สำรวจนโยบาย Startups ไร้พรมแดน เกาหลีใต้มุ่งสู่ Startup Ecosystem Hub แห่งเอเชีย | Techsauce

สำรวจนโยบาย Startups ไร้พรมแดน เกาหลีใต้มุ่งสู่ Startup Ecosystem Hub แห่งเอเชีย

อีกครั้งที่ Techsauce ได้มาเยือนงาน Comeup 2023 จากธีม K-Startup Week ในปี 2019 สู่ Global Startup Festival ซึ่งตอบรับนโยบายใหม่จากกระทรวง SMEs & Startups ของประเทศเกาหลีใต้ พร้อมก้าวเข้าสู่ยุค Startups ไร้พรมแดน และมุ่งสู่การเป็น Startup Ecosystem Hub แห่งเอเชีย

ปัจจุบันเกาหลีใต้ถือเป็นประเทศที่นานาชาติได้ให้การยอมรับใน Startup Ecosystem ด้วยได้รับแรงสนับสนุนจากรัฐบาลรวมกับความพร้อมสำหรับธุรกิจในประเทศ แต่รัฐบาลเกาหลีใต้ไม่หยุดการเติบโตของสตาร์ทอัพเพียงเท่านี้ ผ่านการศึกษาจุดอ่อนของเกาหลีใต้ วิเคราะห์อย่างเป็นระบบพร้อมคาดการณ์ผลลัพธ์ สู่นโยบายที่จะพา K-Startups ก้าวสู่ตลาดโกลบอล

‘โดดเด่นบนเวทีโลก’ ภาพรวม Startup Ecosystem ของเกาหลีใต้ในปี 2023

  • อียอง รัฐมนตรีกระทรวง SMEs & Startups ของเกาหลีใต้เผยว่า ธุรกิจของเกาหลีใต้ได้เสียงตอบรับเป็นอย่างดีในตลาดต่างประเทศ สังเกตได้จากในงาน Comeup 2023 โดย 60% ของสตาร์ทอัพและนักลงทุนที่เข้าร่วมงานนี้เป็นชาวต่างชาติ
  • เกาหลีใต้ได้รับเชิญไปร่วมงาน Biban 2023 ซึ่งเป็นอีเวนต์ดังด้าน SMEs และ Startups ของซาอุดีอาระเบีย และ K-startup ได้ชนะอันดับหนึ่งในการแข่งขันธุรกิจจากกว่า 500 ทีมทั่วโลก รวมถึงได้รางวัล “ประเทศแห่งปี” และเชิญถูกให้เป็นเจ้าภาพร่วมจัดงานร่วมกับทาง VivaTech อีเวนต์ด้าน Startups และเทคโนโลยีที่ใหญ่ที่สุดในยุโรป ซึ่งจะจัดขึ้นทุกปี ณ กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส
  • ปี 2022 มียูนิคอร์นเพิ่มขึ้นจาก 6 บริษัทในปี 2019 สู่ 14 บริษัทในปี 2022 ตามสถิติจาก CB Insight ถือเป็นอันดับ 10 ของประเทศที่มียูนิคอร์นมากที่สุดในโลก
  • นอกจากนี้สัดส่วนเงินลงทุนยังเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า จาก 5.4 พันล้านปี 2019 (ราว 1.9 แสนล้านบาท) เป็น 9.7 พันล้านดอลลาร์ (ราว 3.4 แสนล้านบาท) ในปี 2022

ภาครัฐเข้ามาสนับสนุนด้านไหนบ้าง?

กระทรวง SMEs & Startups ได้สนับสนุนโครงการ K-Startup Grand Challenge (KSGC) ตั้งแต่ปี 2016 โดยมุ่งเร่งอัตราการเติบโตและเพิ่มมูลค่าให้กับทุกสตาร์ทอัพทั่วโลกที่เข้าร่วมโครงการภายใน 3 เดือนครึ่ง

จุดเด่นของ KSGC 

  • สนับสนุนทั้งวีซ่า พื้นที่ทำงาน พร้อมล่าม 1 คนต่อทีม รวมถึงเงินสนับสนุนตลอดโครงการ 
  • สตาร์ทอัพที่คว้า 5 อันดับแรกในงาน demoday จะได้รับเงินรางวัลสนับสนุนเพื่อดำเนินธุรกิจต่อในเกาหลีใต้ 
  • โครงการนี้ยังช่วยเสริมความแข็งแกร่งด้าน Startup Ecosystem ในประเทศ

รูปจาก:  K-Startup Grand Challenge 

ส่องนโยบายพา K- Startup สู่ Global โดยกระทรวง SMEs & Startups ในปี 2024  

เกาหลีใต้ยังคงไม่หยุดพัฒนาต่อไป ปัจจุบันกระทรวง SMEs & Startups  ตั้งเป้าที่จะสร้าง Startup Ecosystem ไร้พรมแดน ไม่ว่าใคร ๆ ก็สามารถเข้ามาทำธุรกิจสตาร์ทอัพในเกาหลีได้ ส่วนสตาร์ทอัพในเกาหลีก็สามารถสเกลสู่ตลาดโลกได้ง่าย ด้วยนโยบายใหม่ของกระทรวง  SMEs & Startups  ดังนี้

Borderless Entrepreneurship- ทำธุรกิจแบบไร้พรมแดนได้ดังต่อไปนี้

  • Global Entrepreneurship 
    • Outbound (Korea to Global) - สนับสนุนเงินทุนสำหรับสตาร์ทอัพทุกสัญชาติที่เข้ามาเปิดธุรกิจในเกาหลีใต้ ในปี 2024 มีเม็ดเงินเตรียมสำหรับการเข้ามาของ Startup ต่างชาติกว่า 7.7 พันล้านดอลลาร์ (ราว 252 ล้านบาท) จากการระดมทุนภายใต้ Global TIPS ซึ่งเป็นเงินทุนสำหรับโครงการนี้โดยเฉพาะ 
    • Inbound (Global to Korea) - ลดเงื่อนไขวีซ่าสำหรับนักเรียนหรือผู้ที่สนใจเข้ามาเปิดธุรกิจสตาร์ทอัพ รวมถึงลดขั้นตอนการขอวีซ่าทำงานในเกาหลีใต้ให้น่าดึงดูดมากขึ้น

Global Startup Hub - สร้างพื้นที่รองรับนักลงทุนและสตาร์ทอัพจากทั่วโลกกว่า 20 ประเทศไปจนถึงปี 2027 เพื่อเพิ่มโอกาสในการพาสตาร์ทอัพก้าวไปสู่ตลาดในต่างประเทศ และเป็นพื้นที่แลกเปลี่ยนเทคโนโลยีระหว่างเกาหลีใต้กับต่างชาติอีกด้วย

สองวิสัยทัศน์เบิกทางสู่ตลาดโลก

  • Global Startup Ecosystem Digital Network: เสริมเทคโนโลยีให้แข็งแกร่ง อาทิ 6G AI Metaverse และอื่น ๆ เพื่อลดช่องว่างและข้อจำกัดด้านเวลาในการติดต่อสื่อสารระหว่างประเทศ
  • International Associate for SMEs and Startups: เพิ่มความร่วมมือระหว่างประเทศ ทั้งในด้านข้อมูลและเทคโนโลยีเพื่อเสริมสร้างบทบาทของสตาร์ทอัพ และจะสร้างความร่วมมือกับหลายประเทศทั่วโลกในปีหน้า

วิเคราะห์จุดอ่อน: ข้อจำกัดด้านเงินทุน กฎหมาย และภาษา

ปัจจุบันมี K-Startups ที่ก้าวไปสู่ตลาดโลกเพียงแค่ 7% ของสตาร์ทอัพทั้งหมด ขณะที่เม็ดเงินจากต่างชาติที่เข้ามาลงทุนในประเทศก็มีเพียง 7% เช่นกัน เมื่อเทียบกับประเทศในเอเชียเหมือนกันอย่างสิงคโปร์ที่มีการขยายตัวของ Startup ไปต่างประเทศถึง 90% และเงินลงทุนจากต่างชาติถึง 32% 

The Asan Nanum Foundation องค์กรไม่แสวงผลกำไรที่สนับสนุนสตาร์ทอัพในประเทศ ได้วิเคราะห์ปัญหาของเกาหลีใต้ไว้ ดังนี้ 

ข้อกำหนดของการจัดตั้งบริษัทในเกาหลี: ชาวต่างชาติที่จะเข้ามาเปิดบริษัทต้องใช้เงินทุนขั้นตํ่าถึง 100 ล้านวอน หรือราว 2.7 ล้านบาท เพื่อจดทะเบียนบริษัท และขั้นตอนเอกสารต่าง ๆ การขอรับรอง รวมใช้เวลากว่า 2-3 สัปดาห์ เมื่อเทียบกับสิงคโปร์ที่ใช้เวลาเพียง 1 สัปดาห์ และเงินลงทุนขั้นตํ่าเพียง 1 ดอลลาร์สิงคโปร์ หรือเพียง 26 บาทเท่านั้น

ขั้นตอนการขอวีซ่ายุ่งยาก: การเริ่มต้นสตาร์ทอัพต้องใช้ VISA D-8-4 หรือวีซ่า Startup ซึ่งมีขั้นตอนยุ่งยาก นอกจากมีเกณฑ์หลักที่ต้องรักษาสภาพคล่องทางธุรกิจหรือใบอนุญาตทำธุรกิจไว้แล้ว ยังมีดีเทลอื่นๆ เช่น ต้องเก็บคะแนนให้ได้ตามกำหนด กำหนดขั้นตํ่าการศึกษา รวมถึงให้วีซ่าเพียง 1 ปีเท่านั้นเมื่อเทียบกับประเทศอื่น ๆ อย่างสิงคโปร์ที่ให้ 2 ปี หรืออังกฤษที่ให้ 3 ปี

การขอวีซ่าทำงานของผู้มีทักษะหรือ Visa E-7-1 ก็ไม่ง่ายเช่นกัน เพราะต้องมีประสบการณ์ในสาขาที่เชี่ยวชาญถึง 5 ปี และมีการกำหนดอัตราส่วนชาวเกาหลีกับชาวต่างชาติในบริษัทอยู่ที่ 5:1 ซึ่งสิงคโปร์ อังกฤษ และสหรัฐไม่มีข้อกำหนดตรงนี้ไว้

ข้อจำกัดเงินทุนต่างประเทศ: Venture ต่างชาติประสบปัญหาในการลงทุน เนื่องจากขั้นตอนรายงานเอกสารที่ยุ่งยาก อีกทั้งต้องตรวจสอบและประสานงานล่วงหน้ากับธนาคารแลกเปลี่ยนเงินต่างประเทศ ทำให้การนำเงินลงทุนเข้ามาในประเทศล่าช้า

ไม่มีภาษาอังกฤษบนเว็บไซต์: เว็บไซต์ทางการของรัฐบาลและเว็บอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับสตาร์ทอัพนั้นเป็นภาษาเกาหลีทั้งหมด ถึงจะมีระบบแปลอัตโนมัติด้วย Google แต่ก็ยังไม่ตอบโจทย์การใช้งาน

แก้ปัญหาอย่างเป็นระบบ พร้อมคาดการณ์ผลลัพธ์ในระยะยาว

รัฐบาลได้ปรับปรุงนโยบายและโครงการที่สนับสนุน Startup Ecosystem ในทุกปี เพื่อสร้างสภาพแวดล้อมที่สอดคล้องกับทิศทางการทำธุรกิจในยุคดิจิทัล และเพิ่มโอกาสให้สตาร์ทอัพเกาหลีได้ทดลองก้าวขึ้นสู่ตลาดโลก โดยนโนบายในปี 2024 ได้คาดการณ์ผลลัพธ์เอาไว้ดังนี้

  • ความแข็งแรงของ Startup Ecosystem ในระดับโลก: ตั้งเป้าเป็น Top 5 ของโลก จากอันดับ 10-20 ในปัจจุบัน 
  • จุดยืนของ Startup Ecosystem ในระดับเอเชีย: ปรับจุดยืนให้ชัดเจน สู่ Startup Ecosystem แห่งเอเชีย
  • ด้านความเปลี่ยนแปลง Inbound Startup Ecosystem: มุ่งจัดตั้งระบบและโครงสร้างพื้นฐานให้สตาร์ทอัพต่างชาติเติบโตได้ในประเทศเกาหลีอย่างอิสระมากขึ้น และดึงดูดนักลงทุนต่างชาติ
  • ด้านความเปลี่ยนแปลง Outbound Startup Ecosystem: จากเดิมที่มีการสนับสนุนแค่บางด้านและมีระยะเวลาสั้น ๆ ไม่ตอบโจทย์การตั้งรกรากในต่างประเทศ สู่การสร้างโอกาสให้กับสตาร์ทอัพและนักลงทุนที่มีศักยภาพในการเข้าสู่ตลาดโลกได้อย่างราบรื่น พร้อมวางรากฐานการเติบโตที่ยั่งยืน

ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด

No comment

RELATED ARTICLE

Responsive image

รู้จัก Secure Corporate Internet บริการใหม่ที่ ‘ตอบโจทย์ธุรกิจยุคดิจิทัล’ เข้าใจทุกเรื่องความปลอดภัยไซเบอร์ของธุรกิจ จาก AIS Business

บทความนี้ Techsauce อยากชวนมารู้จักกับ Secure Corporate Internet อินเทอร์เน็ตองค์กรที่มีระบบรักษาความปลอดภัยครอบคลุมตลอด 24 ชั่วโมง บริการใหม่เพื่อธุรกิจในยุคดิจิทัล!...

Responsive image

สรุปเนื้อหาจากงาน KBTG Techtopia: A Blast From the Future เจาะเวลาหาอนาคต สู่การใช้ AI อย่างชาญฉลาดบนความรับผิดชอบ

สรุปเนื้อหาจากงาน KBTG Techtopia: A Blast From the Future นำเสนอเนื้อหาสุด Exclusive จากทั้ง 3 Stage โดยผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีชั้นนำจากทั้งไทยและต่างประเทศ เจาะเวลาหาอนาคต สู่ก...

Responsive image

Ertigo สตาร์ทอัพไทยที่อยากแก้ปัญหา Office Syndrome ตั้งเป้าเป็นผู้ให้บริการ TeleRehab ในอาเซียน

ERTIGO สตาร์ทอัพไทยที่ต้องการแก้ปัญหา Office Syndrome ตั้งเป้าการเป็นผู้ให้บริการ Telerehab ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้...