ฟรีค่าธรรมเนียม คือ ผลจากการเกิด Technology Disruption | Techsauce

ฟรีค่าธรรมเนียม คือ ผลจากการเกิด Technology Disruption

เมื่อ 3 วันก่อน มีการประกาศฟรีค่าธรรมเนียมการโอนเงิน และจ่ายบิลสินค้าจากธนาคารไทยพานิช และวันต่อมาก็ประกาศเช่นเดียวกันจากธนาคารกสิกรไทย และล่าสุดกับธนาคารกรุงไทย ซึ่งถือว่าข่าวนี้เป็นข่าวกระทบวงการธนาคารอย่างมาก เพราะค่าธรรมเนียมพวกนี้ ถือเป็นรายได้จำนวนมหาศาลของธนาคาร

ทำไมธนาคารถึงกล้าที่จะยอมลดรายได้ของตัวเองลง?

นั้นเพราะการแข่งขันเรื่อง Digital Banking ที่นอกจากต่างธนาคารต้องแข่งกันแล้ว ยังมีบริษัทอื่นๆ มาแข่งกันทำ E-Wallet กันอีก แน่นอนละ ว่าธนาคารเขาก็รู้สึกระส่ำระสายมานานมากแล้ว แต่รอจังหวะให้ทุกอย่างลงตัวเสียก่อนค่อยเปิดเกมรุก

การที่ธนาคารยอมลดรายได้จากค่าธรรมเนียมลง จะมีผลดีคือสามารถจูงใจให้ผู้ใช้บริการมาใช้ Platform ของตัวเองได้มากขึ้น ตามมาด้วยข้อมูล Transaction ที่จะเกิดขึ้นมากมายหลังบ้าน ทำให้เขามี Big Data มากพอที่จะเล่นได้ และนำไปวิเคราะห์ตัวตนของลูกค้าจนสามารถสร้างเป็นบริการหรือสินค้าใหม่ให้ลูกค้าได้ต่อไป

ถ้ามองมุม Data แล้ว ก่อนหน้านี้เวลาใช้ Cash เงินใช้เงินไปกับตรงไหนบ้าง แม้ตัวเราเองก็จำไม่ได้ แต่เมื่อเข้าระบบทั้งหมด จะโอนให้ใครเมื่อไหร่เท่าไหร่ จ่ายค่าอะไรเดือนไหนยังไง ความถี่การใช้จ่ายต่างๆ จะถูกบันทึกเอาไว้ตราบนานเท่านาน

นี่คือเหตุผลที่ทำไมต้องรอจนถึงวันนี้ เพราะนอกจากเทคโนโลยีต่างๆ มันพร้อมมากขึ้นแล้ว ยังมีลูกเล่นใหม่ๆ จาก Data Science และ Machine Learning เข้ามาเป็น Solution ใหม่ๆ ให้ธนาคาร

มองอีกมุมหนึ่ง เมื่อคนใช้ Cash หรือเงินสด กันน้อยลง ก็ทำให้ธนาคารไม่ต้องคอยบริหารจัดการเงินในตู้ ATM หรือเงินที่สาขา เพราะในแต่ละวันมีเงินสดกองอยู่ในระบบต่างๆ หลายหมื่นล้านบาทต่อวัน ถ้าคิดเป็นค่าเสียโอกาสก็มาอยู่แล้ว ยังมีจัดการต่างๆ อีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นการขนส่งเงินสดในตู้หรือสาขา การซ่อมบำรุง ค่าติดตั้ง/รื้อถอน ค่าไฟ ค่าเช่าที่ และอื่นๆ อีกมากมาย

ในช่วงแรก ธนาคารอาจจะสูญเสียรายได้ระดับหนึ่ง และอาจจะต้องมีค่าใช้จ่ายในการดำเนินการรื้อระบบเงินสดอีกด้วย แต่ในระยะยาวเชื่อว่าธนาคารเองจะปรับตัว และสามารถหา Solution ใหม่ออกมาเป็นบริการหรือสินค้าทางการเงินได้ไม่ยาก

Technology Disruption 

ทั้งหมดนี้ ไม่ใช่แค่ Disruption ที่เกิดจากภายนอก แต่เป็น Disruption ภายในองค์กรด้วย การที่ธนาคารประกาศผลักดันธุรกรรม Online ขนาดนี้ แน่นอนว่าต้องมีบางฝ่ายในองค์กรเสียประโยชน์ เพราะด้วยโครงสร้างของธนาคารที่มีแผนผังละเอียดยิบ แบ่งแผนก แบ่งฝ่าย มีผู้บริหารแยกคนกันคุม ดังนั้นการจะทำโปรเจคที่กระทบหลายฝ่ายจึงต้องใช้เวลานานในการตกลงและวางแผน แต่ถ้าไม่ทำ ธนาคารทั้งธนาคารโดน Disrupt จากภายนอกไปด้วย ดังนั้น Top Management จึงต้องตัดสินใจเดินต่ออย่างชัดเจน

ทั้งหมดทั้งปวงนี้ “เรา” ผู้ซึ่งเป็นผู้บริโภคก็ Happy กันไปค่ะ แต่ก็อย่างที่ Coraline ได้นำเสนอตลอดมา ว่าเราไม่สามารถหลีกหนีจาก Technology Disruption ได้ เพราะโลกก็ต้องหมุนไปตามวัฏจักร สิ่งที่เราทำได้ดีที่สุด คือ เรียนรู้ และยอมรับการเปลี่ยนแปลง เพราะถ้าเราไม่ยอมเปลี่ยนแปลงไปกับมัน เราอาจจะโดน Disrupt ไปกับเขาด้วย

---- “It is not the strongest of the species that survives, nor the most intelligent that survives. It is the one that is most adaptable to change.”----

ไม่ใช่สิ่งมีชีวิตที่แข็งแรงที่สุด หรือฉลาดที่สุดหรอกที่จะเอาตัวรอดได้ดีที่สุด แต่เป็นสิ่งมีชีวิตที่สามารถปรับตัวได้เก่งที่สุดต่างหาก

- Charles Darwin-

ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด

No comment

RELATED ARTICLE

Responsive image

ไขความลับ Growth Hacking: บทเรียนจาก Spotify สู่ธุรกิจยุคใหม่

ในโลกธุรกิจที่การแข่งขันดุเดือดและเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว การเติบโตอย่างรวดเร็วและยั่งยืนคือสิ่งที่ทุกธุรกิจต่างใฝ่ฝัน Growth Hacking กลายเป็นกุญแจสำคัญที่ไขประตูสู่ความสำเร็จ ด้วย...

Responsive image

เปิดปรัชญาแห่งความเป็นผู้นำของ Steve Jobs

Steve Jobs ผู้ร่วมก่อตั้ง Apple ที่โด่งดัง อาจไม่ใช่เจ้านายในฝันของใครหลายคน แต่ปรัชญาการบริหารของเขาพิสูจน์แล้วว่าทรงพลังและนำไปสู่ความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ คำพูดที่สะท้อนแนวคิดนี้ได้...

Responsive image

โฟกัสให้ถูกจุด สำคัญกว่าทำงานหนัก! แนวคิดจาก Marc Randolph ผู้ร่วมก่อตั้งและ CEO คนแรกของ Netflix

หลายคนอาจเชื่อว่าความสำเร็จมาจากการทำงานหนัก แต่มาร์ค แรนดัลฟ์ (Marc Randolph) Co-founder Netflix กลับมองต่างเขามองว่าการทำงานหนักแล้วจะประสบความสำเร็จเป็นเรื่องหลอกลวง และมองว่ากา...