ผู้นำควรทำอย่างไรกับ “ปัญหาที่ไม่มีใครกล้าพูด” | Techsauce

ผู้นำควรทำอย่างไรกับ “ปัญหาที่ไม่มีใครกล้าพูด”

สำนวน Elephant In The Room หมายถึง ปัญหาหรือข้อขัดแย้งที่มีความอึดอัดใจหรือแก้ไขได้ยาก ทุกคนรู้แต่ทำเป็นไม่สนใจและไม่อยากพูดถึงโดยเจตนา เปรียบได้กับการที่มีช้าง (ปัญหา) ทั้งตัวอยู่ในห้อง ทุกคนเห็นว่าเป็นเรื่องใหญ่ แต่ก็ไม่มีใครพูดถึงมัน เพราะเป็นปัญหาที่ไม่ได้สร้างความเดือดร้อนให้ตนเอง หรืออีกเหตุผลคือไม่อยากสร้างความบาดหมางกับใคร

นักทฤษฎีด้านองค์กร Chris Argyris ได้ให้คำจำกัดความกับปัญหาเหล่านี้ว่า undiscusable หรือเรื่องที่ พูดไม่ได้ พูดยาก หารือไม่ได้ เช่น ในที่ทำงานมีการเอาเปรียบกันโต้งๆ แต่ก็ไม่มีใครอยากพูดถึงเพราะอาจจะกระทบกับคนอื่นหรือกับตัวเราเอง หรือเรื่องที่น่ากระอักกระอ่วนใจอย่างประสิทธิภาพการทำงานของคนในทีมที่ลดลง เป็นต้น

เรื่องที่พูดไม่ได้แบบนี้ทำให้หลายๆ องค์กรมีความรู้สึกติดขัด เพราะมีเรื่องที่ค้างคา มีช้างอยู่ในห้องแต่ทุกคนกลับทำเป็นไม่สนใจช้างตัวนั้น ทำให้บริษัทหรือธุรกิจสามารถสูญเสียรายได้เพราะความติดขัดกับปัญหาที่ไม่มีใครอยากแก้ไข

เราสามารถแก้ไขปัญหาเหล่านี้ได้ด้วยทักษะที่เรียกว่าการเฟรมมิ่งหรือการวางกรอบสนทนา แล้วเฟรมมิ่งคืออะไร เราจะใช้มันได้อย่างไร ติดตามได้ในบทความนี้

การเฟรมมิ่งคืออะไร ทำไมผู้นำถึงไม่ค่อยนำมาใช้

การเฟรมมิ่งหรือการวางกรอบบทสนทนาคือการหาสาเหตุของปัญหาและวางกรอบให้บทสนทนาของปัญหานั้นๆ ทำให้เราสามารถจัดการในเรื่องของ ความคิด ความรู้สึก ประสบการณ์ และท้ายสุดแล้วเราก็จะเจอทางออกสำหรับปัญหานั้นๆ พูดง่ายๆ คือการจัดการปัญหาแบบเป็นขั้นเป็นตอน เรียกได้ว่าเป็นทักษะสารพัดประโยชน์สำหรับคนที่เป็นผู้นำเลยก็ว่าได้

แต่ถ้ามันเป็นทักษะที่ดีจริง แล้วทำไมคนเป็นผู้นำไม่ค่อยรู้จักหรือใช้ทักษะนี้?

  • ผู้บริหารหรือผู้นำหลายคนไม่เคยเรียนทักษะนี้
  • เราไม่กล้าวางกรอบให้กับประเด็นที่เราไม่กล้าแตะต้องได้
  • การวางกรอบถูกมองว่าทำให้งานเดินช้า


Source: Michael Andonie

วิธีวางกรอบบทสนทนา (How to Framing)

การวางกรอบบทสนทนาแบ่งออกเป็น 5 ขั้นตอนดังนี้

  1. ถามตัวเองถึงปัญหาอะไรที่กำลังถ่วงความคืบหน้า
    ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของความเห็นต่าง ความตึงเครียดในที่ทำงาน การดำเนินงานที่ไม่ต่อเนื่อง การตอบผ่านๆ ในที่ประชุม หรือปัญหาอื่นๆ สิ่งเหล่านี้เราต้องตั้งคำถามกับตัวเองในฐานะของคนเป็นผู้นำว่ามันเกิดอะไรขึ้น
  2. ตั้งคำถามกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น
    โดยให้คิดว่าถ้าเราเป็นคนนอกเราจะตั้งคำถามอย่างไรกับปัญหาที่เกิดขึ้นด้วยความสงสัย ลองจินตนาการถึงความเป็นไปได้ของปัญหาโดยการใช้คำว่า อาจจะ เช่น อาจจะเป็นเพราะแบบนี้ เขาถึงไม่สามารถทำตามคำขอได้ เป็นต้น
  3. พูดถึงปัญหาแบบไม่ตัดสิน
    บ่อยครั้งที่เราไม่พูดถึงสิ่งที่ทำให้การทำงานติดขัดเพราะเราคิดว่ามันเป็นเรื่องเล็กน้อย หรือไม่สำคัญ
  4. แสดงถึงความตั้งใจที่จะเรียนรู้
    การแสดงออกถึงความตั้งใจที่จะเรียนรู้หรือรับฟังจะทำให้บทสนทนาลื่นไหลมากขึ้น สร้างความเปิดใจให้แต่ละฝ่ายมากยิ่งขึ้น
  5. ชวนเข้ามาในวงสนทนาเพื่อสะท้อนปัญหา
    เช่น การถามว่า คุณคิดยังไงไงบ้างกับเรื่องนี้ เพื่อเป็นการชวนให้คนในทีมรู้สึกมีส่วนร่วมและอยากจะแบ่งปันความคิดเห็น ทำให้เกิดการสะท้อนปัญหาและนำไปสู้การหลุดพ้นจากการติดขัดของปัญหาได้ดีขึ้น

ตัวอย่างการแก้ปัญหาเรื่องประสิทธิภาพการทำงาน

สมมุติว่านาย เอ เป็นหัวหน้าฝ่ายขายที่กำลังหงุดหงิดกับปัญหาที่เกิดขึ้นตลอดสามเดือนที่ผ่านมากับการให้ฟีดแบ็กกับ นาย บี ซึ่งเป็นผู้จัดการฝ่ายขายสาขาย่อย ถึงเรื่องการปรับปรุงประสิทธิภาพการทำงานของคนในทีมนายบี ที่ทำไม่ได้ตามที่คาดหวังทำให้รายได้ของบริษัทออกมาไม่ตรงตามเป้า

นายบี ขึ้นชื่อว่าเป็นคนที่มีความเห็นอกเห็นใจผู้อื่นมาก มีความเป็นผู้นำแบบทำงานร่วมกับคนในทีม แต่นาย บี นั้นไม่ให้ความสำคัญกับการตั้งเป้าหมายการทำงานให้ชัดเจนเท่าที่ควร ทำให้ นาย เอ บอกนายบีว่าให้คนในทีมมีความคาดหวังในการทำงานหน่อย ยอดจะได้ถึงเป้า แต่ก็ไม่เวิร์ค ครั้งนี้นาย เอ จึงลองใช้การเฟรมมิ่งดู

  1. ถามตัวเองถึงปัญหาอะไรที่กำลังถ่วงความคืบหน้า
    สิ่งที่เกิดขึ้นคือบีไม่สามารถทำตามฟีดแบ็คที่ให้ไปได้ แม้ว่าจะพูดไปหลายครั้งแล้วก็ตาม
  2. ตั้งคำถามกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น
    เพราะอะไรบีถึงทำไม่ได้? บีอาจจะไม่เห็นด้วยกับฟีดแบ็ครึเปล่า? หรือเขาอาจจะไม่เหมาะกับหน้าที่นี้? หรือเขากลัวจะเกิดความขัดแย้งกับทีมของเขา?
  3. พูดถึงปัญหาแบบไม่ตัดสิน
    เอพูดกับบีว่า “เราคุยเรื่องปัญหาที่เกิดขึ้นไปแล้วเกี่ยวกับการตั้งเป้าหมายให้กับคนในทีม แต่ยอดขายก็ยังไม่ถึงเป้าที่วางไว้” (สังเกตุได้ว่าเอไม่ได้ให้ฟีดแบ็คอีกรอบแต่หันไปวางกรอบเรื่องปัญหาที่แก้ไขไม่ได้แทน)
  4. แสดงถึงความตั้งใจที่จะเรียนรู้
    เอพูดต่อ “อยากจะเรียนรู้ว่าบีมองถึงปัญหาอย่างไรบ้าง แล้วทำไมถึงไม่สามารถแก้ไขได้”
  5. ชวนเข้ามาในวงสนทนาเพื่อสะท้อนปัญหา
    แล้วบีคิดยังไงบ้าง? จากการวางกรอบไปเรื่อยๆ ทีละขั้น ทำให้รู้ถึงต้นตอของปัญหา ว่าบีนั้นกลัวจะเกิดความบาดหมางกับคนในทีมถ้าไปกดดันมากเกินไป ด้วยความที่เขาเป็นผู้จัดการที่มีความเห็นอกเห็นใจและชอบทำงานร่วมกับคนในทีมทำให้เขาไม่รู้วิธีการรับมือหากทีมไม่เห็นด้วยขึ้นมา เขากลัวจะถูกมองเป็นหัวหน้าที่ชอบวางอำนาจ 

เมื่อพบสาเหตุของปัญหา บีจึงไปพัฒนาทักษะความเป็นผู้นำเพื่อสร้างความมั่นใจในการบริหารและความสามารถในการรับมือกับความบาดหมางที่อาจจะเกิดขึ้นได้ และสาขาก็สามารถทำยอดได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ในที่สุด

การฝึกทักษะนี้เป็นเรื่องที่เรียนรู้ได้ง่ายแต่ปฏิบัติจริงได้ยากเนื่องจากติดเงื่อนไขต่างๆ ของปัญหาที่มีไม่เหมือนกัน การใช้ทักษะการวางกรอบบทสนทนานี้จะทำให้เราเจอต้นตอของปัญหาและแก้ไขได้อย่างถูกต้อง ทำให้ไม่จำเป็นที่จะต้องเมินหรือเข้าชนกับปัญหาตรงๆ จนสร้างความอึดอัดในที่ทำงาน 

ยิ่งผู้นำฝึกใช้ทักษะนี้ก็จะยิ่งมีความเคยชินและใช้ได้คล่องมากขึ้น จนทำให้สามารถฝ่าอุปสรรคหรือปัญหาที่ค้างคาอยู่ ทำให้งานมีความคืบหน้าและไม่รู้สึกติดขัดอีกต่อไป

อ้างอิงข้อมูล

How to Talk with Your Team About the Elephant in the Room


ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด

No comment

RELATED ARTICLE

Responsive image

พาเดินเล่น Microsoft (ประเทศไทย) ย้ายออฟฟิศแห่งใหม่ในรอบ 30 ปี ออกแบบจากเสียงของพนักงานตอบโจทย์ Hybrid Work

Microsoft Thailand เปิดตัวออฟฟิศใหม่ที่ One Bangkok รองรับ Hybrid Work อย่างเต็มรูปแบบ ออกแบบจากข้อมูลพนักงาน พร้อมเทคโนโลยีล้ำสมัย พื้นที่ทำงานที่ยืดหยุ่น และแนวคิดเพื่อความยั่งยื...

Responsive image

4 วิธีเสริมแกร่งองค์กร เตรียมพร้อมสู่ยุคคนทำงานร่วมกับ AI สร้างสรรค์นวัตกรรมและเติบโตอย่างยั่งยืน

การทำงานร่วมกันระหว่างมนุษย์และ AI ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดนั้น จำเป็นต้องมีการวางแผนและเตรียมความพร้อมอย่างรอบคอบเพื่อให้ทั้งสองฝ่ายสามารถเติมเต็มกันและกันได้อย่างเหมาะสม ด้วย 4 ว...

Responsive image

"Founder Mode" วิถีแห่งผู้นำยุคใหม่หรือแค่ One-Man Show ที่กำลังจะล้าสมัย?

Silicon Valley ดินแดนแห่งนวัตกรรมและเทคโนโลยี ที่ซึ่งไอเดียใหม่ๆ ผุดขึ้นราวกับดอกเห็ด แต่ท่ามกลางกระแสแห่งความคิดสร้างสรรค์นี้เอง กลับมีคำศัพท์ใหม่ที่จุดประกายความขัดแย้งขึ้น นั่นค...