จากการระบาดของโควิดทำให้บริษัทต่าง ๆ เริ่มปรับให้มีรูปแบบการทำงานแบบ Work from home และ Hybrid มากขึ้น ส่วนใหญ่ก็มองว่าเป็นเรื่องที่ดีเพราะทำงานที่บ้านมีความสะดวกสบายมากกว่า แต่เมื่อทำไปนาน ๆ ก็เริ่มรู้สึกว่ามันไม่ได้มีแต่ข้อดีซะแล้วสิ
มีรายงานพบว่ากว่า 70% ของบริษัททั้งขนาดเล็กไปจนถึงขนาดใหญ่ ไม่ว่าจะเป็น Apple Google หรือ Facebook วางแผนที่จะใช้รูปแบบการทำงานแบบผสมผสาน (Hybrid Working) เพื่อให้พนักงานสามารถแบ่งเวลาทำงานจากออฟฟิศและที่บ้านได้
แต่เมื่อปรับรูปแบบการทำงานแล้ว พบว่า 72% ของพนักงานนั้นเหนื่อยล้าจากการทำงานแบบ hybrid ซึ่งเพิ่มขึ้นเกือบสองเท่าจากการทำงานแบบ work from home และมากกว่าพนักงานที่ทำประจำที่ออฟฟิศด้วย
นอกจากนี้แล้วยังมีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ เพราะการทำงานแบบผสมผสานนั้นมีผลกระทบต่อชีวิตประจำวันของพนักงาน และส่งผลให้พนักงานรู้สึกเหนื่อยล้ามาก
ปัญหาระหว่างขอบเขตการทำงานและชีวิตส่วนตัว
การมีขอบเขตระหว่างชีวิตส่วนตัวและชีวิตการทำงานที่ไม่ชัดเจน หลายคนทำงานเกินเวลางานจริง ๆ เช็คอีเมลจนดึกดื่น หรือรู้สึกว่าต้องพร้อมทำงานตลอดเวลา ซึ่งความรู้สึกนี้ส่งผลให้มีความเครียดและกดดันในการทำงานมาก จนเสียสมดุลในชีวิตการทำงานและทำให้สุขภาพจิตแย่ลงในที่สุด
ความรู้สึกแบ่งแยก ไม่มีปฏิสัมพันธ์กับเพื่อนที่ทำงาน
แม้ว่าการทำงานแบบผสมผสานจะให้อิสระในการทำงานจากระยะไกล แต่ก็ทำให้เกิดความรู้สึกโดดเดี่ยวได้ พนักงานที่ทำงานนอกออฟฟิศมักจะพลาดการติดต่อสื่อสารแบบเห็นหน้ากัน การขาดการเชื่อมต่อกับเพื่อนร่วมงานและโอกาสในการทำงานร่วมกันที่ลดลงสามารถนำไปสู่ความรู้สึกเหงา โดดเดี่ยว และมีสภาพจิตใจที่ย่ำแย่ลง
ความกังวลถึงประสิทธิภาพการทำงาน
การทำงานแบบ hybrid มักเกี่ยวข้องกับผลงานที่ได้ ทำให้พนักงานมีความเครียดสะสมเพิ่มมากขึ้นได้ มีแรงกดดันในการพิสูจน์ความสามารถในการทำงานตลอดเวลา ความกดดันนี้จะมีมากขึ้นกับพนักงานที่ไม่ได้ทำงานในออฟฟิศ มีความกลัวว่าจะตามไม่ทันพนักงานคนอื่น ๆ หรือกลัวถูกมองว่ามีความขยันในการทำงานน้อยลง ทำให้พนักงานมีความสุขในการทำงานน้อยลง
แม้ว่าการทำงานแบบ hybrid จะมีข้อดีมากมาย แต่สิ่งสำคัญคือต้องรับรู้ถึงผลกระทบต่อสุขภาพจิตที่ซ่อนอยู่ องค์กรต้องจัดการรับมืออย่างรอบคอบเพื่อที่จะให้การทำงานแบบผสมผสานนี้ดีต่อองค์กร ต่อพนักงาน และเป็นรูปแบบที่ดีในการปรับใช้ต่อไปในอนาคต
องค์กร หัวหน้า จะแก้ไขอย่างไร
แล้วตัวพนักงานเองจะแก้ไขอาการ burnout นี้ได้อย่างไร ?
อ้างอิง: stanford, linkedin, cnbc, gamma, bbc, inbloomproject
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด