บมจ.ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น หรือ WHA Group มั่นใจครึ่งปีหลังธุรกิจฟื้น จากการขับเคลื่อนแผนการลงทุน และกระจายวัคซีนของประเทศไทย และประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก คงเป้ายอดขายที่ดินในประเทศ จำนวน 725 ไร่ และต่างประเทศ 305 ไร่ พร้อมเตรียมพัฒนานิคมใหม่เพิ่มอีก 3 แห่ง โครงการศูนย์กระจายสินค้าอีก 5 โครงการบนพื้นที่ 400,000 ตารางเมตร ภายใต้รูปแบบ “คลังสินค้าอัจฉริยะ” รองรับการลงทุนทั้งชาวไทย และต่างชาติ ส่วนธุรกิจน้ำ และไฟฟ้าเติบโตอย่างมั่นคง ตามยอดการใช้น้ำเพิ่มขึ้น พร้อมตั้งเป้าปี 2566 ให้บริการ Solar Roof ครบ 300 MW
นางสาวจรีพร จารุกรสกุล ประธานคณะกรรมการบริษัท และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่ม บริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ WHA Group เปิดเผยว่า ภาพรวมธุรกิจในครึ่งปีหลังมีแนวโน้มการเติบโตที่สดใสขึ้น จากการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมการผลิตและการลงทุนจากต่างประเทศจะเริ่มส่งสัญญาณที่ชัดเจนขึ้น ตามแผนการผลิตและกระจายวัคซีนของประเทศไทย และประเทศต่างๆ ทั่วโลก บริษัทฯ จึงคงเป้ายอดขายที่ดินในประเทศไทยสำหรับปี 2564 ไว้ที่จำนวน 725 ไร่
อีกทั้งยังมีการพัฒนานิคมใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง โดยคาดว่าในปีนี้จะเปิดตัวนิคมใหม่เพิ่มอีกอย่างน้อย 3 แห่ง จากในช่วงก่อนนี้ได้มีการเปิดดำเนินการนิคมอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเอ ระยอง 36 รองรับการลงทุนของนักลงทุนสนใจทั้งไทย และต่างชาติ รวมทั้งการเปิดให้เช่าพื้นที่ภายใน TusPark WHA ศูนย์บ่มเพาะนวัตกรรมแห่งใหม่ตั้งแต่เดือนมีนาคมที่ผ่านมา
ขณะที่การพัฒนานิคมอุตสาหกรรมในเวียดนามนั้น บริษัทฯ อยู่ระหว่างการเร่งทำยอดขาย พร้อมกับการก่อสร้างในส่วนจองเฟส 1 และส่วนที่เหลือเพื่อให้เป็นไปตามเป้ายอดขายที่ดินในเวียดนามสำหรับปีนี้จำนวน 305 ไร่ พร้อมกับการวาง Master Plan เพื่อพัฒนาพื้นที่สำหรับเฟส 2 และเฟส 3 ที่คิดเป็นพื้นที่รวมเพิ่มเติมอีก 4,700 ไร่ รวมถึงการดำเนินการเพื่อขอใบอนุญาตและการอนุมัติโครงการเพื่อพัฒนาเขตอุตสาหกรรมอีก 2 แห่งในจังหวัดถั่งหัว (Thanh Hoa) บนพื้นที่รวมกว่า 7,500 ไร่ที่ยังคงเป็นไปตามแผนงานที่ได้วางไว้
ส่วนธุรกิจโลจิสติกส์ ซึ่งมีคลังสินค้า Built-to-Suit และ Warehouse Farm บริษัทฯ ยังคงเป้าให้บริการพื้นเช่านี้ไว้เท่ากับ 175,000 ตารางเมตร และการขายทรัพย์สิน และสิทธิการเช่าทรัพย์สินให้กับกองทรัสต์เพิ่มเติมอีกประมาณ 180,000 ตารางเมตร
โดยคาดว่าจะสามารถรับรู้รายได้ภายในไตรมาส 4/2564 นี้ อีกทั้งยังมีแผนพัฒนาโครงการศูนย์กระจายสินค้าขนาดใหญ่เพิ่มเติมอีก 5 โครงการบนพื้นที่รวมกว่า 400,000 ตารางเมตร ภายใต้รูปแบบ “คลังสินค้าอัจฉริยะ” ที่สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้า ตลอดจนการนำเสนอ Value-added Services
และในส่วนของธุรกิจสาธารณูปโภค มีการเติบโตที่มั่นคงมากขึ้นจากยอดการใช้น้ำ และไฟฟ้าภายในนิคมอุตสาหกรรมของกลุ่มลูกค้าอุตสาหกรรมที่ทยอยเปิดดำเนินการอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ไตรมาส 4/2563 ที่ผ่านมา โดยบริษัทฯ ยังได้พัฒนาและนำเสนอผลิตภัณฑ์น้ำมูลค่าเพิ่ม (Value added product) เพื่อให้บริการแก่ลูกค้าในนิคมอุตสาหกรรมอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันดำเนินการโครงการ Reclamation Plant ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย กำลังการผลิต 25,000 ลูกบาศก์เมตรต่อวัน
ส่วนธุรกิจไฟฟ้าบริษัทฯ สามารถเซ็นสัญญาโครงการพลังงานไฟฟ้าแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนหลังคาเพิ่มเติมได้อีกกว่า 10 เมกะวัตต์ รวมเป็นการเซ็นสัญญาสะสมจำนวน 61 เมกะวัตต์ และได้เริ่มเปิดดำเนินงานเชิงพาณิชย์ (COD) เพื่อผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ให้กับลูกค้าในไตรมาส 1 ปี 2564 รวม 4 เมกะวัตต์ ทำให้ ณ ปัจจุบันบริษัทฯ มีกำลังการผลิตที่เปิดดำเนินการอยู่ที่ 44 เมกะวัตต์ โดยคาดว่าในปีนี้จะสามารถเซ็นสัญญาเพื่อลงทุนผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าได้เพิ่มเติมอีกไม่น้อยกว่า 40 เมกะวัตต์ บริษัทฯ คงเป้าจำนวนการเซ็นสัญญาที่ 90 เมกะวัตต์ ณ สิ้นปี 2564 และเพิ่มเป็น 300 เมกะวัตต์ภายในปี 2566
พร้อมกันนี้ ยังอยู่ระหว่างการขออนุญาตดำเนินการเปิดใช้งานระบบซื้อขายไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ (P2P Energy Trading Platform) ภายในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมของดับบลิวเอชเอ ควบคู่ไปกับการเตรียมติดตั้งเพื่อทดสอบระบบกักเก็บพลังงาน (Energy Storage System) บนโรงกรองน้ำของบริษัทฯ นอกจากนี้ ธุรกิจดิจิทัลแพลตฟอร์ม บริษัทฯ อยู่ระหว่างการจัดทำแผนการลงทุน 5G Tower ร่วมกับผู้ให้บริการโทรคมนาคมชั้นนำเพื่อติดตั้งและทดสอบการใช้งานจริงของโซลูชัน 5G ภายในเขตนิคมอุตสาหกรรมของดับบลิวเอชเอ ควบคู่ไปกับการขยายการให้บริการเชื่อมต่อสื่อสารแบบโครงข่ายสายเคเบิลใยแก้วนำแสง (FTTx) ภายในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมทั้งหมดให้แล้วเสร็จ ซึ่ง 5G Tower และ FTTx
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด