ตะลุย Davos ส่อง 5 ประเด็นหลัก ใน World Economic Forum | Techsauce

ตะลุย Davos ส่อง 5 ประเด็นหลัก ใน World Economic Forum

ในโลกที่การเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วและซับซ้อน การประชุมหารือระดับโลกกลายเป็นเวทีสำคัญสำหรับการหาทางออกที่สร้างผลกระทบในวงกว้าง และหนึ่งในเวทีที่มีความสำคัญที่สุดในระดับสากลคงหนีไม่พ้น World Economic Forum (WEF) หรือที่หลายคนรู้จักกันในชื่อ "Davos"

สำหรับปีนี้ งาน WEF Davos จัดขึ้นระหว่างวันที่ 20-24 มกราคม 2025 เป็นอีกครั้งที่ผู้นำจากหลากหลายวงการได้มาไม่ว่าจะเป็นภาครัฐ ภาคธุรกิจ ประชาสังคม และนักวิชาการ มาพบกันเพื่อมาร่วมกันอภิปรายในประเด็นที่มีความสำคัญต่ออนาคตของโลก ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม และเทคโนโลยี ตั้งแต่ปัญหาเศรษฐกิจโลก สภาพภูมิอากาศที่เปลี่ยนแปลง ไปจนถึงการพัฒนานวัตกรรมใหม่ ๆ ที่ส่งผลต่อชีวิตของผู้คนทุกระดับ


ตะลุย Davos เมืองเล็กๆ ที่รวมมันสมองจากทั่วโลก

ก่อนอื่น ขอเล่าให้ทุกคนฟังถึงคำถามที่มักจะได้ยินบ่อย ๆ ว่าทำไมงาน World Economic Forum (WEF) ถึงเป็นที่รู้จักในชื่อ Davos (หรือถ้าออกเสียงแบบเยอรมันจะเรียกว่า ดาโฟส) คำตอบก็คือ งานนี้จัดขึ้นในเมืองเล็ก ๆ ที่ชื่อว่า Davos ในเทือกเขาแอลป์ ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ซึ่งเป็นเมืองที่เต็มไปด้วยเสน่ห์และเงียบสงบมากๆ ค่ะ

ส่วนเหตุผลที่ Davos ถูกเลือกให้เป็นสถานที่จัดงานประชุมระดับโลกมาหลายปีนั้นน่าสนใจมาก เพราะนอกจากเมืองนี้จะมีบรรยากาศที่สงบแล้ว สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการเป็นพื้นที่ที่เป็นกลางทางการเมือง ปราศจากสิ่งรบกวนจากปัจจัยภายนอกและอิทธิพลทางการเมือง ทำให้ผู้นำระดับโลกจากหลากหลายสาขาสามารถแลกเปลี่ยนความคิดเห็นได้อย่างอิสระและเปิดใจ

โดยในงานปีนี้มีบุคคลสำคัญกว่า 2,500 คนจากกว่า 100 ประเทศ เข้าร่วม ไม่ว่าจะเป็นผู้นำระดับโลก เช่น ประธานาธิบดี นายกรัฐมนตรี, CEO ขององค์กรธุรกิจข้ามชาติชั้นนำ, นักวิชาการ ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้าน, รวมถึงนักเคลื่อนไหวทางสังคม และศิลปินค่ะ

Promenade Street ถนนสายหลักที่เป็นมากกว่าเส้นทางสัญจร

ใน Davos หนึ่งในจุดสำคัญนอกจากพื้นที่ Congress Center ซึ่งเป็นจุดรวมตัวของผู้นำระดับโลกที่ทุกคนพูดถึง คงหนีไม่พ้นเส้นทางเดินหลักของเมืองอย่าง Promenade Street ที่เต็มไปด้วยกิจกรรมและสีสันเฉพาะตัว ถนนสายนี้ไม่ได้เป็นเพียงเส้นทางสัญจรธรรมดา แต่เป็นพื้นที่ที่เชื่อมโยงผู้เข้าร่วมงานจากทั่วโลกเข้าด้วยกัน

เพราะตลอดแนว Promenade Street จะถูกแปลงโฉมจากร้านค้าและพื้นที่ปกติ ให้กลายเป็นพื้นที่ของบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำและแบรนด์ระดับโลกมากมาย บริษัทเหล่านี้เข้ามาเช่าพื้นที่เพื่อสร้าง “House” ของตัวเอง ซึ่งถือเป็นหนึ่งในพื้นที่สำคัญที่บริษัทต่าง ๆ ใช้เป็นช่องทางในการสร้างการมีส่วนร่วมกับผู้เข้าร่วมงานที่ Davos ค่ะ

ตัวอย่างหนึ่งคือ AI House ซึ่งเราก็เพิ่งมีโอกาสไปร่วมงานมา ต้องยอมรับว่านอกจากเรื่อง Climate Change ที่ยังคงเป็นประเด็นหลักแล้ว เทคโนโลยี โดยเฉพาะ AI ก็ได้รับการพูดถึงในหลากหลายมิติ ทั้งในเชิงผลกระทบเชิงบวกและเชิงลบ

ซึ่งในปีนี้เกือบทุกจุด ทุกบูธ หรือทุกพื้นที่จัดแสดงต่างเสนอเกี่ยวกับ AI เป็นหลัก โดยเฉพาะในเรื่องของการนำ AI มาขับเคลื่อนการเติบโตทางธุรกิจ (Business Growth) ซึ่งเป็นหัวข้อหลักที่ถูกพูดถึงกันอย่างกว้างขวาง

แต่ก็ยังมีประเด็นที่เราต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ เช่น ผลกระทบจาก Misinformation และความเสี่ยงอื่น ๆ ที่อาจเกิดขึ้นจากการใช้งานเทคโนโลยีนี้ เราจึงต้องมองหาวิธีการ Balance ระหว่างการสร้างประโยชน์และการจัดการกับปัญหาที่ตามมา เพื่อให้ AI สร้างผลลัพธ์ที่ดีในระยะยาว และตอบสนองต่อความเปลี่ยนแปลงของโลกในยุคปัจจุบันอย่างแท้จริงค่ะ

มีการตั้ง Pavilion เปิดโอกาสเข้าถึงนักลงทุน

อีกจุดที่น่าสนใจในพื้นที่ของถนนหลักรอบ ๆ งาน นอกจากจะมีบูธของบริษัทเทคโนโลยีและ Consulting firm ชั้นนำมากมายแล้ว ยังมี Pavilion ของประเทศต่าง ๆ จัดแสดงอยู่ด้วย เช่น กาตาร์ อินโดนีเซีย เกาหลีใต้ และซาอุดีอาระเบีย ประเทศเหล่านี้จัด Pavilion เพื่อแสดงศักยภาพของตนเองและสร้างโอกาสในการดึงดูดนักลงทุน รวมถึงการสร้างความร่วมมือทางการค้าในระดับสากล

ตัวอย่างที่น่าสนใจคือ Indonesian Pavilion ที่ไม่เพียงนำเสนอวัฒนธรรมและนวัตกรรมของประเทศ แต่ยังจัด session และ talk ที่เปิดโอกาสให้ภาคธุรกิจจากอินโดนีเซียได้เชื่อมโยงกับผู้เข้าร่วมงานจากนานาชาติ นี่ถือเป็นจุดเด่นที่ทำให้ Country Pavilion มีบทบาทสำคัญในงาน Davos เพราะนอกจากจะช่วยสร้างความเชื่อมโยงในระดับนานาชาติแล้ว ยังสะท้อนถึงศักยภาพและความพร้อมของแต่ละประเทศในการเป็นศูนย์กลางการลงทุนและการค้าระดับโลกค่ะ

ส่อง 5 ประเด็นหลักในงาน World Economic Forum

สำหรับ World Economic Forum 2025 ในปีนี้ ธีมหลักคือ "Collaboration for the Intelligent Age" ซึ่งสะท้อนถึงความสำคัญของการสร้างความร่วมมือระหว่างภาครัฐ ภาคธุรกิจ และประชาสังคม เพื่อใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยี โดยเฉพาะ AI ในการแก้ไขปัญหาและพัฒนาสังคม โดยปีนี้มี 5 ประเด็นหลักที่น่าสนใจและถูกหยิบยกมาพูดคุยกันอย่างเข้มข้นค่ะ

1. การสร้างการเติบโตใหม่ (Reimagining Growth)

ปีนี้ผู้นำทั่วโลกกำลังมองหาแหล่งการเติบโตใหม่ เพราะการเติบโตทางเศรษฐกิจเดิมกำลังเผชิญกับข้อจำกัด ไม่ว่าจะเป็นหนี้สินระดับสูง หรือแรงกดดันจากความเปราะบางทางเศรษฐกิจ แต่สิ่งที่น่าสนใจคือ ‘เศรษฐกิจดิจิทัล’ ที่ตอนนี้มีบทบาทมากถึง 15.5% ของ GDP โลก กลายเป็นแหล่งการเติบโตใหม่ที่ทุกคนจับตามอง แน่นอนว่าโอกาสนี้ไม่ได้มาโดยไม่มีอุปสรรคค่ะ เราต้องมองหานวัตกรรมใหม่ ๆ เพื่อสร้างการเติบโตที่ยั่งยืน

2. อุตสาหกรรมในยุคอัจฉริยะ (Industries in the Intelligent Age)

เรากำลังอยู่ในยุคที่ธุรกิจต้องปรับตัวครั้งใหญ่ เพราะเทคโนโลยีอย่าง AI, Blockchain และ Quantum Computing กำลังเปลี่ยนโฉมหน้าของธุรกิจทั่วโลกอย่างรวดเร็วค่ะ รวมถึงเรื่อง Geo-eocnomic หรือภูมิเศรษฐศาสตร์ที่เป็นคำที่ได้รับการพูดถึงอย่างมากในช่วงปีที่ผ่านมา ผู้นำธุรกิจหลายคนพูดถึงความสำคัญของการปรับตัวให้ทันกับการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ ซึ่งมาพร้อมความท้าทายใหม่ ๆ อย่างเช่น ความต้องการพลังงานที่เพิ่มขึ้น คาดว่าในปี 2026 การใช้พลังงานในภาคเทคโนโลยีจะเพิ่มขึ้นเป็น 1,000 TWh นี่เป็นโจทย์ที่ต้องสร้างสมดุลระหว่างการเติบโตและความยั่งยืนให้ได้

3. การลงทุนในบุคลากร (Investing in People)

ถ้าพูดถึงการลงทุนที่คุ้มค่าที่สุดในโลกยุคนี้ ก็คงเป็น ‘การลงทุนในคน’ โดยเฉพาะในโลกที่เทคโนโลยีอย่าง AI จะเข้ามามีบทบาทกับ 40% ของการจ้างงานทั่วโลก การ reskill และ upskill จึงกลายเป็นเรื่องสำคัญที่เร่งด่วนที่สุด หากเราต้องการให้คนพร้อมสำหรับงานในอนาคต และช่วยลดความเหลื่อมล้ำในสังคม ประเด็นนี้เชื่อมโยงไปถึงโอกาสในการสร้างแรงงานที่แข็งแกร่งและตอบโจทย์เศรษฐกิจยุคใหม่ค่ะ

4. การปกป้องดูแลโลก (Safeguarding the Planet)

อีกประเด็นที่ยังคงได้รับความสนใจคือ การดูแลรักษาโลกของเรา จะเห็นว่าปีนี้หลายประเทศให้ความสำคัญกับ Net Zero และการลงทุนในเทคโนโลยีสะอาด ไม่ว่าจะเป็นพลังงานหมุนเวียน หรือการจัดการทรัพยากรอย่างยั่งยืน ประเด็นนี้ชัดเจนมากค่ะว่า การจะเดินหน้าได้เราต้องการความร่วมมือในระดับใหญ่ เพื่อสร้างความสมดุลระหว่างความต้องการพลังงานและการรักษาสิ่งแวดล้อม

5. การสร้างความไว้วางใจอีกครั้ง (Rebuilding Trust)

ความไว้วางใจเป็นพื้นฐานสำคัญค่ะ เพราะโลกตอนนี้เต็มไปด้วยความซับซ้อน ทั้งความแตกแยกทางสังคมและการแข่งขันระหว่างประเทศ ที่น่าสนใจคือ เศรษฐกิจดิจิทัลกลายเป็นเครื่องมือสำคัญในการฟื้นฟูความร่วมมือ โดยการค้าดิจิทัลเติบโตเฉลี่ย 8.2% ต่อปี ซึ่งสูงกว่าการเติบโตของการค้าแบบเดิม นี่เป็นโอกาสที่เราจะสร้างความไว้วางใจผ่านความร่วมมือระดับโลก

สำหรับประเทศไทย ปีนี้มีความโดดเด่นไม่แพ้ปีไหน ๆ ค่ะ เพราะนอกจากท่านนายกรัฐมนตรีและหน่วยงานภาครัฐแล้ว ยังมีตัวแทนจากภาคเอกชนมากกว่า 10 บริษัท เข้าร่วมงานด้วย ซึ่งสะท้อนถึงความพร้อมและศักยภาพของประเทศเราในการมีส่วนร่วมกับเวทีระดับโลก

สำหรับใครที่สนใจติดตามเนื้อหาสำคัญจากการประชุมครั้งนี้ และบทสัมภาษณ์พิเศษที่เจาะลึกเกี่ยวกับประเด็นต่างๆ ในงาน Davos 2025 สามารถรอติดตามได้ที่ Techsauce เราพร้อมจะนำเสนอข้อมูลเชิงลึก เพื่อให้ทุกคนเห็นภาพว่าโลกกำลังเปลี่ยนไปในทิศทางไหน และประเทศไทยสามารถวางตำแหน่งตัวเองอย่างไรในยุคแห่งความอัจฉริยะนี้ค่ะ

ชมคลิปได้ที่: ตะลุย Davos บุกงาน World Economic Forum 2025

อ่านบทความจาก WEF 2025: 

ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด

No comment

RELATED ARTICLE

Responsive image

สรุป AI อดีต ปัจจุบัน อนาคต โดย Eric Grimson ศาสตราจารย์จาก MIT

ภายในงาน MIT Bangkok Symposium - Unleashing AI: Transforming Industries, Empowering Futures ที่จัดขึ้นในกรุงเทพฯ ศาสตราจารย์ ดร. Eric Grimson อธิการบดีฝ่ายวิชาการ จากสถาบันเทคโนโลย...

Responsive image

รู้จักเทรนด์ Brand Chem กลยุทธ์ TikTok 2025 การตลาดที่ต้อง ‘เป็นเพื่อน’ กับผู้บริโภค

สำรวจ TikTok What's Next Report 2025 และแนวคิด Brand Chem ที่เปลี่ยนการตลาดด้วยความร่วมมือระหว่างแบรนด์ ครีเอเตอร์ และชุมชน TikTok พร้อมเทรนด์สำคัญที่ขับเคลื่อนปี 2025...

Responsive image

ชี้เป้า 5 เทรนด์การใช้ AI (Agent) พาธุรกิจโต ในปี 2025 โดย Salesforce

เผยแนวโน้มการใช้ AI เพื่อสร้างการเติบโตด้านรายได้ให้ธุรกิจ และอัปเดตความก้าวหน้าในการพัฒนา AI Agent ให้ทำงานได้อัตโนมัติ (Autonomous) โดย Salesforce...