Smart City ในความคิดของคุณคืออะไร ? ...
ปัจจุบันหลายคนคงเคยได้ยินคำว่า Smart City กันอย่างคุ้นหูมากขึ้น จากการที่ไม่ว่าภาครัฐบาล หรือ ภาคเอกชนเองต่างก็กระตุ้นให้เกิดขึ้น และสามารถจับต้องได้จริง โดยเฉพาะในต่างจังหวัดที่หลายภาคส่วนต่างให้ความสำคัญในการพัฒนาเมืองให้มีความเจริญก้าวหน้าด้วยการนำเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้กับระบบโครงสร้างพื้นฐานเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนให้มีความสะดวกสบายมากขึ้น
นอกจากภาคประชาชนแล้ว ทางด้านภาคอุตสาหกรรมเองก็ได้ให้ความสำคัญกับการสร้างเมืองอัจริยะเช่นเดียวกัน อย่างกรณีศึกษาของ บมจ.อมตะ คอร์ปอร์เรชั่น ผู้พัฒนานิคมอุตสาหกรรมรายใหญ่ของประเทศไทย ที่มีความต้องการที่จะพัฒนาโรงงานอุตสาหกรรมให้เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากที่สุด ด้วยวิธีการบริหารทรัพยากรที่มีอยู่อย่างจำกัด ให้เกิดการใช้งานน้อยที่สุด แต่สามารถตอบสนองต่ออุตสาหกรรมได้มากที่สุดเช่นกัน
โดยในบทความนี้ Techsauce ได้มีโอกาสสัมภาษณ์พิเศษ ‘วิบูลย์ กรมดิษฐ์’ กรรมการบริหาร และประธานเจ้าที่บริหารด้านการตลาดของอมตะ ซึ่งเป็นกำลังหลัก ในการขับเคลื่อนการสร้าง AMATA Smart City ให้กลายเป็นนิคมอุตสาหกรรมแห่งโลกอนาคตที่เป็นการผสมผสานอุตสาหกรรมให้สามารถอยู่กับสิ่งแวดล้อมอย่างเป็นเนื้อเดียวกันได้ โดยการพัฒนาให้อมตะเป็นดั่งศูนย์กลางของการวิจัยและพัฒนา (Center of research and development)
สำหรับกลุ่มธุรกิจของอมตะ ได้มีการดำเนินงานใน 4 ธุรกิจหลัก ได้แก่ กลุ่มนิคมอุตสาหกรรม กลุ่มสาธารณูปโภค กลุ่มการให้บริการ และการลงทุนอื่นๆ โดยรายได้หลักจะมาจากกลุ่มนิคมอุตสาหกรรมในการขายอสังหาริมทรัพย์ที่ได้รับการพัฒนาแล้ว (Land Sale) และการให้บริการด้านสาธารณูปโภคภายในนิคม ซึ่งจะสามารถสร้างการเติบโตในแง่ของรายได้ให้กับบริษัทปีละประมาณ 10%
แต่ในขณะเดียวกันการทำธุรกิจไม่สามารถที่จะพึ่งพิงรายได้จากธุรกิจ Land Sale ในไทยได้ตลอด ดังนั้นทำให้อมตะต้องหาพื้นที่ในประเทศที่มีแนวโน้มการเติบโตของอุตสาหกรรมได้ดี อย่างเช่น เวียดนาม ในการเข้าไปพัฒนาพื้นที่เพื่อรองรับการลงทุนที่จะหลั่งไหลเข้ามา
นอกจากนี้ในแง่ของประเทศไทยเอง อมตะก็ต้องมีการปรับตัวให้เกิดการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงของโลกที่เทคโนโลยีและนวัตกรรมได้รับการพัฒนาให้ก้าวหน้าอย่างไม่มีที่สิ้นสุด จึงทำให้กลุ่มอมตะได้พัฒนาโครงการ AMATA Smart City หรือ เมืองอัจริยะอมตะขึ้นมา
โดยจะส่งเสริมให้เป็นเหมือนกับ Thing Tank ศูนย์กลางการเรียนรู้และพัฒนา พร้อมกับเป็นพื้นที่พิเศษที่จะดึงดูดการลงทุนของอุตสาหกรรมระดับ High Technology ซึ่งสอดคล้องกับการที่ภาครัฐบาลผลักดันโครงการ ‘ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษตะวันออก’ (Eastern Economic Corridor : EEC) ที่จะเป็นการส่งเสริมให้พื้นที่ 3 จังหวัด ได้แก่ ชลบุรี ฉะเชิงเทรา และระยอง ได้รับการพัฒนาให้สามารถยกระดับเป็นฐานการผลิตสินค้าอุตสาหกรรมที่มีการใช้เทคโนโลยี ซึ่งมีทั้งหมด 10 อุตสาหกรรมเป้าหมาย แบ่งเป็น
First S-Curve 5 อุตสาหกรรมเดิมที่มีศักยภาพ ได้แก่ ยานยนต์สมัยใหม่ อิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะ การเกษตรและเทคโนโลยีชีวภาพ การแปรรูปอาหาร และการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ
New S-Curve 5 อุตสาหกรรมแห่งอนาคต ได้แก่ หุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติ การบินและโลจิสติกส์ เชื้อเพลิงชีวภาพและเคมีชีวภาพ การแพทย์ครบวงจร และดิจิทัล
ผมเชื่อว่าในประเทศไทย ยังมีช่องทางการเติบโตของธุรกิจากพอสมควร เพียงแต่เราต้องปรับตัว อย่าไปใช้อุตสาหกรรมที่มัน Low Tech ที่ไม่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมเกินไป จึงเป็นที่มาให้อมตะ ต้องสร้างสมาร์ทซิตี้ให้เกิดขึ้น
“มนุษย์เราทำร้ายสิ่งแวดล้อม ตอนนี้เห็นกันหรือไม่ว่าเราเริ่มจะโดนสิ่งแวดล้อมเอาคืน เมื่อก่อนพวกคุณมีการใช้ฟอสซิล ก่อให้เกิดคาร์บอนไดออกไซด์ สร้างก๊าซเรือนกระจก อะไรต่อมิอะไรไม่รู้ที่ทำร้ายสิ่งแวดล้อม จนวันนี้มีพายุต่างๆที่เกิดขึ้นมากมาย หรือที่เราเรียกว่า climate change สิ่งเหล่านี้ปรากฎขึ้น ซึ่งเป็นการเอาคืนจากธรรมชาติ และถ้ามนุษย์ต่างคนต่างก็บอกว่า ไม่เป็นไร เราทำแค่เล็กน้อย แต่ถ้าหลาย ๆ คนคิดแบบนี้ เมื่อเกิดขึ้นมากเข้า และนานวันเข้า ลองคิดดูว่ามันจะเป็นอย่างไร”
จากคำบอกเล่าของวิบูลย์ กรมดิษฐ์ ที่มองเห็นถึงสาเหตุที่ทำให้มนุษย์ต้องหันมาสร้างทุกอย่าง และปรับตัวเพื่อให้สามารถอยู่ร่วมกับสิ่งแวดล้อมโดยไม่ทำร้ายกัน ถือเป็นเหตุผลหลัก ๆ ของการพัฒนาสมาร์ทซิตี้ ขึ้นในอาณาจักรของอมตะ
สำหรับ AMATA เป้าหมายสำคัญ คือ ความต้องการที่จะเป็น united sustainable company ดังนั้น การสร้างสมาร์ทซิตี้ สำหรับอมตะ ก็คือ การสร้างเมืองที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมาก ๆ โดยการบริหารจัดการทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด หรือใช้ทรัพยากรที่รบกวนสิ่งแวดล้อมน้อย ๆ แต่มีประสิทธิภาพต่ออุตสาหกรรมมากเช่นกัน
ยกตัวอย่างเช่น ด้านพลังงาน กลุ่มอมตะหันมาผลิตพลังงานไฟฟ้าจาก Solar Cell มากขึ้น เพราะไม่ทำให้สิ่งแวดล้อมเกิดความเสียหาย แต่ได้ประสิทธิภาพ คือ สามารถ Covert มาเป็นพลังงานไฟฟ้าที่ใช้งานได้ ทั้งนี้ยังมีการทำ Smart Factory คือ โรงงานที่ไม่ปล่อยควันพิษที่สร้างมลพิษ และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมด้วย ซึ่งเราสร้างมาอย่างต่อเนื่อง แต่ต้องอาศัยความค่อยเป็นค่อยไป ปรับเรื่อย ๆ เพื่อให้สามารถ Matching กับ Demand ของลูกค้าเราได้
สมาร์ทซิตี้ที่อมตะจะทำนั้น เราจะมีพื้นที่สำหรับการพัฒนาตรงนี้โดยเฉพาะ แบ่งการพัฒนาเป็นส่วน ๆ ให้กับกลุ่มนักลงทุนของแต่ละประเทศ และให้เขามาช่วยบริหารจัดการ เพราะทุกประเทศที่เข้ามาลงทุนในไทย ล้วนมีการพัฒนาทางด้านเทคโนโลยี นวัตกรรมที่จะทำให้อุตสาหกรรมไม่ทำร้ายสิ่งแวดล้อมอยู่แล้ว
โดยสาเหตุที่เราจัดแบ่งเช่นนี้ ก็เพราะว่า อมตะต้องที่จะบริหารจัดการอย่าง Work Smart โดยเรารู้จักตัวเองดีว่าเราเก่งอะไร และเราคือใคร ดังนั้นอะไรที่เป็นส่วนเสริมเราจะหาพันธมิตรเก่ง ๆ และมี Know How เข้ามาช่วยทำ
ยกตัวอย่างโครงการสมาร์ทซิตี้ในเฟสแรกที่จะได้เห็น คือ กลุ่มของประเทศญี่ปุ่น โดยในพื้นที่ที่เราวางไว้ให้เป็นสมาร์ทซิตี้นั้น เราได้มีการ Join กับทาง Hitachi ในการเปิดตัว ศูนย์ลูมาด้า (Lumada Center) ซึ่งเป็นโซลูชั่นบริการและเทคโนโลยีดิจิทัลขั้นสูงของ Hitachi ที่จะวิเคราะห์ข้อมูล เพื่อช่วยสร้าง Smart Factory เพิ่มขีดความสามารถในการผลิตได้มากขึ้น และพื้นที่โซนดังกล่าวอมตะก็ได้ร่วมมือกับทางเทศบาลเมืองโยโกฮาม่าให้มาช่วยดีไซน์พื้นที่ให้เป็น Smart Area ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างดำเนินการก่อสร้าง คาดว่าจะสามารถแล้วเสร็จภายใน 18 เดือน
สิ่งที่อมตะวางไว้ ในการสร้างสมาร์ทซิตี้ จะมีจุดเด่นในเรื่องของ Think Tank หรือเป็นเหมือนสมองของอุตสาหกรรม จากเมื่อก่อนเราเน้น Production แต่ในสมาร์ทซิตีตรงนี้จะเป็น Research and Development (R&D) และต้องเอามารวมเป็น Center เพราะจะทำให้ใช้ทรัพยากรน้อยที่สุด ดังนั้นสิ่งที่เราคิด คือ เราต้องการจะเป็น Center of R&D
นอกจากภายในศูนย์กลางตรงนี้จะมีมหาวิทยาลัยเกิดขึ้นด้วย เพราะเราต้องการสร้างให้เป็น Smart Education โดยเมื่อปี 2561 บริษัทได้รับใบอนุญาตให้จัดตั้งมหาวิทยาลัยอมตะ ในการจัดทำหลักสูตรการศึกษาและอบรมเรื่องการผลิตอัจฉริยะ (Smart Manufacturing) เพื่อยกระดับมาตรฐานการผลิต รวมทั้งการวิจัยและพัฒนาที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีการผลิตของไทย
สำหรับภายใน smart city ที่เราสร้างขึ้น อมตะจะรับผิดชอบในส่วนของ Land Development ที่จะเป็นการสร้างระบบโครงสร้างพื้นฐานต่าง ๆ สิ่งอำนวยความดวก และสาธารณูปโภค ส่วนกลุ่มนักลงทุนที่จะเข้ามาเราก็จะแบ่งตามพื้นที่ที่วางไว้ ซึ่งเป็นกลุ่มอุตสาหกรรมที่อยู่ใน 10 อุตสาหกรรมเป้าหมายของ EEC และต้องเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม สามารถอยู่กับสิ่งแวดล้อมโดยผสานเป็นเนื้อเดียวกันได้
ขณะที่ความคาดหวังในการพัฒนาของอมตะ Concept ของเราคือ Today better than yesterday และ Tomorrow better than today ดังนั้นสิ่งที่เราได้พัฒนาให้เป็น Smart ในวันนี้ ในวันข้างหน้ามันจะเป็น Smart อีกหรือไม่ แน่นอนว่ามันก็ต้องดีขึ้นกว่านี้ ในอนาคตจะต้องมีคนรุ่นใหม่ที่จะต้องอยู่ต่อไป ซึ่งรุ่นของเราทำหน้าที่สร้างพื้นฐานทุกอย่างไว้ให้มันดี เพื่อให้ Gen ต่อไปสามารถพัฒนาต่อยอดให้ดีขึ้นไปกว่านี้อีกได้
การพัฒนาสมาร์ทซิตี้ขึ้นมา คือ การสร้างเมือง ไม่ให้เป็นเมืองที่ตาย นั่นคือ เมืองที่ไม่เกิดการพัฒนาแล้ว ดังนั้นเราต้องทำให้มันมีการพัฒนาตลอดเวลา เพื่อให้พร้อมรับต่อการเปลี่ยนแปลงในทุก ๆ ด้าน และนี่ก็คือ วิถีของอมตะ
ในด้านของการพัฒนาคนให้สามารถรับมือต่อการเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ โดยเแพาะทางด้านเทคโนโลยีที่กำลังเข้ามานั้น เริ่มแรกเราต้องมองดูก่อนว่า เทคโนโลยีเข้ามาเกี่ยวข้องกับตัวเราอย่างไร เมื่อมองเห็นตรงนี้ได้แล้วก็ลงมือปรับ และต้องอย่าไปกลัว อย่าไปคิดว่าจะทำให้เราตกงาน เพราะความคิดแบบนี้ผิดมหันต์
ยกตัวอย่างเมื่อก่อนที่มีการเข้ามาของคอมพิวเตอร์ ต้องปรับความคิดให้มองว่าจริง ๆแล้วถ้าลองศึกษาจะพบว่า คอมพิวเตอร์จะทำให้คุณสามารถทำงานสะดวกมากขึ้น ทำให้ทำงานได้เร็วขึ้น ช่วยทำในสิ่งซ้ำซากให้เรา ทำให้เรามีเวลาเหลือไปทำอย่างอื่น ดังนั้นเทคโนโลยีอื่น ๆ ก็เหมือนกัน เพียงแค่ปรับ Mindset ในการมองเท่านั้นเอง
สำหรับการทำงานของอมตะ เราไม่ได้ทำงานกันแบบ Very Serious on figure แต่เราทำงานโดยเติมความเป็นครอบครัวลงไปบ้าง หากมีปัญหาก็สามารถปรึกษากันได้ เราก็จะมีการแนะนำกัน บางครั้งหากมีเรื่องใหม่ ๆ เข้ามา เราก็จะให้คนของเราได้เรียนเพิ่ม เพราะเราเชื่อไม่ว่ามีอะไรเกินความสามารถของพวกเขา แค่ไปเรียนเพื่อ just how to use it เท่านั้น แต่สิ่งที่องค์กรอยากเพิ่มเติม คือ เรื่องของความ Create เพื่อจะได้นำไปสู่การสร้าง Innovation จากคนของเราเองได้
อีกสิ่งหนึ่งที่อมตะปลูกฝังคนในองค์กรเลยก็คือ การทำงานแบบ Work Smart เมื่อมีปัญหาใด ๆ เข้ามาก็ตามต้องอย่าแบก ให้เอามาปรึกษา เพื่อจะได้จัดสรรให้มีการแก้ไขได้อย่างตรงจุด แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นตัวคุณเองก็ต้อง Try your best ก่อน
เมื่อใดก็ตามที่มีปัญหา แล้วแบกไว้คนเดียว นั่นเป็นสิ่งที่ไม่ได้แสดงให้เห็นถึงความเก่งกาดสามารถของคุณ แต่แสดงให้เห็นถึงความโง่เขลา เบาปัญญาของคุณต่างหาก ดังนั้นผมถึงได้บอกว่า การทำงานในองค์กรมันต้องทำแบบ Work Smart แบ่งงานกันทำ และกระจายงานกันให้ดี
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด