FedEx บริษัทขนส่งยักษ์ใหญ่สัญชาติอเมริกัน ก่อตั้งโดย Frederick Smith อดีตนายทหารเรือสหรัฐอเมริกา ผู้สำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัย Yale
ระหว่างที่ศึกษาอยู่นั้น Frederick ก็ได้เขียนรายงานโมเดลธุรกิจการส่งเอกสารด่วนผ่านการใช้เครื่องบิน แม้ว่าผลการเรียนที่ได้จากรายงานเป็นเกรด C แต่สิ่งนี้เองก็ได้กลายเป็นจุดเริ่มต้นของธุรกิจ FedEx เป็นต้นมา
หลังเรียนจบ Frederick Smith ซื้อหุ้นบริษัทซ่อมเครื่องบิน เพื่อนั่งบริหาร ทำให้เขาได้รับความรู้เรื่องการจัดซื้อเครื่องบิน และทำความรู้จักกับประเภทของเครื่องบินต่าง ๆ จนผ่านไปหลายปีมีประสบการณ์ด้านการบินมากขึ้น นำมาสู่การต่อยอดเป็น FedEx เต็มรูปแบบ
ในช่วงแรกของการทำธุรกิจ Smith ซื้อเครื่องบิน 8 ลำ ด้วยเงินทุนมหาศาลจากมรดก เพื่อเตรียมพร้อมบริการส่งเอกสาร ในช่วง 2 ปีแรก ปรากฎว่าเอกสารที่ต้องส่งมีหลายร้อยฉบับ เมื่อเทียบกับจำนวนเครื่องบินเล็กน้อย ทำให้เครื่องบินไปมาหลายครั้ง ก่อให้เกิดต้นทุนเชื้อเพลิงมหาศาล เงินทุนของ Smith หมด เหลือเพียง 5,000 เหรียญเท่านั้น
Smith ไม่ยอมแพ้ ต่อมาเขาได้เดินทางไปยังลาสเวกัสเพื่อเล่นพนันแบล็คแจ็คด้วยเงินที่เหลือ 5,000 เหรียญ ซึ่งโชคก็เข้าข้างเขา ได้เงินเพิ่มเป็น 27,000เหรียญ เพื่อนำไปต่อลมหายใจธุรกิจได้อีกหลายวัน เพื่อที่ Smith ได้นำเวลาที่เหลือเตรียมพร้อม pitch ระดมเงินทุนเป็นด่านต่อไป
ตามกระแสการตลาดในยุคนั้น Smith ได้ใช้วิธีเข้าถึงข้อมูลฐานลูกค้าได้ในเวลารวดเร็วผ่านการซื้อรายชื่อลูกค้า แล้วส่งโฆษณาว่าขนส่งด้วยเครื่องบินเน้นความเร็ว ผ่าน Direct Mail ให้ทุกคนรับทราบ ปรากฎว่าเขาทำกำไรถึง 3.6 ล้านเหรียญ ในเวลาเพียง 5 ปี
สาเหตุสำคัญที่ Smith ชนะใจลูกค้าเป็นเพราะว่า FedEx ตอบสนอง Pain-point เข้าอย่างจัง เพราะโลกกำลังเข้าสู่ยุคโลกาภิวัฒน์ สหรัฐฯ เริ่มขยายตัวธุรกิจไปประเทศอื่น ๆ แน่นอนว่าสิ่งที่ตามมาก็คือ นักธุรกิจต้องการจะส่งเอกสารด้วยวิธีไหนให้ถึงมือคู่ค้าได้เร็วที่สุด ซึ่ง Smith ก็ได้นำไอเดียช่วงเรียนมาพิสูจน์ว่าธุรกิจของเขาตอบโจทย์ลูกค้าได้จริง
เมื่อ FedEx เริ่มเข้าสู่ตลาด Logistics อย่างจริงจัง ย่อมต้องเผชิญคู่แข่งอย่าง UPS, DHL, TNT โดยเขาเอาชนะคู่แข่งด้วยการขยายเครือข่ายให้เข้าถึงลูกค้าเร็วกว่า ด้วยการ Partner กับใครก็ตามที่มีเครือข่ายทั่วสหรัฐฯ และ นำไปสู่การ Partner รับส่งสินค้าให้กับ Amazon
เมื่อ FedEx เริ่มเข้าสู่ตลาด Logistics อย่างจริงจัง ย่อมต้องเผชิญคู่แข่งอย่าง UPS, DHL, TNT แต่ FedEx ก็ยังคงครองพื้นที่ส่วนใหญ่ในตลาดได้ เน้นการเดินก้าวหน้าให้เร็ว ปรับตัวให้ไว
โดยสิ่งที่ FedEx ทำเพื่อเอาชนะคู่แข่งคือ ขยายเครือข่ายให้ลูกค้าเข้าถึงเร็วกว่าคู่แข่ง ด้วยวิธีการ Partner กับใครก็ตามที่มีเครือข่ายทั่วประเทศสหรัฐฯ ซึ่ง Partner ที่ได้ก็คือ Dollar General Store ที่มีอยู่ 8,000 สาขาในสหรัฐฯ โดยทาง Dollar General Store จะเป็นที่ ๆ ให้ลูกค้ามาส่งและรับสินค้าได้สะดวก
ขณะเดียวกัน FedEx ก็นำเทคโนโลยีมาติดตามเอกสารออนไลน์เป็นรายแรก ๆ นอกจากจะลดต้นทุนของ call center แล้ว ยังทำให้คนรู้ได้ทันทีว่าของตนเองอยู่ตรงไหนผ่านการลงรหัสการส่งของผ่าน web portal และในส่วนของการจัดการค่าใช้จ่าย FedEx ก็ได้ปรับปรุง Route Optimization เพื่อที่ลดต้นทุนขนส่งสินค้าได้อย่างดีเยี่ยม ยิ่งไปกว่านั้น ในวันที่ Amazon ผงาดเป็นยักษ์ใหญ่ด้าน E-Commerce FedEx ก็ไม่รอช้าปรับตัวเองให้ทันต่อกระแสโดยการเป็นพาร์ทเนอร์ รับส่งสินค้าให้กับ Amazon ด้วย
เป็นพันธมิตรกันมาหลายปี เมื่อต้องแยกจากกัน เพราะ Amazon รุกธุรกิจโลจิสติกส์เอง แต่ FedEx ก็เปลี่ยนกลยุทธ์ครั้งแรกในรอบ 50 ปี โดยการพัฒนาบริการ FedEx Ground ส่งสินค้าระดับ Express และจับมือกับลูกค้า E-Commerce รายอื่น ที่ไม่ใช่เพียงแค่ Amazon
แม้ว่า FedEx จะเป็นพันธมิตรกับ Amazon มาด้วยดีตลอดหลายปีที่ผ่านมา แต่ท้ายที่สุดแล้วธุรกิจย่อมมีการแข่งขันต่อไป Amazon ก็ได้คิดหาวิธีส่งสินค้าด้วยตนเองเพื่อลดต้นทุนค่าพาร์ทเนอร์จาก FedEx และปลายปี 2019 ได้สั่งห้ามผู้ขายส่งสินค้าผ่าน FedEx ซึ่งลดอำนาจการแข่งขันไปอย่างมาก
อย่างไรก็ตาม FedEx ก็ยังจัดการสถานการณ์ที่เกิดขึ้นด้วยการแยกจาก Amazon และเปลี่ยนกลยุทธ์ครั้งแรกในรอบ 50 ปี โดยการพัฒนาบริการ FedEx Ground ส่งสินค้าระดับ Express และจับมือกับลูกค้า E-Commerce รายอื่น พึ่งพารายได้หลายเจ้าที่ไม่ใช่เพียงแค่ Amazon
---------------------------------------------
ติดตามเรื่องราวที่น่าสนใจแบบนี้ได้ทาง https://www.strategyessential.app/ และกลุ่ม Strategy Essential - แก่นกลยุทธ์
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด