มจธ. เตรียมส่งนักศึกษาปริญญาตรีหลักสูตร DIPS รุ่น 1 ชั้นปีที่ 2 เข้าสู่การทำงานร่วมกับ Partnership บริษัทออกแบบชั้นนำระดับโลก เป็นระยะเวลา 2 ปีครึ่ง เพื่อสร้างการเรียนรู้จากโจทย์จริงประสบการณ์จริงรายแรกของไทย
“โปรแกรม DIPS หรือ Design Innovation Practice School” มจธ. หลักสูตรนานาชาติ สาขานวัตกรรมการออกแบบระดับปริญญาตรี ที่เปิดโอกาสให้นักเรียนทุกสาขาวิชาที่สนใจอยากเรียนการออกแบบหรืออยากเป็นนักออกแบบมืออาชีพ โดยไม่เน้นว่านักศึกษาจะต้องวาดรูปเก่ง แค่มีความคิดสร้างสรรค์ มีความพร้อมในการเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ และมีทักษะด้านภาษาอยู่บ้างก็สามารถมาเรียนได้ ที่สำคัญเป็นหลักสูตรที่ “ไม่มีสอบ” วัดผลจากผลงานเพียงเท่านั้น แถมได้ไปทำงานจริงรับโจทย์จริงกับบริษัทออกแบบชั้นนำระดับโลกระยะเวลากว่า 30 เดือน หรือ 2 ปีครึ่ง!! หลังเปิดการเรียนการสอนมากว่า 1 ปี ปัจจุบันมีนักศึกษารุ่นแรกทั้งสิ้นจำนวน 24 คน (นักศึกษาไทย 20 คน, ฟิลิปปินส์ 1 คน กัมพูชา 2 คน และอินเดีย 1 คน)
เพราะ DIPS เป็นหลักสูตรที่มุ่งเน้นให้นักศึกษาได้เรียนรู้จากประสบการณ์จริง ซึ่งเป็นรูปแบบการเรียนการสอนแบบ Experiential Learning Platform การเรียนเสมือนการทำงานในชีวิตจริงที่แรกในประเทศไทย ล่าสุด นักศึกษารุ่นแรกของหลักสูตร กำลังเตรียมตัวเข้าสู่การทำงานจริงโจทย์จริงกับ Partnership บริษัทออกแบบชั้นนำระดับโลก ไม่ว่าจะเป็น Jacob Jensen Design (JJD) สตูดิโอออกแบบผลิตภัณฑ์ชั้นนำสัญชาติเดนมาร์ก, FOURDIGIT Thailand บริษัทชั้นนำด้านการออกแบบ UX/UI จากประเทศญี่ปุ่น ซึ่งทั้ง 2 แห่งมีสาขาอยู่ในประเทศไทย และ Whatnot บริษัทผู้ให้คำปรึกษาทางด้านธุรกิจและนวัตกรรมสำหรับการทำสตาร์ทอัพของประเทศไทย ภายในเดือนมิถุนายน 2565 ซึ่งมีระยะเวลาในการทำงานถึง 30 เดือน หรือ 2 ปีครึ่ง เมื่อจบแล้วอาจยังได้รับโอกาสทำงานกับบริษัทต่อไป เราจึงต้องเตรียมทุกอย่างและพยายามปรับพื้นฐานให้กับเด็กให้พร้อมและมีความสามารถในการเรียนรู้สิ่งใหม่ พร้อมเรียนรู้การเป็นมืออาชีพ หรือ professional มากที่สุด เพื่อให้นักศึกษาเข้าไปเรียนรู้ผ่านการทำงานจริงในบริษัทได้อย่างรวดเร็วและราบรื่นที่สุด ความพร้อมจึงเป็นจุดแรกที่เราเตรียมให้กับนักศึกษา โดยเฉพาะวิธีคิด หรือ soft skills
หลักสูตร DIPS เป็นรูปแบบการเรียนการสอนรูปแบบใหม่ที่ย่อทุกอย่างจากหลักสูตรเดิมที่เป็นการเรียนตามแบบขั้นบันไดตามระบบที่เรียนทีละขั้น ทีละวิชา และอ่านหนังสือเพื่อสอบ แต่ DIPS เป็นหลักสูตรที่นักศึกษาจะมาเรียนว่า เรามีวิธีการเรียนรู้อย่างไรบ้างโดยไม่ยึดติดกับความรู้และการเรียนรู้แบบเดิม และสามารถใช้ความรู้จากหลายๆ เรื่องมาทำงาน การสอนของ DIPS จึงเป็นการสอนแบบ Learn how to learn เรียนรู้วิธีการเรียนรู้ และสอนให้เห็นทุกขั้นบันไดทุกวิชาแบบผสมผสานไปพร้อมๆ กันผ่านการทำ workshop เพื่อให้นักศึกษาได้เห็นได้เรียนรู้ภาพใหญ่ก่อนภายใน 6 เดือนแรก
“การสอนแบบ Learn how to learn เช่น เรามี Workshop ที่ว่าด้วยเรื่องการอ่านหนังสือ เน้นการสร้างทัศนคติที่ดีในการเรียนรู้ด้วยตนเอง เราพยายามหาหนังสือที่หลากหลายองค์ความรู้ ทั้งเล่มเก่า เล่มใหม่ให้เขาได้อ่าน เพื่อเป็นความรู้ เห็นวิวัฒนาการ เห็นความหลากหลาย สอดคล้องกันบ้าง ขัดแย้งกันบ้าง ไม่ได้อ่านเพื่อสอบ ตอนแรกนักศึกษาอาจยังไม่เข้าใจว่าให้อ่านทำไมถ้าไม่มีสอบ พยายามถามว่าเราจะออกข้อสอบตรงไหน ถามเรื่องไหนเป็นพิเศษ จะได้เน้นอ่านที่เรื่องนั้น ซึ่งนักศึกษาจะต้องปรับทัศนคติในการอ่านหนังสือใหม่ว่า การอ่านหนังสือมากเราก็จะรู้มากขึ้น แม้ความรู้ที่อ่านวันนี้อาจยังไม่ได้ใช้โดยตรง แต่ความรู้เหล่านี้จะเป็นองค์ประกอบในการสร้างความสามารถในการเรียนรู้ และทำความเข้าใจสิ่งใหม่ในชีวิตได้ใช้แน่นอน หนังสือไม่ได้มีไว้อ่านจบแล้วทิ้ง วันไหนที่ต้องการอ่านอีก คุ้นๆ ว่าเคยอ่านเรื่องนี้ ใครเคยพูดเคยทำงานแบบนี้ ก็หยิบมาอ่านทบทวนใหม่ได้
หรือตัวอย่าง Design Thinking Workshop ที่เด็กกำลังทำอยู่ในตอนนี้ ไม่ได้เป็นวิชาที่หลักสูตร กำหนดไว้ตายตัว แต่เราอยากให้นักศึกษาได้เรียนรู้กระบวนการคิดเชิงออกแบบ ซึ่งเป็นเครื่องมือหนึ่งที่ช่วยในการทำงานร่วมกันกับผู้คนที่หลากหลายพื้นฐานความรู้ ความเชี่ยวชาญ ซึ่งโจทย์ที่ให้ก็ขึ้นอยู่กับการพูดคุยกันว่าจะหยิบเคสไหนมาให้เรียนและนักศึกษาได้มีส่วนร่วมด้วย คลาสนี้นักศึกษาตัดสินใจต้องการโจทย์แบบเอ็กซ์ตรีม สนใจกลุ่มคนที่เป็นยูทูปเปอร์หรือสกิมเมอร์ ดังนั้น เวลาที่นำ Design Thinking Workshop มา Apply นักศึกษาจะได้ทดลองกระบวนการทำความเข้าใจพฤติกรรมและความต้องการในเชิงลึกจริงๆ ของลูกค้า ไม่ใช่แค่เข้าไปดูใน Google แล้วนำมาอ้างอิงเท่านั้น แต่จะต้องสามารถ Decode ข้อมูลอธิบายแนวคิดได้ และอาจารย์จะไม่พยายามฟันธงโดยใช้ประสบการณ์ตนเอง แต่หากจะพยายามกระตุ้นให้นักศึกษาทำความเข้าใจทั้งลึกและกว้าง จนกระทั้งนักศึกษาคิดว่าตัวเองมีความเข้าใจอย่างถ่องแท้ ” ผศ.นิมิต เหม่งเวหา อาจารย์ประจําหลักสูตร DIPS คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์และการออกแบบ มจธ. กล่าว
ขณะที่ ผศ.พรยศ ฉัตรธารากุล หัวหน้า Center of Innovation for Society และอาจารย์ประจําหลักสูตร DIPS กล่าวเสริมว่า หลักสูตร DIPS ไม่มีหนังสือเรียนเฉพาะที่ตายตัว ไม่มี Final Project และการเรียนการสอนของเราก็ไม่มีการสอบ แต่จะมีการกิจกรรมที่ชวนนักศึกษามา challenge กัน ไม่ได้มุ่งที่การทำให้ดีที่สุดหรือแข่งขันกันว่าใครได้ก่อน เร็วกว่า เก่งกว่า แต่เป็นการ Challenge ให้นักศึกษาทะลุข้อจำกัดในการเรียนรู้ของตนเองมากกว่า “เราคิดว่าเรารู้ลึกแล้ว แต่วันต่อมาเราก็รู้ลึกได้อีก” และใช้การประเมินแบบมีส่วนร่วมว่านักศึกษามีความสามารถเพิ่มอย่างไร สามารถอธิบายความแตกต่างและความลึกของความสามารถที่เพิ่มขึ้นได้ ส่วนเนื้อหานอกจากที่กำหนดไว้ตามตารางแล้ว หากมีเนื้อหาใดที่นักศึกษาต้องการเรียนรู้แม้กำหนดไว้อนาคต เช่น วิชาสถิติ ซึ่งปกตินักศึกษาออกแบบจะไม่สนใจเพราะคิดว่าไม่มีประโยชน์ แต่พอนักศึกษาได้เรียนในรูปแบบใหม่ของ DIPS ที่นักศึกษาจะทำงานไปโดยไม่อิงการเรียนการสอนแบบรายวิชาพอรู้ตัวเองว่าต้องการความรู้เรื่องสถิติเพิ่มเพื่อให้ Project มีความสมบูรณ์ ไม่ใช้แค่ทำ Project เสร็จ นักศึกษาก็เริ่มขอให้สอนโดยไม่รอให้ถึงเวลาเรียน เราก็จะเชิญอาจารย์ที่เชี่ยวชาญมาสอนให้ก่อน เป็นต้น
“เพราะเป็นหลักสูตรที่บริหารโดยหน่วยงานวิชาการ หน่วยงานวิจัย และ Partnership เอกชน หลักสูตรจึงปรับตัวเองให้มีความคล่องตัวสูง (Mobility) ในการบริหารทำให้เกิดความแตกต่างจากระบบเดิม เน้นความรู้ความเข้าใจ ไม่มีการท่องจำ ไม่มีการสอบ ประเมินผลจากการนำเสนอพัฒนาการของตนเอง และพร้อมสนับสนุนการเรียนรู้ทักษะวิชาการ ประสบการณ์ทุกแขนงเมื่อนักศึกษาต้องการ จุดสมดุลของหลักสูตรคือจะต้องทำหน้าที่ควบคุมคุณภาพในเชิงวิชาการและผลิตนักศึกษาที่มีคุณภาพ โดยไม่ว่าวิธีจะเปลี่ยนไปอย่างไรก็ตาม จะต้องเป็นรูปแบบการเรียนการสอนที่มีความคล่องตัวมากขึ้น เพื่อทำให้เราสามารถวิ่งไปด้วยความเร็วกับการเปลี่ยนแปลงของธุรกิจและอุตสาหกรรมของโลกเสมอ”
ในส่วนการทำงานของนักศึกษานั้น ผศ.พรยศ กล่าวว่า เนื่องจากจะต้องทำงานกับบริษัทภายใต้หลักสูตรฯ ซึ่งจะได้รับมอบหน้าที่ที่ชัดเจน นักศึกษาจะต้องพัฒนางานที่ได้รับมอบหมายจากบริษัทจนกระทั่งครบ 30 เดือน หรือ 2 ปีครึ่ง นอกจากนักศึกษาจะได้มีส่วนร่วมในผลงานที่ทำ ยังได้รับหนังสือรับรองประสบการณ์การทำงานจากทางบริษัทด้วย ซึ่งจะแตกต่างจากการเป็นนักศึกษาฝึกงานที่มีระยะเวลาเพียง 1-3 เดือนใช้ช่วงปิดเทอมหรือปีสุดท้าย ที่สำคัญ นักศึกษาจะไม่รู้สึกโดดเดี่ยวเพราะจะมีอาจารย์ประจำที่มีประสบการณ์ทำงานมาร่วมเสริมความรู้เชิงวิชาการ และคำอธิบายเพิ่มเติมให้กับนักศึกษาด้วยเรียกว่าเข้าไปคอยประสานงานอย่างใกล้ชิดกับทั้งนักศึกษาและบริษัท อีกทั้งขณะที่ทำงานนักศึกษายังต้องจัดหาเวลากลับมาทำ International Activities ไม่ว่าจะเป็น Workshop, Exchange Program เป็นต้น ตามที่หลักสูตรกำหนดไว้ เพื่อเสริมองค์ความรู้ใหม่ๆ พัฒนาทักษะการทำงานในมิติต่าง ๆ ร่วมกับนักศึกษา อาจารย์ นักออกแบบจากประเทศต่าง ๆ ให้กับเด็กตลอดระยะเวลาการทำงานในสัดส่วนร้อยละ 20
ในฐานะตัวแทนนักศึกษารุ่นแรก นางสาวศุภวดี จีรพันธ์เจริญสิน หรือ น้อง Love อายุ 19 ปี จากเด็กสายศิลป์ภาษาเกาหลีโรงเรียนสามเสนวิทยาลัย เล่าถึงการตัดสินใจมาเรียนหลักสูตร DIPS ว่า สาเหตุที่เลือกเรียนในโปรแกรมนี้ เพราะชอบงานออกแบบ จากตอนแรกสมัครเรียนในแผนการเรียนปกติ แต่ที่ตัดสินใจเปลี่ยนมาเรียนแผนการเรียน DIPS เพราะเห็นว่าเป็นหลักสูตรใหม่เพิ่งเปิดสอนและมีสาขาที่ชอบ ที่สำคัญคือให้นักศึกษาได้เรียนรู้ผ่านการทำงานจริงด้วย ไม่ใช่แค่การฝึกงานระยะสั้น ซึ่งทางคุณแม่ก็เห็นชอบด้วย
“หลังจากเรียนมากว่า 6 เดือน ไม่ได้รู้สึกว่าเรียนหนักห่ามรุ่งห่ามค่ำ แม้จะไม่เคยเรียนรูปแบบนี้มาก่อนจากปกติจะเรียนเป็นรายวิชาไปไม่ใช่เรียนหลายๆ วิชาร่วมกันในคลาสเดียวแบบ DIPS พอมาเรียนแล้วทำให้เนื้อหาต่อเนื่อง ที่ชอบที่สุด คือ การเรียนที่นี่ไม่มีการสอบ แต่จะประเมินวัดผลจากพัฒนาการของตัวเอง ส่วนตัวรู้สึกชอบกับวิธีการประเมินแบบนี้ เพราะการที่ไม่มีสอบ เราไม่ต้องคอยมาท่องจำเพื่อทำข้อสอบ ทำให้ไม่ต้องรู้สึกเครียดกับการเรียน และมีความสุขที่จะเรียนรู้กับสิ่งใหม่ๆ ได้ตลอดเวลา คิดว่าการเรียนในลักษณะนี้เหมาะสมกับยุคสมัยใหม่”
สิ่งที่ได้พัฒนาขึ้น น้อง Love บอกว่า “เป็นวิธีการคิดที่เปลี่ยนไป ทำให้เราเข้าใจเรื่องการออกแบบมากขึ้น ทำให้เข้าใจว่าไม่ใช่ทุกคนจะชอบงานออกแบบของเรา จากเดิมที่เคยคิดเพียงแต่ว่าการออกแบบจะต้องสวย ต้องทำให้คนอยากซื้อเท่านั้น แต่มันไม่ใช่อย่างที่คิด เพราะการออกแบบจริงๆ แล้ว ไม่ได้มุ่งเน้นที่ความสวยงามเพียงอย่างเดียว แต่ต้องเข้าใจพฤติกรรมและรู้ถึงความต้องการของผู้ใช้ก่อน คิดไปข้างหน้า ไม่ใช่แค่การแก้ปัญหา เกิดกระบวนการคิดที่มากขึ้น เช่น ต้องดูว่าผลิตภัณฑ์นั้นจะพัฒนาชีวิตของผู้ใช้ได้อย่างไร ยอมรับว่าตอนนี้การออกแบบของเรามีคุณภาพขึ้น และตนก็คาดหวังว่าจะได้ทำงานจริงๆ กับบริษัทออกแบบผลิตภัณฑ์ชั้นนำระดับโลกอย่าง Jacob Jensen Design Studio (JJD) ซึ่งถือเป็นข้อดีของการเรียนโปรแกรม DIPS ที่เราจะได้ทำงานจริงๆ กับบริษัทออกแบบชั้นนำระดับโลกที่เป็น Partnership ไม่ใช่แค่เด็กฝึกงานเท่านั้น ทำให้เรามีประสบการณ์ชีวิตในการทำงานจริง”
เพราะเป็นการเรียนรูปแบบใหม่ที่แม้แต่คนที่ศึกษาอยู่ในต่างประเทศยังให้ความสนใจอย่าง นายอาศิส ลาภปรารถนา หรือ น้องเอย อายุ 20 ปี เล่าว่า เดิมเรียนอยู่มหาวิทยาลัยที่นิวซีแลนด์สาขาการท่องเที่ยวแต่พอเรียนไปสักระยะรู้ว่าไม่ใช่แนวทางตัวเอง จากนั้นก็ได้ข้อมูลว่าที่ไทยมีหลักสูตร DIPS เปิดสอนด้านการออกแบบ ซึ่งส่วนตัวเป็นคนที่ชอบจินตนาการ ชอบคิดออกแบบผลิตภัณฑ์ขึ้นเอง และคิดว่าน่าจะทำประโยชน์ได้ ที่สำคัญโปรแกรมนี้ส่งเสริมให้เราได้เรียนรู้จากการทำงานจริงๆ กับบริษัทออกแบบชั้นนำและได้ใช้ภาษาอังกฤษด้วย จึงตัดสินใจย้ายกลับมาเรียนที่เมืองไทย หลังจากที่เรียนมา 6 เดือน เป็นการเรียนที่รู้สึกเพลินมากระหว่างทำกิจกรรมได้เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ได้ความรู้ในด้านอื่นๆ ที่เรายังไม่รู้โดยเฉพาะเรื่องการออกแบบ ซึ่งความรู้ที่ได้มาเราก็สามารถนำไปเชื่อมโยงกับวิชาอื่นๆ ได้ เป็นเรื่องที่ไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะสามารถนำมาแมทชิ่งกันได้ ทำให้การเรียนเป็นไปด้วยความตื่นเต้น เพราะได้ทำงานที่แปลกใหม่อยู่เสมอ มีความคิดที่เป็นระบบมากขึ้น ได้เรียนรู้วิธีการสเก็ตช์ภาพอย่างไรให้ออกมาเข้าใจในสิ่งเราต้องการสื่อ ไม่ใช่แค่ต้องวาดภาพสวย ได้เรียนรู้ว่าคนที่จะใช้สินค้าแต่ละชนิดเป็นแบบไหน ซึ่งการเรียนการสอนที่นี่เน้นให้ตัวผู้ออกแบบเข้าใจคนใช้งาน คนซื้อ คนที่มีส่วนเกี่ยวข้อง เพื่อที่จะได้ออกแบบและผลิตออกมาให้ตรงตามแนวความคิด ในส่วนของหนังสือเรียน DIPS จะมีให้เราเลยไม่ต้องไปหาเองที่ห้องสมุด แต่เราไม่ได้อ่านเพื่อสอบ แต่เป็นการอ่านเพื่อความรู้ และทำความเข้าใจ เพื่อให้เราได้วิธีคิดของนักออกแบบที่ดี
“การเรียนโปรแกรม DIPS เป็นการเรียนรู้เพื่อตัวเอง ไม่ได้แข่งขันกับใคร เพื่อนๆ คอยช่วยเหลือกันแลกเปลี่ยนข้อมูลกันได้ ซึ่งดีมากเพราะหากมีการแข่งขันหรือสอบจะทำให้เกิดความเครียดและกดดันก็จะทำให้เรียนไม่รู้เรื่อง สำหรับความคาดหวังหลังเรียนจบ คือ อยากเป็น Furniture Design หากได้ร่วมทำงานกับสตูดิโอ Jacob Jensen Design จะถือเป็นโอกาสที่ดีมากสำหรับตน ซึ่งตอนนี้กำลังเตรียมตัวอ่านหนังสือ ฝึกฝนตัวเอง เพิ่มเพื่อทำความเข้าใจเกี่ยวกับงานด้านออกแบบให้มากขึ้นเพราะเหลือเวลาเพียงไม่กี่เดือนที่จะต้องไปทำงานกับบริษัท”
สำหรับนักเรียนระดับมัธยมศึกษาชั้นปีที่ 6 ที่มีใจรักการออกแบบ ละงานสร้างสรรค์นวัตกรรม ฝันอยากเป็นนักออกแบบหรือสร้างนวัตกรรมมืออาชีพ แต่วาดรูปไม่เก่ง ไม่ต้องกังวลอีกต่อไป หลักสูตร DIPS เปิดรับสมัครผู้ที่จบชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย ทุกสายวิชา ทั้งสายวิทย์และสายศิลป์ ที่มีความหลงใหลการออกแบบ และพร้อมเปิดใจเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ขอแค่มีทักษะด้านภาษาอังกฤษ “วาดรูปไม่สวยฝึกได้ เพราะการออกแบบไม่ได้มีเพียงแค่เรื่องการวาดรูป และการวาดรูปสวยก็ไม่ได้สำคัญที่สุด”
ผู้สนใจสามารถติดต่อโดยตรงได้ที่ ผศ.พรยศ ฉัตรธารากุล โทร. 085-073-4488 หรือเข้าไปดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ https://dipskmutt.com/
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด