช้เรียกรถ Taxi ในเขตกรุงเทพมหานคร ปัจจุบันจับมือกับธนาคารกรุงเทพ รับจ่ายเงินผ่าน QR Code ได้

  • คิดค่าบริการตามมิเตอร์ของกรมการขนส่งทางบก
  • คิดค่าธรรมเนียมเรียกรถ 25 บาท
  • คิดค่าธรรมเนียมเรียกรถในเวลาเร่งด่วน 35 บาท
  • คิดค่าธรรมเนียมจองล่วงหน้า 50 บาท

ข้อได้เปรียบ

  • รับจ่ายเงินผ่าน QR Code ของธนาคารกรุงเทพ
  • ค่าธรรมเนียมราคาเร่งด่วนมีราคาแน่นอน คำนวณค่าใช้จ่ายได้ง่าย

Taxi OK

เป็น Platform เรียกรถ Taxi ของกรมการขนส่งทางบก พิเศษกว่าด้วยการบังคับมาตรฐานที่มากกว่ารถ Taxi แบบเดิม ทั้งการจำกัดความเร็ว ติดระบบ GPS Tracking และกล้องภายใน เพิ่มความสว่างภายในรถ

  • คิดค่าบริการตามมิเตอร์ของกรมการขนส่งทางบก
  • ค่าธรรมเนียมการเรียกรถ 20 บาท
  • เป็น Platform บริการของกรมการขนส่งทางบกเอง

ข้อได้เปรียบ

  • มี GPS Tracking
  • มีการจำกัดความเร็ว
  • ปรับปรุงมาตรฐานของรถใหม่ให้สูงกว่า Taxi มาตรฐานเดิม
  • มีบริการ Taxi VIP เร็วๆ นี้

Liluna

ลิลูน่า เป็นแอพพลิเคชั่นของไทยที่ให้บริการรถรับส่งต่างจากรายอื่น โดยอาศัยแนวคิด Carpool ที่ผุ้ใช้แอพฯ จะกลายเป็นเพื่อนร่วมทางกัน ผู้ขับขี่จะรับผู้โดยสารตามเส้นทางที่จะเดินทางไป และผู้โดยสารจะช่วยแชร์ค่าน้ำมันเป็นการตอบแทน

ข้อได้เปรียบ

  • ราคากำหนดตามความพอใจของผู้ขับขี่และผู้โดยสาร แต่โดยรวมแล้ว ราคาถูกกว่ารูปแบบอื่นๆ

หมายเหตุ

  • เรียกได้เฉพาะเส้นทางที่มีผู้ขับขี่กำลังเดินทางไปเท่านั้น
  • การคิดราคาเป็นความพอใจของผู้ขับขี่ อาจได้รับประสบการณ์ที่แตกต่างกันไปตามแต่เจ้าของรถ

ผลสรุปจากข้อมูลทั้งหมด

เมื่อกางข้อมูลทั้งหมดดูยังคงพบว่าประเทศไทยมีสัดส่วนของแอพพลิเคชั่นเรียกรถ Taxi มากกว่า Ride-Hailing อีกทั้ง Ride-Hailing ที่ให้บริการอยู่ก็ยังสามารถใช้เรียกรถ Taxi ในเครือข่ายได้อีกด้วย

ส่วน Liluna เป็นบริการรูปแบบ Carpool มากกว่า Ride-Hailing เพราะมีวิธีการคิดค่าบริการที่แตกต่างออกไป แต่ถูกนับรวมในหัวข้อนี้เพราะมีเป้าหมายของบริการแบบเดียวกัน

Feedback จากผู้ใช้งานและผู้ขับขี่

จากการสอบถามถึงบริการจากผู้โดยสารพบว่าแอพพลิเคชั่นจากผู้ให้บริการรายใหญ่มีความเสถียรสูง และมีรถให้บริการเพียงพอ แต่อาจจะขาดแคลนบ้างในช่วงเวลาเร่งด่วนและมีจราจรติดขัด ส่วนปัญหาที่ทุกแอพพลิเคชั่น คือการยกเลิกรับงานกลางคัน ซึ่งบางครั้งระบบกลับเป็นฝ่ายตัดเงินผู้ใช้งานเสียเอง

ด้านผู้ขับขี่โดยเฉพาะทางฝั่ง Taxi ให้ข้อมูลว่า แอพพลิเคชั่นช่วยให้พวกเขาได้ลูกค้าต่อวันเยอะขึ้น นำไปสู่รายได้ที่มากขึ้น แต่กระนั้นก็ยังมีปัญหาเรื่องนโยบายการรับงานซึ่งไม่สอดรับกับเงื่อนไขเฉพาะหน้าที่เกิดขึ้น ทำให้เสียประโยชน์ทั้งผู้ขับขี่ ผู้โดยสาร และผู้ให้บริการ Platform เอง

จากภาพรวม จะเห็นว่าเรามีแอพพลิเคชั่นเรียกรถที่สร้างโดยคนไทยให้ใช้งานมากกว่า นั่นแสดงถึงความตื่นตัวเรื่องการพัฒนาการขนส่งเชิงรุกกันมากขึ้น แต่อย่างไรก็ตาม การเป็นผู้นำในตลาดจำเป็นต้องมีพื้นฐานมาจากคุณภาพบริการที่แข็งแกร่ง เพียงแค่ตื่นตัวและลงมือทำครั้งเดียวไม่พอ ต้องรักษาคุณภาพในระยะยาวยังเป็นสิ่งสำคัญที่สุดที่จะทำให้ Platform นี้อยู่ได้และเป็นส่วนช่วยแก้ปัญหาการจราจรในปัจจุบันได้จริง

อ้างอิงข้อมูลจาก

กรมการขนส่งทางบก, AcadisGrabUberLine ManLilunaAll Thai TaxiSmart Taxi และ Taxi OK

ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด

No comment

RELATED ARTICLE

Responsive image

ท่องเที่ยวไทยมีดี แต่ SME ยังไม่พร้อม ?

ธุรกิจท่องเที่ยวจะปรับตัวยังไง เมื่อเจอความท้าทายรุมล้อม ไม่ว่าจะเป็นการปรับใช้เทคโนโลยีในธุรกิจ การรับมือธุรกิจจีนที่เข้ามารุกตลาด และการสร้างบริการท่องเที่ยวให้ตอบโจทย์นักเดินทาง...

Responsive image

อินโดนีเซีย เปิดรับเทคโนโลยีอย่างไร เพื่อสร้างเศรษฐกิจยุคใหม่ ถอดบทเรียนจากงาน Bali International Airshow

อินโดนีเซีย กลายเป็นประเทศเนื้อหอมที่บิ๊กเทคฯ ต่างประเทศแห่เข้าไปลงทุนมากมาย ซึ่งหากนับแค่ช่วงครึ่งแรกของปี 2023 เพียงปีเดียวอินโดนีเซียสามารถสร้างมูลค่าถึง 34,900 ล้านดอลลาร์สหรัฐ...

Responsive image

รู้จัก “Phygital” การตลาดยุคใหม่แห่งอนาคต ผ่านเทคโนโลยี Immersive Experience ของ Translucia

Techsauce จึงอยากพาไปทำความรู้จักกับเทคโนโลยี ‘โลกเสมือน’ ผ่านหนึ่งในผู้เล่นคนสำคัญอย่าง Translucia บริษัทเทคโนโลยีที่พัฒนา Immersive Experience ซึ่งเป็นแนวคิดที่จะเปลี่ยนวิธีการเ...