DC Consultants ชี้ทิศทางการประชาสัมพันธ์ในยุคที่โลกและประเทศไทยเผชิญความผันผวนอย่างรุนแรงจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ซึ่งเหตุการณ์ครั้งนี้เรียกได้ว่าส่งผลกระทบต่อทุกวงการ ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลง ทั้งเศรษฐกิจ สังคม การเมือง การสาธารณสุข และปฏิกิริยาของสังคม รวมถึงส่งผลถึงพฤติกรรมการใช้โซเชียล มีเดีย ของคนทั่วโลกที่เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิงนับตั้งแต่ปีที่ผ่านมา จนก้าวสู่ปี พ.ศ. 2564
ดร.ดนัย จันทร์เจ้าฉาย ประธานที่ปรึกษา บริษัท ดีซี คอนซัลแทนส์ฯ กูรูด้านประชาสัมพันธ์ชื่อดังได้กล่าวถึง การทำงานของ PR(Public Relations) ในยุคนี้ไว้ว่า ในอุตสาหกรรมด้าน PR เมื่อโลกเปลี่ยน วงการสื่อสารมวลชนเปลี่ยนไป พฤติกรรมในการเสพสื่อของผู้บริโภคเปลี่ยนไป PR เองก็ต้องมีการปรับตัวและเปลี่ยนแปลงตัวเองและวิธีการทำงานครั้งใหญ่เช่นกัน เมื่อก่อน PR อาจวัดมูลค่าผลงานจากมูลค่าสื่อ (Media Value) เช่น Share of Voice (SOV) หรือ Advertising Value Equivalent (AVE) แต่ปัจจุบัน PR จำเป็นต้องมีการยกระดับ (Up Skill) เป็น PR เชิงกลยุทธ์ (Re Skill) สามารถเป็นคลังสมองของลูกค้า ตอบโจทย์ทั้งระยะสั้น กลาง และยาว ด้วยการวางแผนประชาสัมพันธ์ที่สามารถประเมินผลลัพธ์สุดท้ายได้อย่างทันต่อเหตุการณ์ สามารถรองรับภาวะวิกฤติของลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ อีกทั้งยังต้องตอบโจทย์ลูกค้าในยุคนี้ได้อย่างรวดเร็ว ฉับไวด้วย
โดย ดร.ดนัย ได้พูดถึงเทรนด์ของ PR ยุค New Normal 2021 : PR Digital Transformation ที่องค์กรประชาสัมพันธ์ ต้องยึดไว้ 5 ข้อหลัก ดังนี้
1. Storytelling is King - Context is Queen หมายถึง วิธีการเล่าเรื่องหรือการสื่อสารต้องเปลี่ยนไป เพราะในโลกของโซเชียล มีเดีย กลุ่มเป้าหมายที่รับข่าวสารนั้นไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป ในการสื่อสารเรื่องราวแต่ละครั้ง PR ต้องสามารถบอกเล่า Key Message ประเด็นการสื่อสารสำคัญไปในช่องทางที่หลากหลาย และสื่อสารออกไปในทุกแพลตฟอร์มได้ (Multiple media platform) อีกทั้งยังต้องสื่อสารในบริบทที่ถูกต้อง ต้องเข้าใจภาวะอารมณ์ กระแสสังคม และประเมินจังหวะเวลาที่ถูกต้องในการสื่อสารเพื่อให้การสื่อสารได้ผลลัพธ์สูงสุด หรือเรียกง่าย ๆ ว่าต้องถูกที่ ถูกเวลา ยกตัวอย่าง เน็ต ไอดอล อย่าง “พิมรี่พาย” ที่จัดงานวันเด็กให้เด็ก ๆ บนดอย ซึ่งคลิปที่ถูกเผยแพร่ออกไปนั้น มีผู้ชมหลักหลายล้านวิวในเวลาอันรวดเร็ว หรืออาจพูดได้ว่าเป็นการจัดวันเด็กที่ได้รับการกล่าวถึงมากที่สุดของปี
2. New Media Landscape PR ต้องเข้าใจภูมิทัศน์ของสื่อใหม่ เพราะต้องยอมรับว่า สื่อที่ทรงอิทธิพลในปัจจุบัน ไม่ใช่องค์กรสื่อ หรือสื่อดัง ๆ ที่เป็น Traditional Media อีกต่อไป แต่ PR ต้องสามารถขยายช่องทางการสื่อสารจากเดิมคือ โทรทัศน์ วิทยุ หนังสือพิมพ์ ไปสู่สื่อใหม่ (New Media) ได้ ได้แก่ Net Citizen / Influencer / Blogger / Youtuber เป็นต้น ซึ่งถ้า PR เข้าใจภูมิทัศน์ใหม่ ก็จะทำให้ PR ส่งต่อข่าวสารนั้น ๆ ได้อย่างถูกช่องทาง ก่อให้เกิดการรับรู้ เกิดกระแสสังคม นำมาซึ่งประโยชน์สูงสุดให้แก่ลูกค้า
3. การใช้ Big Data พัฒนาสู่การฟังเสียงสังคม Social Listening สู่การเจาะเข้าสู่กลุ่มเป้าหมายที่มีลักษณะเฉพาะตัว Consumer Insight หมายถึง PR ต้องรู้ว่า ตอนนี้โลกหรือสังคมกำลังพูดถึงแบรนด์ของลูกค้าเราอย่างไร ทั้งนี้เพื่อ PR จะได้นำข้อมูลจาก Big Data มาวิเคราะห์ในการเลือกใช้ Tools หรือวางแผนกลยุทธ์การประชาสัมพันธ์ให้เฉียบคม ตรงใจ สัมพันธ์กับไลฟสไตล์ของผู้บริโภค โดยเฉพาะยุคนี้เป็นยุคที่ทุกคนอยู่ในสังคมที่สามารถเลือกการเสพสื่อได้อย่างเสรี (People hear what they want to hear) อำนาจการบริโภคสื่ออยู่ที่นิ้วมือของผู้บริโภค PR จึงจำเป็นต้องเข้าใจในพฤติกรรมและนิสัยการเสพสื่อของกลุ่มเป้าหมายให้ได้อย่างลึกซึ้ง
4. Creativity and Technology is the new currency ความคิดสร้างสรรค์ผนวกกับการใช้เทคโนโลยี เป็นหัวใจสำคัญของการ PR ยุค 4.0 ต้องสามารถนำความคิดสร้างสรรค์ มาผสานกับเทคโนโลยีใหม่ ๆ ตอบโจทย์ด้านการสื่อสารได้ เช่น การนำกลยุทธ์ด้านการตลาดดิจิทัลมาใช้ มีการสร้างคอนเท้นต์แบบโต้ตอบ วิดีโอ มาร์เก็ตติ้ง สร้างชุมชนและเครือข่าย ประยุกต์ใช้ AI และกลยุทธ์ Influencer Marketing เป็นต้น
5. Brand Positioning & Brand Love จุดยืนของแบรนด์และองค์กรเป็นสิ่งที่สำคัญ PR ต้องประเมินและปักหมุด จุดยืนขององค์กรให้เป็นที่ยอมรับกับกลุ่มเป้าหมายที่หลากหลายโดยคำนึงตลอดเวลาว่า ภาพลักษณ์ขององค์กรมีความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะการทำ PR ให้ลูกค้าในสภาพสังคมที่มีความเปราะบาง อาทิ ทางด้านสังคม สิ่งแวดล้อม เศรษฐกิจการเมือง ส่งผลให้องค์กรต่าง ๆ ของลูกค้ามีความอ่อนไหวมากกว่าในอดีต PR จึงต้องทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาให้คำแนะนำที่เกิดประโยชน์สูงสุดระยะยาว และสิ่งสำคัญ องค์กรต้องมุ่งมั่นทำกิจกรรมที่เป็นประโยชน์ต่อสังคมด้วยความจริงใจ บริสุทธิ์ใจ เป็นการสร้างความรัก ความศรัทธา ให้เกิดขึ้นกับองค์กร หรือที่เรียกว่า Brand Love
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด