Digital Burnout ภัยเงียบที่บริษัทต้องรีบแก้

เคยไหม เหนื่อยที่จะต้องติดต่อกันผ่านโลกดิจิทัลตลอด ไม่ว่าจะเป็นโปรแกรมแช็ต  อีเมล หรือการเช็ก Assignment ออนไลน์ที่พร้อมจะเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา จนบางครั้งทำให้เครียด วิตกกังวล และนอนไม่หลับ !

สิ่งเหล่านี้เรียกว่า อาการ Digital Burnout หรือความเครียดที่ต้องจดจ่ออยู่กับหน้าจอเป็นเวลานาน ซึ่งคนส่วนมากอาจเป็นอยู่แต่ไม่รู้ตัว ในบทความนี้ Techsauce จะพาไปรู้จักกับ Digital Burnout ภัยเงียบที่กัดกินสุขภาพกายและจิตในยุคดิจิทัลพร้อมวิธีรับมือ

Digital Burnout ภัยเงียบของการทำงานในยุคดิจิทัล

Digital Burnout คือ อาการของคนที่ทำงานอยู่กับคอมพิวเตอร์และใช้เวลาส่วนใหญ่บนโลกดิจิทัลมากเกินไป จนรู้สึกเหนื่อยล้า เครียด หงุดหงิด และวิตกกังวล เนื่องจากกลัวว่าตัวเองจะพลาดข่าวสารสำคัญไป ทำให้ต้องคอยเช็กอีเมล หรือโปรแกรมแช็ตอยู่เสมอ จนลุกลามกลายเป็นภาวะนอนหลับยากหรือนอนไม่หลับ

หนึ่งในผู้บริหารที่ติดอันดับ Fortune 100 เล่าว่าบริษัทสูญเสียพนักงานมากความสามารถจำนวนมาก และไม่ได้มาจากงานไม่ตอบโจทย์ แต่มาจาก ระยะเวลาที่พนักงานต้องอยู่กับหน้าจอคอมมากเกินไป

เนื่องจากหลังการแพร่ระบาดของโควิด ผู้คนต้องทำงานจากบ้าน ทำให้การติดต่อสื่อสารแบบเรียลไทม์เป็นเรื่องยาก ดังนั้น คนส่วนใหญ่จึงกระตุ้นให้ตัวเองจดจ่ออยู่กับคอมพิวเตอร์อยู่ตลอดเวลา เมื่อมีการติดต่อเข้ามาจะได้ไม่พลาดข่าวสารสำคัญ

รับมือกับปัญหา Digital Burnout ยังไงในยุคดิจิทัล ?

สุดท้ายผู้คนก็ยังต้องทำงานอยู่บนโลกดิจิทัลอยู่ดี และคงหลีกหนีการใช้เทคโนโลยีไม่ได้ แต่องค์กรสามารถสร้าง Digital wellness หรือความสมดุลในการใช้งานเครื่องมือดิจิทัลที่ดีได้ ดังนี้

  • สร้างพื้นที่ในการพูดคุย: หากองค์กรกำหนดพื้นที่ที่ให้พนักงานได้พูดคุยเกี่ยวกับพฤติกรรมการใช้เครื่องมือดิจิทัลของตนเองร่วมกัน จะช่วยให้ทุกคนตระหนักถึงนิสัยการใช้งานเทคโนโลยีของตนเองมากขึ้น และช่วยกระตุ้นให้พวกเขาเปลี่ยนแปลงร่วมกันเป็นกลุ่มได้ เช่น การตกลงกันที่จะไม่รบกวนนอกเวลางาน หรือการแจ้งส่วนตัวทุกครั้งหลังส่งข่าวสารสำคัญทางอีเมล
  • ตั้งกฎเกณฑ์หรือนโยบายของบริษัท: องค์กรก็สามารถสร้างกฎเกณฑ์ที่ส่งเสริมให้พนักงานเรียนรู้วิธีใช้เทคโนโลยีในทางที่ดี และไม่ทำลายสุขภาพกายและจิต เช่น พูดคุยล่วงหน้าก่อน Assign งานต่าง ๆ เพื่อที่ทุกคนจะได้มั่นใจว่าจะไม่พลาดสิ่งสำคัญไป

ถึงแม้ Digital Burnout อาจเป็นปัญหาที่ดูไม่เป็นรูปธรรมมากเท่าไหร่ แต่ในปัจจุบันการศึกษาจากบริษัท Juniper Communities ผู้เชี่ยวชาญในการดูแลคุณภาพชีวิตของแรงงาน พบว่า Digital Burnout ส่งผลกระทบอย่างมากต่อประสิทธิภาพการทำงาน การคิด และการตัดสินใจ เนื่องจากถูกรบกวนจากการติดต่อสื่อสารที่รวดเร็วเกินไปบนโลกดิจิทัล 

หากบริษัทไม่เริ่มที่จะใส่ใจและวางรากฐานการใช้เทคโนโลยี โดยคำนึงถึงสุขภาพกายและจิตของพนักงานตั้งแต่วันนี้ ในอนาคตบริษัทก็อาจต้องเผชิญกับปัญหาการแห่ลาออกของพนักงาน หรือการที่พนักงานทำงานได้ไม่เต็มที่ และผลงานที่ออกมาอาจไม่เป็นที่พอใจ ดังนั้น การแก้ปัญหาตั้งแต่วันนี้ เพื่อวันพรุ่งนี้ที่ดีกว่า อาจจะเป็นทางเลือกที่ทุก ๆ องค์กรควรพิจารณา

อ้างอิง: americanbar, forbes

ถึงเป็นธุรกิจเล็ก วัฒนธรรมองค์กรก็สำคัญ
เริ่มเปลี่ยนวันนี้ก่อนสาย

.
หากองค์กรของคุณกำลังเจอปัญหา … พนักงานหมดไฟ…ทุกการตัดสินใจล่าช้าเพราะต้องรอ CEO … พนักงานลาออกเยอะ แต่ไม่รู้สาเหตุ และอีกมากมายปัญหาในองค์กรที่คุณแก้ไม่ตก
.
Peoplesauce ช่วยธุรกิจ SMEs /Startups ที่กำลัง Scale up สร้าง “คน” และ“Culture” เพื่อให้ธุรกิจประสบความสำเร็จ

เริ่มเปลี่ยนไปพร้อมกับเราได้ตั้งแต่วันนี้ที่

ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด

No comment

RELATED ARTICLE

Responsive image

แพง...แต่ทำไมใครๆ ก็ยอมจ่าย? เบื้องหลังความสำเร็จของ Garmin "ไม่สู้ตรงๆ แต่ชนะขาด"

เจาะลึกกลยุทธ์ธุรกิจของ Garmin ที่พลิกชะตาจากวิกฤตการณ์สมาร์ทโฟน สู่การเป็นผู้นำตลาดสมาร์ทวอทช์เฉพาะทาง อ่านบทเรียนการปรับตัวครั้งสำคัญที่ไม่สู้ตรงๆ แต่กลับชนะขาด และสร้างการเติบโต...

Responsive image

Duolingo ใช้ AI เปลี่ยนวัฒนธรรมองค์กร เร่ง Productivity โดยไม่ลดคน

Duolingo ใช้ AI ขับเคลื่อน Culture Transformation เปลี่ยนวิธีทำงาน เพิ่ม Productivity ได้มากขึ้น 5 เท่า โดยไม่ต้องปลดพนักงานสักคนเดียว...

Responsive image

เรียนจบใหม่แต่ไม่มีที่ให้เริ่ม เพราะ AI แย่งจุดเริ่มไปแล้ว ความเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างที่สำคัญในองค์กรยุคใหม่

AI กำลังเปลี่ยนโลกการทำงาน โดยเฉพาะตำแหน่งระดับเริ่มต้นที่หายไปกว่า 35% ทำให้คนรุ่นใหม่ขาดโอกาสเริ่มต้นอาชีพ คำถามคือ เราจะออกแบบบันไดอาชีพแบบใหม่อย่างไรให้ทุกคนยังมีพื้นที่เติบโต ...