
ในโลกธุรกิจที่เต็มไปด้วยความผันผวน การ "Transformation" หรือการปรับเปลี่ยนองค์กร ไม่ใช่ทางเลือกอีกต่อไป แต่เป็นหนทางสู่การอยู่รอดและก้าวขึ้นเป็นผู้นำ บนเวที Techsauce Global Summit 2025 คุณกระทิง พูนผล แห่ง Disrupt Technology Venture ได้แบ่งปันประสบการณ์และกลั่นกรองออกมาเป็น 10 กฎเหล็กที่เปรียบเสมือนเข็มทิศสำหรับผู้นำทุกคนที่ต้องการขับเคลื่อนองค์กรให้ผ่านพ้นคลื่นแห่งการเปลี่ยนแปลง
บทความนี้จะเจาะลึกทุกรายละเอียดจากเซสชัน เพื่อให้คุณเข้าใจแก่นแท้ของแต่ละกฎ และนำไปปรับใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
รากฐานสำคัญ: 3 ระยะของการทรานส์ฟอร์ม (The 3 Phases of Transformation)
ก่อนจะไปถึงกฎทั้ง 10 ข้อ คุณกระทิงได้ปูพื้นฐานว่าการทรานส์ฟอร์มที่ประสบความสำเร็จนั้น ไม่ใช่การทำทุกอย่างพร้อมกัน แต่เป็นการเดินทางที่เป็นลำดับขั้นตอน ซึ่งโดยทั่วไปประกอบด้วย 3 ระยะสำคัญ:

LEGO คือตัวอย่างที่ชัดเจนที่สุดของการเดินตาม 3 ระยะนี้ จากบริษัทที่เกือบล้มละลาย พวกเขาใช้เวลาถึง 13 ปีในการทรานส์ฟอร์มตัวเอง
การทรานส์ฟอร์มของ LEGO ไม่ใช่แค่การปรับแผนธุรกิจ แต่เป็นการเปลี่ยนแปลงใน 4 มิติสำคัญ:

กฎข้อที่ 1: เริ่มต้นโดยมีภาพสุดท้ายเป็นดาวเหนือ (Start with the End as Your North Star)
การทรานส์ฟอร์มเริ่มต้นจากวิสัยทัศน์ที่ชัดเจนและกล้าหาญ ผู้นำไม่ได้มีหน้าที่แค่ฝัน แต่ต้องสามารถสื่อสารวิสัยทัศน์นั้นออกมา "ราวกับว่ามันได้เกิดขึ้นจริงแล้ว" (Speak It Into Reality) เพื่อสร้างความเชื่อมั่นและแรงบันดาลใจให้คนอื่นพร้อมจะเดินตาม วิสัยทัศน์นี้ต้องถูกถ่ายทอดออกมาผ่านการกระทำที่สอดคล้องกัน ทั้งการลงทุนในบุคลากร การสร้างความชัดเจนในกลยุทธ์ และการสร้างความร่วมมือจากทุกคนในทีม
กฎข้อที่ 2: การทรานส์ฟอร์มต้องเริ่มที่ผู้นำ (Transformation Starts With Leaders)
คุณกระทิงย้ำว่า "ผู้นำในที่นี้คือคุณ!" การเปลี่ยนแปลงจะไม่เกิดขึ้นเลยหากผู้นำไม่ลงมือทำเป็นคนแรก ทัศนคติ (Mindset), พฤติกรรม (Behaviors), และการกระทำ (Actions) ของคุณ จะเป็นตัวกำหนดทิศทางของทั้งองค์กร ที่สำคัญ ผู้นำต้องเข้าใจ "วงจรชีวิตขององค์กร" (Corporate Life Cycle) เพื่อเลือกกลยุทธ์ที่เหมาะสม เพราะบริษัทในระยะ Startup ย่อมต้องการแนวทางที่ต่างจากบริษัทในระยะ Mature Stable หรือ Decline การใช้กลยุทธ์ผิดระยะ อาจนำมาซึ่งความล้มเหลวได้
กฎข้อที่ 3: นำด้วยความเข้าอกเข้าใจ (Lead With Empathy, Make the Change Personal & Purposeful)
ยิ่งการเปลี่ยนแปลงยากลำบากเท่าไหร่ ความเข้าอกเข้าใจ (Empathy) ยิ่งจำเป็นมากขึ้นเท่านั้น คุณกระทิงชี้ว่า Empathy คือ "การเข้าใจความรู้สึกของผู้อื่น แม้ในสิ่งที่พวกเขาไม่ได้พูดออกมา" ผู้นำที่เปี่ยมด้วยความเข้าอกเข้าใจ (Empathic Leadership) จะต้องสามารถ:
กฎข้อที่ 4: ให้ความสำคัญกับคนเป็นอันดับแรก (Put People First and at the Center of Every Transformation)
"คน" คือหัวใจของการเปลี่ยนแปลง ซึ่งครอบคลุมทั้งลูกค้า พนักงาน และผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ทุกการกระทำต้องมุ่งไปที่การสร้างคุณค่า (Create Value) ให้กับคนเหล่านี้
กฎข้อที่ 5: การทรานส์ฟอร์มที่ดีต้องเป็นแบบองค์รวม (Good Transformations are Holistic by Nature)
การเปลี่ยนแปลงที่ได้ผลต้องมาจากบนลงล่างและครอบคลุมทุกมิติ คุณไม่สามารถเปลี่ยนแค่ส่วนใดส่วนหนึ่งได้ แต่ต้องออกแบบ "ทั้งระบบ" (the Whole System) ให้ทำงานสอดประสานกัน ตั้งแต่:
กฎข้อที่ 6: สถาปัตยกรรมอนาคตจากรากฐาน (Architect the Future from the Ground Up)
การสร้างการเปลี่ยนแปลงที่ยั่งยืนเปรียบเสมือนการสร้างตึก ที่ต้องมีครบทั้ง 4 ชั้น จากล่างขึ้นบน:
กฎข้อที่ 7: ลงทุนในขีดความสามารถที่เหนือกว่าเทคโนโลยี
ข้อมูลจาก BCG ที่นำเสนอในรูปแบบภูเขาน้ำแข็ง ชี้ให้เห็นความจริงที่น่าตกใจ:
กฎข้อที่ 8: ยกระดับผู้คน อย่าแค่จัดโครงสร้างใหม่ (Elevate People, Don't Just Reorganize Them)
อนาคตของตลาดแรงงานจะเป็นแบบ "K-Shaped" ซึ่งหมายถึงการแยกตัวที่ชัดเจนระหว่าง:
กฎข้อที่ 9: การทรานส์ฟอร์มคือการเดินทางที่ไม่มีวันสิ้นสุด และต้องอยู่ใน DNA
การเปลี่ยนแปลงคือการเดินทางที่ยาวนานและยากลำบาก ทุกคนในองค์กรจะต้องเผชิญกับ
"Kübler-Ross Change Curve" ตั้งแต่ช่วง Shock, Denial, Frustration จนกว่าจะไปถึงจุดที่ยอมรับและเกิดการเปลี่ยนแปลงจริง มันเป็นการเดินทางที่มักจะโดดเดี่ยวสำหรับ CEO ดังนั้น การทรานส์ฟอร์มที่แท้จริงจะเกิดขึ้นเมื่อมันได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของ DNA ขององค์กรไปแล้ว
กฎข้อที่ 10: จงก้าวล้ำหน้าอยู่เสมอ (Always Stay One Step Ahead)
คุณกระทิงปิดท้ายด้วยแนวคิดที่ทรงพลังที่สุดว่า
"ไม่มีสิ่งที่เรียกว่า Best Practice" มีแต่ "Better Practice" หรือการปฏิบัติที่ดีขึ้นเรื่อยๆ ในทุกวัน เพราะการสิ้นสุดของ Transformation หนึ่ง คือการเริ่มต้นของอีกสิ่งหนึ่งเสมอ องค์กรที่กำลังทำ AI Transformation อยู่ในวันนี้ ต้องตระหนักว่านี่เป็นเพียงโดมิโนตัวหนึ่งเท่านั้น ยังมีคลื่นแห่งการเปลี่ยนแปลงอีกมากมายรออยู่

คุณกระทิงทิ้งท้ายด้วยข้อความปลุกพลังสำหรับผู้นำทุกคนว่า "10 ปีข้างหน้า จะเป็นการเปลี่ยนแปลงของโลกการทำงานที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในรอบ 100 ปี" และจงจำไว้เสมอว่า:
"What Got You Here, Won't Get You There." (สิ่งที่พาคุณมาถึงจุดนี้ได้ จะไม่สามารถพาคุณไปสู่จุดต่อไปได้)
อนาคตไม่ใช่สิ่งที่เราเดินเข้าไปหา แต่เป็นสิ่งที่เราสร้างขึ้น และพลังในการสร้างอนาคตที่ดีนั้นอยู่ในปัจจุบัน การเดินทางครั้งนี้คือโอกาสของคุณในการลงมือสร้างปัจจุบันที่ดี เพื่ออนาคตที่ยั่งยืนขององค์กรและตัวคุณเอง
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด