Mihaly Csikszentmihalyi ไม่ได้เริ่มต้นชีวิตแบบนักจิตวิทยาเก่งกาจ เขาเริ่มต้นจากเด็กชายยุโรปกลางยุคสงครามโลก ผู้เห็นผู้ใหญ่รอบตัวสูญเสียบ้าน งาน และความหวัง แล้วเกิดคำถามเดียวที่ฝังอยู่ในใจมาทั้งชีวิต
“อะไรทำให้คนเรายังมีความสุขได้อยู่ แม้ทุกอย่างรอบตัวจะพังพินาศ ?”
เขาลองศิลปะ ศาสนา ปรัชญา จนวันหนึ่งบังเอิญเดินเข้าฟังบรรยายฟรีเรื่อง UFO ที่กลายเป็นจุดเปลี่ยน เพราะวิทยากรคือ Carl Jung ผู้พูดถึงจานบิน ในฐานะภาพสะท้อนความสับสนของจิตใจคนหลังสงคราม ไม่ใช่สิ่งมีชีวิตนอกโลก
Mihaly ตัดสินใจศึกษา จิตวิทยาแห่งความสุข
คุณจำครั้งสุดท้ายที่คุณทำอะไรสักอย่างแล้วลืมเวลาได้ไหม?
ลืมแม้แต่หิว ลืมเช็กมือถือ ลืมไปเลยว่าตัวเองมีตัวตนอยู่
เหมือนทุกอย่างรอบตัวหายไป เหลือแค่สิ่งที่คุณกำลังทำ
บางคนเจอช่วงเวลานี้ตอนเขียนนิยาย บางคนตอนเล่นดนตรี บางคนตอนโค้ดไหล บางคนตอนวาดภาพ สิ่งนี้ไม่ใช่แค่สนุกหรืออิน แต่มันคือภาวะลึกในจิตใจที่นักจิตวิทยาชื่อ Mihaly Csikszentmihalyi เรียกว่า Flow
และเขาเชื่อว่านี่แหละคือจุดที่มนุษย์ “มีชีวิต” อย่างแท้จริง
Flow คือ ภาวะที่เราโฟกัสในสิ่งที่ทำอย่างสุดขีด ไม่รู้สึกว่าเรากำลัง ‘ทำ’ อะไรบางอย่าง แต่รู้สึกเหมือน “กำลังเป็นส่วนหนึ่งของมัน”
Csikszentmihalyi อธิบายว่า Flow จะเกิดขึ้นได้ต้องมีองค์ประกอบสองอย่างมาบรรจบกัน ได้แก่
เมื่องานนั้น “ยากพอดี” และเรา “เก่งพอดี” เราจะเข้าสู่ Flow แบบที่ สมองจูนเข้ากับปัจจุบัน อย่างไร้รอยต่อ
แต่ถ้ามีอย่างใดอย่างหนึ่งมากหรือน้อยเกินไป จะเกิดผลลัพธ์ต่างกัน เช่น
และที่น่าตกใจคือ Csikszentmihalyi พบว่า คนส่วนใหญ่อยู่ในโซนเฉื่อยชามากกว่าที่คิด โดยเฉพาะตอนดูทีวีแบบไม่ได้เลือก ตอนทำกิจวัตรซ้ำซาก คือยังไม่ทุกข์ แต่ก็ไม่ได้รู้สึกมีชีวิต
ในยุค Burnout งานถูกตีความว่าเป็นศัตรูของความสุข แต่ Csikszentmihalyi พูดตรงกันข้ามว่า คนที่มี Flow ขณะทำงาน มักจะมีความสุขมากกว่าตอนว่างงาน ที่สำคัญคือ งานนั้นต้องมีความหมาย ไม่ใช่แค่สั่งให้ทำ แต่ให้เป้าหมายที่คนทำรู้ว่า “สิ่งที่ฉันทำมีผลกับคนอื่น มีผลกับโลก”

Csikszentmihalyi ให้คำตอบ โดยเขาชี้ว่า เงินช่วยให้ไม่ทุกข์ มากกว่าจะมีความสุข
Csikszentmihalyi ศึกษาข้อมูลเชิงสถิติตั้งแต่ปี 1956 ในอเมริกา ซึ่งพบว่ารายได้เฉลี่ยของคนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ (เกือบ 3 เท่าในช่วงหลายสิบปี) แต่จำนวนคนที่ตอบว่า ชีวิตมีความสุขมาก ยังอยู่ที่ประมาณ 30% เท่าเดิม ไม่เพิ่มขึ้นเลย แปลว่า... ถึงเราจะมีมือถือที่แรงขึ้น บ้านใหญ่ขึ้น รถหรูขึ้น แต่ความรู้สึกมีความสุขลึกๆ กลับไม่เพิ่มตามไปด้วย
จากการศึกษาเรื่องนี้ เขาพบว่าคนเราจำเป็นต้องมีเงินระดับหนึ่งเพื่อ มีบ้านอยู่ มีของกิน มีความปลอดภัยพื้นฐาน ถ้าไม่มีสิ่งเหล่านี้ แน่นอนว่าความทุกข์จะถาโถม แต่เมื่อเรามีมากพอแล้ว การมีมากขึ้นอีกไม่ช่วยให้รู้สึกดีขึ้นเท่าเดิม เช่น
นี่คือหลักของสิ่งที่เรียกว่า Diminishing Returns เมื่อคุณมีพอแล้ว ผลของการมีมากขึ้นจะลดลงเรื่อยๆ
และเมื่อ Csikszentmihalyi ศึกษาลึกลงไปกว่าแค่ความสุขจากเงิน พบว่า ผู้คนจะรู้สึกมีความสุขมากที่สุด ตอนที่พวกเขาอยู่ในภาวะ Flow เช่น การทำสิ่งที่ท้าทายแต่สนุก, การมีสมาธิกับงานสร้างสรรค์, หรือการได้ใช้ทักษะอย่างเต็มที่ และสิ่งเหล่านี้ไม่ได้ใช้เงินซื้อโดยตรง ตัวอย่าง เช่น
เพราะฉะนั้น ความสุขที่แท้จริงตามแบบของ Mihaly Csikszentmihalyi ไม่ใช่สิ่งที่เราต้องไขว่คว้าไปยังจุดหมายปลายทาง ไม่ใช่สิ่งที่จะเกิดขึ้นเมื่อมีพร้อมทุกอย่าง แต่มันคือภาวะที่เกิดขึ้นระหว่างทาง ขณะที่เรากำลังทำบางอย่างด้วยใจที่แน่วแน่ สมองที่โฟกัส
Flow ไม่ได้ยิ่งใหญ่ในแบบที่โลกจะเห็นหรือชื่นชม แต่มันจะยิ่งใหญ่ในใจของผู้ที่ค้นพบ เพราะมันทำให้เรารู้สึกว่า เราไม่ได้แค่มีชีวิต แต่กำลังมีชีวิตอยู่จริงๆ
บทความนี้อ้างอิงจากเนื้อหาการบรรยายของ Mihaly Csikszentmihalyi ในเวที TED Talk เรื่อง “Flow, the secret to happiness” ดูวิดีโอเต็มได้ที่: https://www.youtube.com/watch?v=fXIeFJCqsPs
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด
อ่านแล้ว คล้ายๆ ว่า
เป็นภาวะที่เรียกว่า ภวังค์ คือ เราจมดิ่งไปในสิ่งที่เราทำแบบไม่อยากถอนตัวออกมา
ภวังค์ จะมีได้ ทั้งภวังค์ธรรมชาติ จากที่เราโฟกัสทำสิ่งใดสิ่งหนึ่ง
หรือภวังค์ สร้างขึ้น ที่ได้จากการทำสมาธิ เราจะได้สัมผัสความสุขพิเศษ ที่เงินก็ซื้อไม่ได้