ซาอุดิอาระเบีย ลงทุนรถยนต์ไฟฟ้า ทั้ง ๆ ที่รายได้หลักของประเทศมาจากบ่อน้ำมัน | Techsauce

ซาอุดิอาระเบีย ลงทุนรถยนต์ไฟฟ้า ทั้ง ๆ ที่รายได้หลักของประเทศมาจากบ่อน้ำมัน

หนึ่งในความเคลื่อนไหวที่เห็นได้ชัดเจนที่สุด นับตั้งแต่ปี 2021 เป็นต้นมา ที่นอกเหนือจากเรื่องวัคซีนป้องกัน COVID-19 แล้ว คือ ความกระตือรือร้นด้านพลังงานสะอาดจากทั่วโลก โดยเฉพาะการขับเคลื่อน รถยนต์ไฟฟ้า และการสร้าง Smart City ที่ปลอดมลพิษ มุ่งเน้นไปที่การรักษาสิ่งแวดล้อม เพื่อแก้ปัญหาภาวะโลกร้อน หรือ Climate Change ที่ทั่วโลกกำลังตั้งเป็นเป้าหมายหลักของการพัฒนาและแก้ไข ไม่เว้นแม้กระทั่ง ซาอุดิอาระเบีย ซึ่งเป็นประเทศที่ธุรกิจหลักอย่างน้ำมันกำลังถูก Disrupt และลดบทบาทลง 

สำหรับซาอุดิอาระเบีย เป็นที่ทราบกันดีว่านับตั้งแต่หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ก็ได้เป็นผู้ผลิตน้ำมันอย่างจริงจังป้อนให้กับอุตสาหกรรมโลก ส่งผลให้กลายเป็นประเทศแห่งมหาเศรษฐี และมีการพัฒนาอย่างรวดเร็ว แต่เวลาผ่านไป โลกมีการเปลี่ยนแปลง น้ำมันเริ่มล้านตลาดเกินปริมาณความต้องการใช้ของประชากรโลก การพัฒนาของนวัตกรรมและเทคโนโลยี รวมถึงเทรนด์ของโลกที่ผลักดันพลังงานสะอาดจากปัญหาภาวะโลกร้อนมากขึ้น ทำให้ซาอุดิอาระเบียเองต้องปรับตัว และเล็งความสำคัญของปัญหาดังกล่าว 

NEOM โครงการเมืองแห่งอนาคตของซาอุฯ

NEOM เป็นโครงการสร้างเมืองใหม่ของซาอุดิอาระเบียที่ทั้งยิ่งใหญ่และท้าทายที่สุดในโลก ซึ่งถือเป็นผลงานชิ้นโบว์แดงที่ เจ้าชายโมฮัมเหม็ด มกุฎราชกุมารแห่งซาอุดีอาระเบีย เปิดตัวเมื่อปี 2017 เพื่อผลักดันในประเทสสามารถก้าวขึ้นเป็นศูนย์กลางด้านนวัตกรรมเทคโนโลยี และธุรกิจใหม่ๆ โครงการนี้มีพื้นที่ครอบคลุมกว่า 10,000 ตารางไมล์ ตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศ สำหรับการลงทุนในโครงการนี้ ทางการซาอุฯได้ให้ความสำคัญกับโครงสร้างพื้นฐานอย่างการเดินทางเป็นอย่างมาก 

เมื่อไม่นานมานี้สื่อต่างประเทศรายงานว่า  เจ้าชายโมฮัมเหม็ด ได้ประกาศพัฒนา The Line เส้นทางที่ประชาชนสามารถเดินทางได้โดยไม่มีรถยนต์ ไม่มีถนนในเมืองแห่งนี้ที่มีความยาวกว่า 170 กิโลเมตร เพราะเมืองนี้จะถูกสร้างขึ้นโดยใช้ระบบขนส่งความเร็วสูงพิเศษและการเคลื่อนย้ายอัตโนมัติทั้งหมด  ซึ่งจะทำให้การเดินทางภายในเมืองนี้ใช้เวลาไม่เกิน 20 นาที โดยเม็ดเงินลงทุนจะอยู่ที่ประมาณ 500,000 ล้านดอลลาร์ ก่อให้เกิดการจ้างงานกว่า 380,000 ตำแหน่ง และคาดว่าจะเริ่มก่อสร้างภายในไตรมาส 1/2564 

โครงการเมืองใหม่นี้ หากการลงทุนทั้งหมดไปได้อย่างราบรื่น จะส่งผลให้เศรษฐกิจของซาอุดิอาระเบียนั้นโชดช่วงอีกครั้ง แม้ว่าจะลดการพึ่งพารายได้จากน้ำมันแล้วก็ตาม 

กองทุนรัฐบาลซาอุฯ ไล่ซื้อกิจการแห่งอนาคตในต่างประเทศ

จากการที่ประเทศประสบวิกฤติทางการเงินเป็นเวลาหลายปีจากราคาน้ำมันดิบที่ลดลง ประกอบกับการแทรกแซงราคาจากต่างประเทศ ด้วยเหตุนี้ประเทศจึงมองหาแนวทางลดการพึ่งพาจากน้ำมันมากขึ้น ดังนั้นในช่วงก่อนหน้านี้ที่มีการแพร่ระบาดของ COVID-19 อย่างหนัก ที่กดดันตลาดหุ้นทั่วโลก กองทุน Public Investment Fund (PIF) ของรัฐบาลซาอุฯ ได้ ทยอยซื้อหุ้นของบริษัทยักษ์ใหญ่ในอเมริกาหลายราย เช่น Facebook, Boeing, Citigroup, Disney และ Berkshire Hathaway เนื่องจากมองในระยะยาวว่าธุรกิตเหล่านี้จะกลับมาเติบโตอีกครั้งหลังสถานการณ์เลวร้ายผ่านพ้นไป

รถยนต์ไฟฟ้า

นอกจากนี้ยังมีความพยายามเคลื่อนไหวกับการลงทุนในรถยนต์ไฟฟ้าด้วยเช่นกัน โดยสื่อต่างประเทศรายงานว่า Lucid Motors สตาร์ทอัปผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าสัญชาติอเมริกัน อยู่ในระหว่างการเจรจากับกองทุน PIF ว่าด้วยการตั้งโรงงานในประเทศซาอุดิอาระเบีย ซึ่งยังไม่มีรายงานว่าจะตั้งโรงงานเมื่อใด

โดยรัฐบาลซาอุฯมีแผนจะเป็นเจ้าของ Lucid ผ่านการซื้อหุ้นในบริษัทมูลค่า 1 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งกองทุน PIF จะลงทุนใน Lucid กรณีที่บริษัทจะตั้งโรงงานในพื้นที่ของประเทศซาอุดิอาระเบีย 

สำหรับดีลของ Lucid กับรัฐบาลซาอุฯนั้น ยังมีความน่าติดตามตรงที่ Lucid เองพยายามที่จะระดมทุนหลายวิธีการ โดยมีข่าวว่าอยู่ระหว่างเจรจาที่จะเสนอขายหุ้นแก่สาธารณะ ผ่านวิธีการขายให้ SPAC (Special-purpose acquisition company) ซึ่งเป็นบริษัทที่จัดตั้งขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเข้าซื้อกิจการอื่น ณ ที่นี้เจ้าของบริษัทคือนักลงทุนที่มีชื่อว่า Micheal Klein โดยข้อตกลงดังกล่าวมีมูลค่า 1.5 หมื่นล้านดอลลาร์ โดย Klein เป็นสมาชิกคณะกรรมการบริหารของบริษัทหลักทรัพย์เครดิต สวิส และมีความเกี่ยวข้องกับกองทุน PIF ซึ่งได้มีการตั้งข้อสังเกตกับดีลดังกล่าวว่า หนึ่งในธุรกิจ SPAC ของเขาจะนำ Lucid เข้าสู่กระบวนการจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ โดยข้อตกลงประเภทนี้จะช่วยให้การจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เกิดขึ้นเร็วกว่าวิธีทั่วไปนั่นเอง 

อย่างไรก็ตาม ทั้งโครงการเมืองใหม่ และการพยายามเข้าซื้อกิจการในต่างประเทศของรัฐบาลซาอุฯนั้นได้สะท้อนให้เห็นถึงความเปลี่ยนแปลงของโครงสร้างระบบเศรษฐกิจในอนาคตว่า อุตสาหกรรมดั้งเดิม การผูกขาดอาจจะไม่ได้เป็นคำตอบในการเดินทางที่ไม่มีที่สิ้นสุดของโลกใบนี้อีกต่อไปแล้ว แต่นวัตกรรม เทคโนโลยี ล้วนแล้วแต่เข้ามาเปลี่ยนภูมิทัศน์จริง ๆ ซึ่งแน่นอนว่าในอนาคตอันใกล้นี้ รถยนต์ไฟฟ้าจะสร้างปรากฎการณ์ดังกล่าวให้เห็นก่อน ดังที่ตอนนี้บริษัทยักษ์ใหญ่ทั่วโลกต่างทุ่มทุนในการพัฒนาเรื่องนี้เป็นอย่างมาก

 

อ้างอิงจาก dezeen , motorauthority , electrive


ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด

No comment

RELATED ARTICLE

Responsive image

‘Yindee’ แชตบอตในแอป ttb Touch ใช้ Gen AI จับความรู้สึก ตอบเร็วและฉลาดกว่าที่เคย

Yindee แชตบอตที่อยู่บน Mobile Banking ของ ttb ทำงานผ่านแอป ttb Touch สามารถจับ Mood & Tone ของลูกค้าหรือผู้ใช้บริการ ว่าขณะแชตนั้น ลูกค้าอยู่ในอารมณ์ไหน ด้วย Generative AI โดย Azur...

Responsive image

คนอยากใช้พลังงานเยอะ แต่โลกอยากได้ปล่อยคาร์บอนน้อย บริษัทพลังงานแก้ไขความย้อนแย้งนี้อย่างไรดีในยุค AI

The Energy/Prosperity Paradox หรือภาวะย้อนแย้งแห่งพลังงาน และความเจริญ ถือเป็นความท้าทายระดับโลกที่บริษัทด้านพลังงานกำลังพบเจอ เพราะในตอนนี้โลกกำลังต้องการพลังงานเพิ่มขึ้นอย่างไม่เ...

Responsive image

เศรษฐกิจไทย ‘ฟื้นตัว’ แล้วหรือยัง ? ฟังความเห็นจาก 3 ผู้นำธุรกิจยักษ์ใหญ่ไทย

ค้นพบศักยภาพการเติบโตทางเศรษฐกิจในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมถึงไทย จีน สิงคโปร์ อินโดนีเซีย เวียดนาม และกัมพูชา พร้อมโอกาสการลงทุนที่น่าสนใจในภาคอุตสาหกรรม การเงิน และเทคโนโลยี...