ผ่ากลยุทธ์ Casa Lapin ปรับโฉมจาก SME มุ่งเป้าสู่ Global Brand | Techsauce

ผ่ากลยุทธ์ Casa Lapin ปรับโฉมจาก SME มุ่งเป้าสู่ Global Brand

Global Brand หนึ่งในโจทย์หลักของ ‘เอกชัย สุขุมวิทยา’ คลื่นลูกใหม่ของ กลุ่มเจมาร์ท ที่ปัจจุบันรับหน้าที่เป็น CEO ของบริษัท บีนส์แอนด์บราวน์ จำกัด ซึ่งเป็นหนึ่งในเครือ เจเอเอส แอสเซ็ท โดยจะต้องวางรากฐานที่แข็งแกร่ง พร้อมกับ ปลุกปั้นร้านกาแฟแบรนด์ Casa Lapin ให้เติบโต กลายเป็นที่รู้จัก และก้าวขึ้นสู่การเป็นแบรนด์ระดับสากลได้

Global brand-casa lapin-jaymartCasa Lapin เป็นร้านกาแฟขนาดเล็กที่มีเน้นบรรยากาศของความอบอุ่น ซึ่งมีจุดเริ่มต้นมาจากจังหวัดเชียงใหม่ หลังจากนั้นก็ได้มีการขยายสาขามาที่กรุงเทพฯ เพื่อเจาะกลุ่มคนเมืองที่ชื่นชอบในการดื่มกาแฟ และในเวลาต่อมาได้กลายมาเป็นหนึ่ง ในร้านกาแฟภายใต้การบริหารงานของบริษัท บีนส์แอนด์บราวน์ จำกัด

โดยเกิดจากการ Joint Venture กันระหว่าง Casa Lapin และ บมจ. เจเอเอส แอสเซ็ท  ของกลุ่มเจมาร์ท ด้วยเป้าหมายที่ต้องการจะขยายธุรกิจให้สามารถ ไปเติบโตในต่างประเทศ พร้อมกับ Passion ที่ต้องการทำให้เมล็ดกาแฟของคนไทย เป็นผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพและมาตรฐานระดับโลก

Global Brand เป้าหมายหลักของ Casa Lapin

ปัจจุบัน บริษัท บีนส์แอนส์บราวน์ จำกัด อยู่ภายใต้การบริหารงานของคลื่นลูกใหม่ กลุ่มเจมาร์ท นั่นคือ ‘เอกชัย สุขุมวิทยา’ ที่ได้รับมอบหมายอีกหนึ่งภารกิจจาก ‘อดิศักดิ์ สุขุมวิทยา’ ผู้เป็นพ่อและเป็นหัวเรือใหญ่ของเจมาร์ทให้มาดูแล และสร้าง Casa Lapin ให้เติบโต และก้าวขึ้นสู่การเป็น Global Brand ให้ได้

เอกชัยเล่าว่า การได้รับมอบหมายให้มาบริหารร้านกาแฟ ซึ่งเป็นธุรกิจใหม่ในเครือเจมาร์ทถือเป็นอีกหนึ่งโจทย์ที่มีความท้าทายเป็นอย่างมาก แต่ด้วยความที่ตนก็มีไลฟ์สไตล์ชอบดื่มกาแฟ ประกอบกับ Passion ที่อยากจะนำเมล็ดกาแฟของไทยไปแข่งขันในเวทีโลก ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องยาก ที่จะปลุกปั้นธุรกิจเอสเอ็มอีขนาดเล็ก ๆ ให้เติบโตเป็นแบรนด์ระดับสากลได้

โดยหลังจากที่ได้เข้ามารับหน้าที่ดูแลก็ได้ปรับเปลี่ยนระบบการบริหารจัดการทั้งหมด  จากตอนแรกมีเพียงแค่ 2 สาขา และมีการทำงานที่ยังไม่มีระบบมากนัก ก็เริ่มมีการใส่ระบบหลังบ้านเข้าไป ตั้งแต่การทำสต็อกสินค้า การนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยเก็บข้อมูลและประมวลผล ตลอดจนการทำระบบบัญชีที่ตรวจสอบการทำงานโดยใช้ Auditor ทั้งนี้เพื่อเป็นการวางรากฐานของธุรกิจให้แข็งแรง และเตรียมความพร้อมให้ธุรกิจสามารถที่จะ scale up ในระยะต่อไปได้

ผมมองว่าบางครั้งในการทำธุรกิจแค่มี Passion อย่างเดียวมันไม่เพียงพอ แต่ต้องอาศัยการเติมระบบการทำงานที่ดีเข้าไป เพื่อวางรากฐานให้แข็งแรง และพร้อมที่จะเติบโตได้

นอกจากนี้ก็มีการสร้างร้านกาแฟแบรนด์ใหม่ขึ้นมา นั่นคือ Rabb Coffee เป็นร้านกาแฟที่มีการดึง Taste กาแฟ จาก Casa Lapin ใช้เมล็ดกาแฟที่มีคุณภาพ ไม่ใส่โรบัสต้าเข้าไป เน้นคั่วเข้ม ดังนั้นกลิ่นจะไม่แรงเหมือนร้านกาแฟทั่วไป ทำให้ลูกค้าได้ลิ้มรสชาติของกาแฟจริง ๆ และรสชาตินุ่มลิ้น โดยเปิดตามแนวรถไฟฟ้า ย่านออฟฟิส เพื่อเจาะตลาด Mass ทั่วไป เน้นจับกลุ่มลูกค้าระดับปานกลางที่ดื่มกาแฟทุกวัน และตอบโจทย์ความรวดเร็ว

ด้านศักยภาพที่จะทำให้ Casa Lapin  จะสามารถก้าวไปถึงการเป็น Global Brand นั้น มีปัจจัยมาจากความมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว และความเป็นสไตล์ที่สื่อถึงตัวตนได้อย่างชัดเจน  และเป็นแบรนด์ที่ขึ้นชื่อในเรื่องของกาแฟที่มีคุณภาพดี จนกลายเป็นที่ชื่นชอบและยอมรับของลูกค้าในกลุ่มที่เป็นคอกาแฟ

โดยเมล็ดกาแฟที่ใช้จะเป็นเมล็ดกาแฟของไทยทั้งหมด ประกอบความพิถีพิถันในการคั่ว ไปจนถึงขั้นตอนของการชง และการ Create เครื่องดื่มให้มีความหลากหลาย เพื่อที่จะสามารถสร้างความแตกต่าง และทำให้ Casa Lapin  กลายเป็นร้านกาแฟในรูปแบบ specialty coffee

Global brand-casa lapin-jaymartสำหรับแผนการขยายสาขาไปในต่างประเทศ  Casa Lapin จะมุ่งเป้าไปเปิดในประเทศที่ประชากรได้มีโอกาสมาสัมผัสกาแฟที่ประเทศไทยอยู่เป็นประจำ เช่น ญี่ปุ่น ฮ่องกง สิงคโปร์ เกาหลี และจีน อีกทั้งประชากรในประเทศเหล่านี้มี Consumption ของกาแฟค่อนข้างมาก โดยบางประเทศมีการบริโภคกาแฟเฉลี่ยวันละ 4-5 แก้ว ขณะที่ประเทศไทยคนดื่มกาแฟเฉลี่ยวันละ 2 แก้ว ดังนั้นการไปต่างประเทศ โอกาสในการเติบโตจึงมีมากกว่า

ปัจจุบันอยู่ระหว่างเจรจาที่จะขยายสาขาไปยังสิงคโปร์ และมีอีกหนึ่งประเทศ ซึ่งเป็นประเทศที่ไม่เคยคิดจะไปเปิดมาก่อน นั่นก็คือ เมืองพนมเปญ ประเทศกัมพูชา ซึ่งถือเป็นตลาดใหม่ โดยมองว่าผู้คนมักจะตอบรับกับแบรนด์ใหม่ ๆ และมี Demand ร้านกาแฟค่อนข้างมาก

ธุรกิจร้านกาแฟ มันเป็นไลฟ์สไตล์ ดังนั้นเราขายทั้ง Emotional และ Experience  ด้วย แต่อย่างไรก็ตามต้องอย่าลืมว่าปัจจัยหลักๆที่ขับเคลื่อนคือ Consumption เราจึงต้องไปขยายในพื้นที่ที่คนดื่มกาแฟ

Jaymart อาณาจักรแห่งความหลากหลาย

ด้วยหน้าที่ของทายาทจึงทำให้ เอกชัย ต้องเข้าไปเรียนรู้ทุกกลุ่มธุรกิจ เพื่อเตรียมความพร้อมขึ้นแท่นเป็นหัวเรือใหญ่ของเจมาร์ทในอนาคต โดยตลอดระยะเวลากว่า 30 ปีที่ผ่านมา เจมาร์ทมีการเปลี่ยนแปลงค่อนข้างมาก

เริ่มต้นจากการเป็นร้านขายเครื่องใช้ไฟฟ้าตามตึกแถว เปลี่ยนมาเป็นร้านขายโทรศัพท์ จนกระทั่งในปัจจุบันกลายเป็นโฮลดิ้ง คอมพานี ที่มีธุรกิจในเครือทั้งหมด 7 บริษัท ได้แก่  Jaymart Mobile JMT network services Jas asset JFintech J Ventures JP Insurance และ Singer

เอกชัยเล่าว่า การเข้ามาในเจมาร์ทนั้น ต้องไปเรียนรู้ในทุกกลุ่มธุรกิจและทุกหน้าที่ เพื่อที่จะให้สามารถเข้าใจการทำงานที่แตกต่างกันได้ ไม่ว่าจะเป็น Budget Product Marketing หรือแม้กระทั้ง  Investor Relation โดยจุดเริ่มต้นมาจากการดำรงตำแหน่ง Chief financial officer ของ Jas asset ซึ่งเป็นบริษัทที่ดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับการบริหารพื้นที่เช่าในส่วนของธุรกิจมือถือและศูนย์การค้าแบบคอมมูนิตี้มอลล์

หลังจากนั้นก็เข้าไปดำรงตำแหน่งรองประธานเจ้าหน้าที่บริหารให้กับ J Venture ซึ่งเป็นบริษัทที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับการลงทุนในฟินเทคและสตาร์ทอัพเป็นหลัก และได้มีการออกเหรียญ JFIN COIN ซึ่งเป็นการระดมทุนผ่านสกุลเงินดิจิตอล เพื่อนำเงินไปพัฒนาระบบ Digital Lending Platform โดยเป็นระบบที่เกี่ยวข้องกับการกู้ยืมเงินผ่านแอพพลิเคชั่น

ซึ่งในอนาคตจะมีการพัฒนาให้เป็น Ecosystem ที่จะใช้ JFIN COIN เป็นศูนย์กลางสามารถแลกพอยท์ และไป Synergy กับบริษัทในเครือได้ ปัจจุบันก็อยู่ระหว่างพัฒนาระบบเพิ่มเติม จนกระทั่งได้มาควบตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Beans and Brown ซึ่งเป็นธุรกิจใหม่ของกลุ่มเจมาร์ท

เจมาร์ทยังมีอีกหลากหลายธุรกิจ โดยหลัก ๆ คือ Jaymart Mobile เป็นธุรกิจเกี่ยวกับจัดจำหน่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่และอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องทั้งค้าปลีกและค้าส่ง และมี  JMT network service เป็นธุรกิจเกี่ยวกับการติดตามหนี้ JFintech ทำธุรกิจเกี่ยวกับการให้บริการสินเชื่อ JPInsurance เป็นธุรกิจด้านประกันภัย และ Singer ธุรกิจจำหน่ายเครื่องใช้ไฟฟ้า

ทั้งนี้การที่เอกชัยต้องไปเรียนรู้ในทุกกลุ่มธุรกิจ ยังมีอีกสิ่งหนึ่งที่เข้ามามีบทบาท นั่นคือ Gap Generation โดยเขามองว่า การเป็นคนในอีกวัยหนึ่ง เข้าไปทำงานร่วมกับคนในอีกวัยหนึ่ง มันเป็นสิ่งที่ Convince กันค่อนข้างยาก โดยเฉพาะเวลาเสนอไอเดีย ซึ่งเขาไม่เชื่อมั่นในตัวเรา เพราะยังคงยึดติดอยู่กับโมเดลธุรกิจแบบเก่า บ้างก็เคยทำแล้วทำไม่สำเร็จ แต่บางครั้งอาจจะผิด Timing ก็ได้ ดังนั้นจึงต้องมีการปรับตัว และต้องพิสูจน์ตัวเองพอสมควร ในระยะหลังทุกคนในบริษัทก็ Open to new idea มากขึ้น

จริง ๆ แล้วองค์กรมันเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ดังนั้นต้องมีการเปิดรับกับอะไรใหม่ๆตลอด ซึ่งคนที่มีมุมมองที่เข้ากับสถานการณ์ และยอมที่จะเปลี่ยน เขาก็จะสามารถไปได้ไกล

Global brand-casa lapin-jaymartBranding คือ สิ่งที่บ่งบอกตัวตน

จากการที่ต้องไปเรียนรู้งานในหลากหลายตำแหน่ง และหลากหลายธุรกิจ เอกชัยค้นพบว่า สิ่งที่ชื่นชอบมากที่สุด คือ Branding แม้ว่าตนจะเรียนทางด้าน Finance มา โดยสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีด้านการเงินและการประกอบธุรกิจจากแบ๊บสันคอลเลจ ประเทศสหรัฐอเมริกามา แต่หลังจากนั้นก็ศึกษาต่อระดับปริญญาโททางด้าน Marketing ที่อิมพีเรียล คอลเลจ ลอนดอน ประเทศอังกฤษทันที

โดยมองว่าการทำ Branding ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการทำ Marketing คือ การทำให้แบรนด์ติดตลาด และเป็นที่จดจำ ซึ่งเหล่านี้ไม่มีสูตรตายตัว แต่เกิดจากการลองผิดลองถูก เรียนรู้และทำความเข้าใจจากประสบการณ์

“Casa Lapin จึงเป็นหนึ่งในบททดสอบที่ต้องทำให้มันเกิด และเป็นความท้าทายในการสร้างแบรนด์ การสร้างธุรกิจสมัยนี้กับสมัยก่อนไม่เหมือนกัน  ทำอย่างไรให้แบรนด์นี้เป็นที่รู้จัก และทำให้แบรนด์เป็นที่ยอมรับ อันนั้นคือเป้าหมาย โดยปักธงไว้จริง ๆ ว่าภายในปีนี้ ต้องสร้างฐานให้สามารถก้าวไปสู่ Global Brand ให้ได้”

สำหรับเอกชัยแล้วในฐานะทายาท ซึ่งเป็นคลื่นลูกใหม่ที่จะต้องมารับหน้าที่ดูแลอาณาจักรเจมาร์ทในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า อีกหนึ่งสิ่งที่สำคัญ คือ ความเป็นผู้นำ โดยเขามองว่าการทำงานในรูปแบบของเจมาร์ท คนที่เป็นผู้นำจะต้องรู้เท่าทันการเปลี่ยนแปลงของโลกที่มันเกิดขึ้นตลอดเวลา เพื่อที่จะทำให้สามารถเข้าใจความต้องการของลูกค้า และเข้าไปอยู่ในส่วนหนึ่งของชีวิตเขาได้ นั่นก็คือ Customer Centric (ลูกค้าเป็นศูนย์กลาง)

นอกจากการให้ความสำคัญกับลูกค้าแล้ว อีกหนึ่งสิ่งคือ การให้ความสำคัญกับพนักงาน ต้องทำให้พนักงานมีความสุข เพราะถ้าหากพนักงานมีความสุขในการทำงาน ลูกค้าเองก็จะมีความสุข พร้อมกันนี้คนที่เป็นผู้นำจะต้องมีการสร้าง Passion ในการทำงานให้กับพนักงาน ทำให้เขามองเห็นเป้าหมายที่จะเติบโต ไม่ใช่ทำไปวัน ๆ และต้องต้องแชร์ Vision ให้กับพวกเขา ทำให้เขารู้สึกว่าเป็นหนึ่งในฟันเฟืองที่จะช่วยขับเคลื่อนองค์กรให้ไปข้างหน้า

ในฐานะผู้นำ ผมให้ความสำคัญกับการเทรนนิ่ง และความรู้ในการทำงาน แม้ว่ามันอาจจะดูยุ่งยาก แต่มันจะทำให้เราโตได้

 

ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด

No comment

RELATED ARTICLE

Responsive image

ไขความลับ Gen AI โอกาส ข้อจำกัด และวิธีใช้ ในการวางกลยุทธ์สำหรับ CEO

เรากำลังประเมินความสามารถของ AI สูงเกินไปหรือไม่? และ AI จะสามารถช่วยเหลือในด้านใดของการวางแผนกลยุทธ์? บทความนี้จะตอบคำถามเหล่านี้ผ่านกรณีศึกษาสองกรณีเกี่ยวกับการใช้ gen AI ในการวา...

Responsive image

เมื่อพายุเศรษฐกิจโหมเข้า CFO จะขับเคลื่อนองค์กรอย่างไร? ดีลอยท์ชวรรู้จัก CFO Trilemma

CFO ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ต้องรับมือกับความผันผวนทางเศรษฐกิจ โดยการสร้างสมดุลระหว่างการฟันฝ่าวิกฤต สร้างคุณค่าระยะยาว และพัฒนาขีดความสามารถของทีม เพื่อความยั่งยืนขององค์กร...

Responsive image

ทำไมองค์กรยุคใหม่ ต้อง AI Transformation องค์กร

Session AI Tranformation โดย ดร.ลิสา พัทธ์วิวัฒน์ศิริ Chief Digital Officer The King Power Corporation และ คุณอรนุช เลิศสุวรรณกิจ CEO & Co-Founder Techsauce ที่ได้ร่วมพูดคุยในหัวข...