ใครว่าการเอา AI มาใช้ในองค์กรต้องมาพร้อมการปลดพนักงาน ?
คงไม่ใช่กับ Duolingo เพราะ Luis von Ahn ผู้ร่วมก่อตั้งและซีอีโอ กลับออกมายืนยันบนเวที Fast Company Innovation Festival 2025 ว่า ไม่เพียงแต่ไม่มีการ Layoff เลย แถมพนักงานยังทำงานได้มีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นถึง 4–5 เท่า
เขาอธิบายว่า ด้วยจำนวนทีมงานเท่าเดิม แต่สามารถสร้างคอนเทนต์ได้มากขึ้นมหาศาล เพราะ AI เข้ามาช่วยจัดการงานซ้ำซากและเร่งขั้นตอนการผลิต “เป้าหมายของเราไม่ใช่การลดต้นทุน ไม่ใช่การแทนที่มนุษย์ แต่คือการทำให้ได้มากขึ้นในเวลาเท่าเดิม” von Ahn กล่าว

นับตั้งแต่ก่อตั้งในปี 2009 Duolingo ไม่เคยปลดพนักงานประจำเลยแม้แต่คนเดียว และหลังจากเดินหน้า AI First บริษัทก็ยังมีการเพิ่มจำนวนพนักงานอีกด้วย
ขณะเดียวกันตัวเลขผลประกอบการก็น่าสนใจไม่น้อย โดยในเดือนสิงหาคม Duolingo ปรับประมาณการรายได้ปี 2025 ขึ้นเป็น 1.02 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ จากเดิมที่คาดไว้ 996.6 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ส่วนมูลค่าตลาด ล่าสุดก็แตะที่ 1.27 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
หนึ่งในโปรเจกต์ AI ที่ถูกพูดถึงมากที่สุดคือ Lily เอเจนต์ AI ที่ช่วยผู้ใช้ฝึกสนทนาภาษาแบบวิดีโอคอล และ Chess Lessons ที่เริ่มจากการทดลองของทีมดีไซน์และโปรดักต์ ก่อนจะต่อยอดเป็นคอนเทนต์จริงบนแพลตฟอร์ม ทั้งหมดนี้สะท้อนว่า AI ไม่ได้เข้ามาแย่งงาน แต่กลับเป็นตัวช่วยเสริมให้ทีมงานทำสิ่งใหม่ ๆ ได้เร็วขึ้น
ตรงกันข้ามกับบริษัทเทคยักษ์ใหญ่หลายแห่งในปีนี้ เช่น Salesforce และ CrowdStrike ที่เลือกใช้ AI เป็นเหตุผลในการ Layoff เพื่อลดต้นทุน Duolingo กลับยืนยันว่า AI คือเครื่องมือในการเพิ่ม Productivity และสร้างความได้เปรียบทางการแข่งขัน แนวคิดนี้คล้ายกับ Chuck Robbins ซีอีโอ Cisco Systems ที่ยืนยันว่าจะใช้ AI เพื่อเร่งนวัตกรรม ไม่ใช่ลดจำนวนพนักงาน
กรณีของ Duolingo แสดงให้เห็นว่า AI ไม่จำเป็นต้องหมายถึงการปลดพนักงานเสมอไป หากถูกนำมาใช้อย่างเหมาะสม มันสามารถเป็นตัวเร่งการเติบโต สร้างรายได้เพิ่ม และช่วยให้พนักงานทำงานเชิงสร้างสรรค์ได้มากกว่าเดิม
อ้างอิง: cnbc
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด