ทำความเข้าใจ Blockchain Layer 2 คืออะไร และทำไมถึงน่าจับตามอง ? | Techsauce

ทำความเข้าใจ Blockchain Layer 2 คืออะไร และทำไมถึงน่าจับตามอง ?

ก่อนมาทำความเข้าใจ Blockchain Layer 2 ย้อนกลับไปยังเรื่องของ Blockchain Layer เป็นที่รู้กันว่า Layer 1 แม้จะเป็น Blockchain ที่เกิดขึ้นมาก่อน แต่ก็มีปัญหาในเรื่องของ Blockchain Trilemma กล่าวคือ เป็นกำแพงที่ขัดขวาง ไม่ให้ Blockchain สามารถมีทั้ง ความปลอดภัย (security) การกระจายอำนาจ (decentralization) และความสามารถในการขยายเครือข่าย (scalability) 

Blockchain Layer 2

ทำไมต้องมี Layer 2 ?

จากที่เกริ่นมาข้างต้นปัจจุบันยังไม่มี Blockchain ใดที่มีครบทั้ง 3 องค์ประกอบ ในการที่จะทำให้สามารถก้าวสู่ Mass Adoption ได้  ซึ่งสิ่งที่เป็นปัญหาของ Layer 1 ส่วนใหญ่ คือ scalability ที่ทำให้เกิดการทำธุรกรรมที่ช้าและค่าธรรมเนียมที่สูง จากปัญหาดังกล่าวจึงเป็นจุดกำเนิดให้เกิด Layer 2 ขึ้นมา

สำหรับ Layer 2 เป็นเครือข่ายรองที่พัฒนามาจาก Blockchain  Layer1 โดยการทำงาน Blockchain Layer 2 เปรียบเสมือนกับ Third-party ที่ใช้ร่วมกับ Layer 1 ซึ่งเป็นการเพิ่ม node เข้ามาแก้ไขในส่วนของการทำธุรกรรมให้มีการประมวลผลที่รวดเร็วมากยิ่งขึ้นและค่าธรรมเนียมที่ถูกลง โดยวิธีการนั้นจะเป็นการนำธุรกรรมของ Blockchain Layer 1 มาประมวลผลและหลังจากนั้นก็ส่งข้อมูลกลับไปยัง Layer 1 นั้นเหมือนเดิม

การปรับ Scale ของ Blockchain บน Layer 2 มีวิธีการแก้ไขอยู่หลายแบบ ได้แก่  

Rollup

Solution เฉพาะของ Layer 2 ที่จะนำธุรกรรมหลายร้อยรายการนอก Layer 1 รวมกันเป็นข้อมูลที่บีบอัดชิ้นเดียว แล้วส่งข้อมูลกลับไปยังเครือข่ายหลักเพื่อให้ทุกคนตรวจสอบ นอกจากนี้ Rollup ยังช่วยในการรักษาความปลอดภัยของ Ethereum และช่วยลดค่าธรรมในการธุรกรรมให้ถูกลง 10 - 100 เท่า

ตัวอย่างของ Rollup ยอดนิยม ได้แก่ Arbitrum, Metis และ Optimism

State channel

เป็นการเพิ่มความจุและความเร็วของธุรกรรมโดยรวม ซึ่งเป็นการอำนวยความสะดวกในการสื่อสารแบบสองทางระหว่างช่องทางการทำธุรกรรมในเครือข่ายหลักและการทำธุรกรรมนอกเครือข่ายผ่านวิธีการต่างๆ

ยกตัวอย่างเช่น Bitcoin's Lightning Network คือเครือข่ายที่มาช่วยแก้ไขในเรื่องความล่าช้าในการประมวลธุรกรรมของ bitcoin

Sidechain

สำหรับ Sidechain จะมีการประมวลผลธุรกรรมมาจาก Layer 1 แต่จะแตกต่างจาก state channel ตรงที่ Sidechain จะมีการบันทึกธุรกรรมทั้งหมดลงบน network เนื่องจากมีการใช้ระบบฉันทามติ (Consensus mechanism) เหมือนกับ Layer 1

ยกตัวอย่างเช่น  Polygon เป็น Sidechain ที่แยกมาจาก Ethereum


ทั้งนี้  Layer 2 จะไม่สามารถมาแทนที่ Layer 1 ได้ แต่จะเป็นการทำงานร่วมกันเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพที่สุด 

ทำไมอนาคตของ Layer 2 ถึงน่าจับตามอง ?

การเกิดขึ้นมาของ Layer2 นั้นนอกจากที่ช่วยในเรื่องการประมวลผลธุรกรรมที่รวดเร็วและค่าธรรมเนียมที่ถูกลงแล้ว ยังสามารถช่วยในการปรับปรุงประสบการณ์ของผู้ใช้งาน รวมถึงช่วยขยายขอบเขตของการพัฒนาแอพพลิเคชั่นใหม่ๆ (dApp) ที่พัฒนาอยู่บน Layer 2 ได้อีกด้วย ซึ่งการที่มีนักพัฒนามาทำ Project ต่าง ๆมากขึ้นก็จะยิ่งดึงดูดรายได้และเพิ่มความน่าเชื่อถือมากขึ้นด้วย

นอกจากนี้ Layer 2 ยังมีบทบาทในเรื่องของการสร้าง Bridge เพื่อเชื่อมระหว่างแพลตฟอร์มต่างๆมากขึ้น ทำให้ผู้ใช้ได้รับประโยชน์จากความสามารถในการทำงานร่วมกันของ Blockchain ที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น 

และในขณะเดียวกันภาคอุตสาหกรรม Cryptocurrency จะเกิดความร่วมมือกัน สร้างสรรค์นวัตกรรมอย่างต่อเนื่องที่จะช่วยส่งเสริมให้โลกเกิดการเปลี่ยนแปลงไปสู่เศรษฐกิจแบบกระจายอำนาจ 

ดังนั้นจากประโยชน์และอนาคตของ Layer 2 ข้างต้นล้วนเป็นปัจจัยที่ทำให้นักลงทุนสนใจและจับตามอง


อ้างอิง Binance Academy, chaindebrief.com, cryptonews.com, coindesk.com, cointelegraph.com




ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด

No comment

RELATED ARTICLE

Responsive image

ทำไมคนสหรัฐฯ เดือดร้อนกับการแบน TikTok ? 3 เหตุผลที่ TikTok สำคัญกับชาวสหรัฐฯ มากกว่าที่คิด

เจาะลึก 3 เหตุผลที่การแบน TikTok อาจส่งผลกระทบต่อชาวอเมริกันมากกว่าที่คิด ทั้งด้านเศรษฐกิจ อาชีพ และการเชื่อมโยงในยุคดิจิทัล...

Responsive image

รู้จัก Physical AI เอไอยุคใหม่ที่ Jensen Huang กล่าวถึงคืออะไร ? มีประโยชน์อย่างไร ?

หนึ่งในไฮไลต์สำคัญของงาน CES 2025 คือการที่ Jensen Huang ซีอีโอของ NVIDIA ได้มีการพูดถึงยุคต่อไปของ AI นั่นก็คือ ‘Physical AI’ ซึ่งนับเป็นความก้าวหน้าครั้งสำคัญยิ่งที่ AI กำลังจะเข...

Responsive image

4 เทรนด์เทคโนโลยีสุดล้ำที่อาจเปลี่ยนโลกจาก CES 2025

สำรวจเทรนด์เทคโนโลยีล่าสุดจาก CES 2025 ตั้งแต่ AI อัจฉริยะ ยานยนต์ล้ำสมัย ไปจนถึงการพัฒนาชิปกราฟิกและเทคโนโลยีหน้าจอแห่งอนาคตที่เปลี่ยนโฉมการใช้ชีวิตประจำวัน!...