‘ตะขาบ 5 ตัว’ จาก Family Business สู่ตลาดต่างแดน ปรับโฉมด้วยนวัตกรรมให้ครองใจคนรุ่นใหม่ | Techsauce

‘ตะขาบ 5 ตัว’ จาก Family Business สู่ตลาดต่างแดน ปรับโฉมด้วยนวัตกรรมให้ครองใจคนรุ่นใหม่

Family Business หรือธุรกิจครอบครัวในนามบริษัท ห้าตะขาบ (ซิมเทียนฮ้อ) จำกัด ที่ก่อตั้งมากว่า 80 ปีได้สร้างชื่อผลิตภัณฑ์สมุนไพรไทย (Thai herbal product) ที่พัฒนาจากศาสตร์การแพทย์แผนจีนอย่างแบรนด์ “ตะขาบ 5 ตัว” ให้เป็นที่รู้จักในวงกว้างทั้งท่ามกลางกลุ่มคนไทยและชาวต่างชาติ จนวันนี้ได้ออกไปวางขายยังตลาดหลายประเทศทั่วโลก โดยมีทายาทรุ่นหลังมาปรับโฉมทั้งผลิตภัณฑ์ให้เป็นมาตรฐานสากลและภาพลักษณ์ของแบรนด์ให้เข้าถึงคนรุ่นใหม่ได้มากขึ้น รวมถึงยังมีแผนเปิดตัวผลิตภัณฑ์สมุนไพรพ่นคอในรูปแบบสเปรย์และน้ำดื่มที่ช่วยทำให้ชุ่มคอน้ำสำหรับนักกีฬาหรือผู้ที่ชื่นชอบการออกกำลังกาย เพื่อให้สามารถเข้าไปจับจองพื้นที่ในกลุ่มผู้บริโภคที่หลากหลายกว่าเดิมFamily Business

จากวิชาที่ได้เก็บเกี่ยวมาเมื่อครั้งเป็นเด็กช่วยปรุงยาร้านหมอจีน ก่อนที่จุ้ยไซ แซ่ซิ้ม จะมาตั้งรกรากในเมืองไทย ทำให้ตัวเขาสามารถนำความรู้ทางด้านยาสมุนไพรและตรวจจับชีพจรติดตัวมา จึงทดลองทำยาเพื่อใช้กันเองในหมู่ญาติและคนใกล้ชิดในละแวกบ้านย่านตลาดบางคล้า ในจังหวัดฉะเชิงเทรา จนเมื่อย้ายเข้ามาอยู่ในกรุงเทพฯ แม้กลางวันจะทำงานรับจ้างแบกหามแต่กลางคืนยังคงทำยาแล้วนำไปฝากขายตามร้านยา

กระทั่งสงครามโลกครั้งที่ 2 จุ้ยไซ พาครอบครัวหนีสงครามไปอยู่ที่พระประแดง เห็นตะขาบก็ได้ความคิดว่าจะเอามาทำเป็นเครื่องหมายการค้าและออกแบบซองยา ตามความเชื่อของชาวจีนสมัยโบราณที่ว่าจะต้องใช้พิษล้างพิษในการรักษาอาการป่วย สุดท้ายจึงตัดสินใจใช้สัญลักษณ์เป็นรูปตะขาบทั้งสองข้าง และมีรูปของจุ้ยไซอยู่ตรงกลาง 

ด้วยความอุตสาหะต่อสู้ฝ่าฟันอุปสรรคเป็นเวลาสิบกว่าปี ในที่สุดสินค้าก็เริ่มพอขายได้และเป็นที่รู้จักในเวลาต่อมา กระทั่งปี 2496 ได้ย้ายมาอยู่ฝั่งธนบุรี แต่ยังคงทำยาและเปิดร้านขายยาสำเร็จรูปรวมทั้งรับตรวจผู้ป่วยและเจียดยาสมุนไพรจีนด้วย

หลังจากที่จุ้ยไซเสียชีวิตลงในปี 2515 ทายาทรุ่นสอง คือ สุเทพ สิมะวรา ที่ปัจจุบันเป็นประธานกรรมการ และบรรดาพี่น้อง ซึ่งเข้ามารับช่วงกิจการต่อได้ตัดสินใจเลิกกิจการร้านขายยา แล้วหันมาตั้งบริษัทเพื่อผลิตยาอย่างเดียวชื่อว่า “ บริษัท ห้าตะขาบ (ซิมเทียนฮ้อ) จำกัด ” ที่ปัจจุบันผลิตสินค้าวางจำหน่ายอยู่ 4 ประเภท คือ ยาอมแก้ไอ ยาขมเม็ด ยาเม็ดเบอร์เจ็ด (ยาแก้บิด) และยากวาดมหาจักร์

“ตอนแรกพ่ออยากให้ช่วยทำงานที่บ้านมากกว่า แต่ผมขอเรียนต่อจนจบมหาวิทยาลัย ซึ่งคำพูดของพ่อที่ประทับใจและทำให้ผมตั้งใจว่าจะกลับไปช่วยกิจการครอบครัวคือ อาชีพขายยา นอกจากได้เงินแล้วยังได้บุญด้วย”

ทั้งวิชาความรู้ที่ได้ร่ำเรียนจากคณะคณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และประสบการณ์ทำงานที่บริษัท ลีเวอร์ บราเธอร์ (ประเทศไทย) จำกัด (ปัจจุบัน คือ บริษัท ยูนิลีเวอร์ ไทย เทรดดิ้ง จำกัด) ของสุเทพ ทำให้ตัวเขาและพี่น้องต่างช่วยกันปรับปรุงกระบวนการผลิตโดยนำนวัตกรรมต่าง ๆ มาใช้เพื่อยกระดับคุณภาพผลิตภัณฑ์  

จนปี 2523 จึงสร้างโรงงานใหม่ บนถนนพระราม 2 เขตบางขุนเทียน มีอาคารสถานที่ซึ่งเหมาะกับการพัฒนาคุณภาพและประสิทธิภาพให้สูงยิ่งขึ้น โดยนำเครื่องจักรที่ทันสมัย และถูกสุขลักษณะเข้ามาแทนแรงงานคน เพื่อให้ได้มาตรฐาน GMP  (Good Manufacturing Practice) แต่กว่าจะสำเร็จได้ทั้งสุเทพและพี่น้องต้องต่อสู้และฝ่าฟันกับอุปสรรคที่มีข้อจำกัดเรื่องกำลังเงินมาไม่น้อย 

นอกจากนี้ด้วยแนวคิดของทายาทรุ่นสองที่ต้องการสร้างชื่อ ‘ตะขาบ 5 ตัว’ ให้เป็นที่รู้จักในวงกว้าง จึงริเริ่มใช้กลยุทธ์โฆษณาแบรนด์ผ่านทางรายการวิทยุ ตลอดจนทำกิจกรรมการตลาดในพื้นที่ต่างจังหวัดด้วย ซึ่งต่างก็เป็นช่องทางประชาสัมพันธ์ที่ได้รับความนิยมมากในยุคนั้น 

“ปี 2520 ถึง 2530 เป็นช่วงที่เริ่มเห็นการเติบโตอย่างชัดเจน มีเงินหมุนเวียนมาลงทุนและพัฒนาสินค้าของเรา จนสามารถทำยอดขายได้สูงมากในปี 2532 กระทั่ง 10 ปีให้หลังแม้เมืองไทยมีวิกฤติเศรษฐกิจแต่เราไม่ได้มีเงินกู้ก็เลยรอดตัวไป”

Family Business

จาก Family Business สู่ตลาดโลก 

หลังประคับประคองธุรกิจให้เดินหน้าต่อท่ามกลางการฟื้นฟูเศรษฐกิจของไทยและด้วยมุมมองที่ว่า ‘ตะขาบ 5 ตัว’ เป็นที่แพร่หลายกับกลุ่มผู้บริโภคในบ้านพอสมควรแล้ว ในปี 2547 จึงเริ่มมองหาโอกาสใหม่จากการส่งสินค้าไปขายยังฮ่องกงเป็นประเทศแรก ก่อนจะขยายสุู่การหาตัวแทนจำหน่ายยังประเทศอื่น ๆ ตามมา 

กระทั่งปัจจุบันผลิตภัณฑ์ของบริษัทได้ถูกส่งไปวางขายในกลุ่มอาเซียน (ยกเว้นฟิลิปปินส์และเวียดนามที่ยังไม่ได้ทะเบียนยา) มาเก๊า อินเดีย ปากีสถาน บังกลาเทศ และรัสเซีย ไม่เพียงเท่านั้นยังมีเป้าหมายที่จะขยายไปยังตลาดทวีปแอฟริกาในระยะต่อไป 

อย่างไรก็ตามบริษัทยังมีแนวทางพัฒนาบรรจุภัณฑ์รูปแบบใหม่สำหรับสินค้าที่ส่งออกไปขายในบางประเทศที่ยังไม่เคยมีสินค้าไปวางขายด้วย เพื่อให้ตอบโจทย์ชาวต่างชาติและคนรุ่นใหม่ในประเทศนั้น ๆ 

สุเทพยังเล่าถึงอนาคตของ  ‘ตะขาบ 5 ตัว’ ในตลาดต่างแดนว่าตัวเลขยอดขายเพิ่มสูงขื้นเริ่อย ๆ  จากที่ประมาณ 10-20% ของยอดขายรวมในช่วงก่อนนี้ ได้เพิ่มขึ้นเป็นราว 30-40% ในปัจจุบัน 

อย่างไรก็ตาม แม้ผลิตภัณฑ์ของ ‘ตะขาบ 5 ตัว’ จะเป็นที่นิยมในหมู่นักท่องเที่ยวชาวจีน จากการที่มีโอกาสซื้อที่ฮ่องกงและมาเก๊า ตลอดจนระหว่างมาเที่ยวเมืองไทยก็ตาม แต่การขอจดทะเบียนยาจากรัฐบาลจีน เพื่อให้สามารถส่งผลิตภัณฑ์ไปขายผ่านตัวแทนจำหน่ายที่ประเทศจีนได้อย่างถูกต้อง 

โดยเป็นภารกิจที่ฝากความหวังไว้กับทายาทรุ่นสาม ซึ่งเป็นความพยายามที่เกิดขึ้นมาเป็น 10 ปีแล้วแต่ในปัจจุบันก็ยังไม่สำเร็จ เพราะรัฐบาลจีนที่ยังคงมีนโยบายกีดกันผลิตภัณฑ์ที่เป็นสมุนไพรจากต่างประเทศ  แต่สุเทพก็ย้ำว่าบริษัทยังคงเดินหน้าต่อไปแบบไม่ท้อถอย ซึ่งคาดว่าภายใน 2-3 ปีนี้ก็จะยื่นขอจดทะเบียนยาใหม่อีกครั้ง

“แม้ช่วงนี้คนจีนมาเที่ยวมากก็จริงแต่ยอดขายก็ลดลงไปพอสมควร แต่ก็ยังดีกว่า 2 ปีก่อน แต่ด้วยเรื่องสงครามการค้าระหว่างจีนและสหรัฐอเมริกาก็ส่งผลต่อยอดขายของเรา เพราะเมื่อการค้าขายในประเทศเขาลดลง คนจีนก็ไม่ออกมาเที่ยวนอกประเทศ ทำให้การจับจ่ายสินค้าบางอย่างก็เริ่มน้อยลง”

อย่างไรก็ตามสำหรับเคล็ดลับความสำเร็จที่ทำให้ผลิตภัณฑ์เป็นที่ยอมรับและมีชื่อเสียงในวงกว้างนั้น สุเทพมองว่าปัจจัยหลักคือเรื่องคุณภาพของสินค้า ที่ผู้บริโภคลองใช้ครั้งแรกแล้วสามารถเห็นผลในทันที ขณะที่ราคาก็ไม่สูงมาก เช่นเดียวกับที่บริษัทพยายามกระจายสินค้าผ่านช่องทางจำหน่ายต่าง ๆ ให้มากที่สุด รวมทั้งออกแบบรสชาติใหม่ ๆ เพิ่มขึ้นด้วย ซึ่งปัจจุบันกำลังเผยแพร่เครื่องหมายการค้า ‘ตะขาบ 5 ตัว’ ให้ไปถึงกลุ่มคนที่ยังไม่รู้จักแบรนด์ทั้งไทยและต่างชาติ

“เครื่องหมายการค้าก็มีส่วนที่ทำให้คนจำได้ง่ายด้วย จึงพยายามรักษาไว้ แต่ก็ได้ re-brand ให้เป็นรูปลักษณ์ใหม่ที่ทันสมัยขึ้นด้วย”

Family Business

Takabb X GREYHOUND จับคนรุ่นใหม่

ด้วยมุมมองที่ตระหนักดีกว่าแบรนด์ ‘ตะขาบ 5 ตัว’ เป็นผลิตภัณฑ์ที่มีกลุ่มเป้าหมายหลักเป็นคนมีอายุและวัยทำงาน แต่บริษัทก็ไม่ได้มองข้ามวัยรุ่นหรือคนรุ่นใหม่ จึงพยายามหาช่องทางในการเข้าถึงมาโดยตลอด 

กระทั่งบริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัด (เจ้าของและบริหารกิจการศูนย์การค้า ได้แก่ สยามเซ็นเตอร์ สยามดิสคัฟเวอรี่ สยามพารากอน และไอคอนสยาม ) มาเสนอให้พัฒนาผลิตภัณฑ์ร่วมกับ GREYHOUND ภายใต้แนวคิดในการนำตราสัญลักษณ์ ‘ตะขาบ 5 ตัว’ มาปรับให้ดูเป็น street fashion มากขึ้น สุเทพจึงมองว่าโครงการนี้จะเป็นก้าวสำคัญที่ริเริ่มสู่การปรับภาพลักษณ์แบรนด์ให้รูปโฉมทันสมัยและสื่อออกมาในแง่มุมใหม่ ๆ 

ทั้งนี้ลวดลายของตะขาบได้ถูกนำมาวางไว้บนเสื้อทีเชิ้ต เสื้อฮาวาย หมวกกระเป๋าผ้า เพื่อนำสินค้าที่เป็นลิขสิทธิ์ร่วมกันระหว่างบริษัทและ GREYHOUND ไปขายในโครงการ Absolute Thai Souvenir Pop-Up Shop 

นอกจากนี้ด้วยกลยุทธ์ที่ต้องการเข้าถึงกลุ่มลูกค้าที่หลากหลายขึ้น บริษัทจึงเตรียมเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ในอนาคต เช่น สมุนไพรพ่นคอในรูปแบบสเปรย์ เพื่อลดอาการเจ็บคอและแก้ปัญหากลิ่นปากที่จะเปิดตัวภายในปีหน้า รวมถึงในอนาคตจะนำเสนอผลิตภัณฑ์น้ำดื่มที่ช่วยทำให้ชุ่มคอ สำหรับนักกีฬาหรือผู้ที่ชื่นชอบการออกกำลังกาย ซึ่งคาดว่าจะเริ่มลงทุนสร้างโรงงานภายในปีหน้า

อย่างไรก็ตามจุดที่สุเทพมองว่าเป็นความท้าทายของการบริหารธุรกิจในยุคนี้คือ วิวัฒนาการของเทคโนโลยี ซึ่งอาจจะส่งผลทั้งทางลบและทางบวกกับกิจการได้เสมอ

แต่ปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อความอยู่รอดขององค์กรคือ คนหรือบุคลากร เพราะมองว่าถ้าไม่มีคนก็สร้างงานให้เกิดขึ้นไม่ได้ เช่นเดียวกับที่บริษัทเองก็ต้องสนับสนุนให้เกิดศักยภาพหรือคุณสมบัติอื่น ๆ เพิ่มเติมให้แก่บุคลากรด้วย ทั้งความคิดและความรู้ ภายใต้หลักการที่ว่าทำอย่างไรให้คนที่มาทำงานกับบริษัทแล้วมีความสุข 

“อีกส่วนที่สำคัญไม่แพ้กันคือ เมื่อเข้ามาทำงานกับบริษัทแล้ว ต้องทำให้เห็นภาพตั้งแต่วันแรกจนกระทั่งเกษียณว่าเป็นอย่างไร” 

ทั้งนี้ด้วยความที่เป็นองค์กรซึ่งก่อตั้งมายาวนาน จึงมีบุคลากรหลายวัยทำงานร่วมกัน ซึ่งเคล็ดลับที่ช่วยให้ทั้งองค์สามารถทำงานเป็นทีมได้อย่างราบรื่นนั้น สุเทพย้ำว่าต้องแบ่งหน้าที่กันอย่างชัดเจนและให้ทุกคนมุ่งสู่เป้าหมายร่วมกัน รวมถึงในบางกรณีก็ต้องมีการพูดคุยหรือสื่อสารในแง่ความรู้สึกด้วย ไม่ใช่สนใจแค่เรื่องตัวเลขอย่างเดียว 

“โลกในปัจจุบันเปลี่ยนแปลงเร็ว อย่าประมาทในการทำธุรกิจและหาทางออกสำรองไว้ หากเมื่อใดที่เกิดวิกฤติจะได้สามารถ soft landing ได้ ที่สำคัญคืออย่าทำสิ่งที่ไม่ดีต่อสังคมทั้งในด้านคุณธรรมและศีลธรรม”


ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด

No comment

RELATED ARTICLE

Responsive image

5 ข้อแตกต่างที่ทำให้ Jensen Huang เป็นผู้นำใน 0.4% ด้วยพลัง Cognitive Hunger

บทความนี้จะพาทุกคนไปถอดรหัสความสำเร็จของ Jensen Huang ด้วยแนวคิด Cognitive Hunger ความตื่นกระหายการเรียนรู้ เคล็ดลับสำคัญที่สร้างความแตกต่างและนำพา NVIDIA ก้าวสู่ความเป็นผู้นำระดับ...

Responsive image

เรื่องเล่าจาก Tim Cook “...ผมไม่เคยคิดเลยว่า Apple จะมีวันล้มละลาย”

Apple ก้าวเข้าสู่ยุค AI พร้อมรักษาจิตวิญญาณจาก Steve Jobs สู่อนาคตที่เปี่ยมด้วยนวัตกรรม โดย Tim Cook มุ่งเปลี่ยนโฉมเทคโนโลยีอีกครั้ง!...

Responsive image

วิจัยชี้ ‘Startup’ ยิ่งอายุมาก ยิ่งมีโอกาสประสบความสำเร็จ

บทความนี้ Techsauce จะพาคุณไปสำรวจว่าอะไรที่ทำให้ วัย 40 กลายเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของนักธุรกิจและ Startup หลายคน...