ในวันที่ Twitter อาจไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป แนะนำวิธีปกป้องบัญชี | Techsauce

ในวันที่ Twitter อาจไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป แนะนำวิธีปกป้องบัญชี

ถึงแม้ดีลเข้าซื้อบริษัทโซเชียลมีเดียในประวัติศาสตร์ครั้งนี้จะเสร็จสิ้นสมบูรณ์เป็นที่เรียบร้อยในช่วงสิ้นเดือนตุลาคมที่ผ่านมา สองสัปดาห์หลังจาก Elon Musk เข้าควบคุม Twitter อย่างเป็นทางการ กลับเต็มไปด้วยความเคลื่อนไหวจำนวนมากของซีอีโอคนใหม่ ทั้งความโกลาหลภายในบริษัทและการตอบโต้กระแสมหาชน จนเกิดความกังวลว่า Twitter จะไปต่อทิศทางใด และบัญชีของเราจะยังปลอดภัยหรือไม่หลังจากนี้

วิธีปกป้องบัญชี ในวันที่ Twitter อาจไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป

บทความที่เกี่ยวข้อง

การยืนยันตัวบัญชีแบบใหม่

สำหรับทิศทางการจัดการแพลตฟอร์มที่หลายคนต่างจับตามอง ดูเหมือนว่า Verification หรือการตรวจสอบบัญชีจริงหรือปลอมนั้นดูไม่มีความหมายอีกต่อไป หลังจากมัสก์เปลี่ยนแปลงให้การยืนยันตัวตนทำได้ง่ายๆเพียงชำระเงิน 8 ดอลลาร์ต่อเดือนในแพ็กเก็จ Twitter Blue ซึ่งเป็นหนึ่งในการแก้ปัญหาแรก ๆ ที่มัสก์หมกมุ่นอย่างหนักเพื่อผลักดันให้มีรายได้จากการสมัครสมาชิกเพิ่มขึ้น แต่ก็ทำให้การแอบอ้างบุคคลอื่นง่ายขึ้นเช่นเดียวกัน

ทำไม Verification ถึงเป็นเรื่องใหญ่

ความน่าเชื่อถือรวมถึงข้อมูลและคำพูดจากบัญชีเหล่านั้น ซึ่งส่วนมากจะเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ นักการเมือง เซเลป นักข่าว ผู้บริหารระดับสูงที่มีอิทธิพล ผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ และองค์กรทางสังคม เพื่อระบุให้ผู้ใช้รู้ว่าบัญชีในเครือข่ายโซเชียลและเนื้อหานั้นมาจากบุคคลหรือองค์กรใด

ผู้เขียนมองว่า Twitter ถูกใช้งานเป็นช่องทางการส่งต่อข่าวสารที่เข้มข้นในทุกประเทศ รวมถึงข่าวสารระดับโลก นักข่าวภาคสนามโพสต์ข่าวและรายงานสดส่งตรงถึงผู้คนจากเหตุการณ์ เจ้าหน้าที่รัฐสามารถประกาศทางการได้ในทันที ลูกค้าและแบรนด์รับเรื่องร้องเรียนได้ในไม่กี่คลิก 

ความง่ายและเร็วในการสื่อสารทั้งเรื่องเครียดเรื่องบันเทิงกลายเป็นธรรมชาติของ Twitter ซึ่งบางครั้งก็นำไปสู่การแอบอ้างและข้อมูลที่บิดเบือน ปฏิเสธไม่ได้ว่าบางคนตั้งใจใช้งาน Twitter ด้วยเหตุผลที่ไม่ต้องเปิดเผยตัวตน นำเราไปสู่ประเด็นเรื่อง บัญชีบอท นั่นเอง เครื่องหมายถูกจึงทำหน้าที่เป็นตราประทับความน่าเชื่อถือของข้อมูลที่เผยแพร่จากบัญชีนั้นๆ อย่างไรก็ตามการยืนยันตัวบัญชีแบบใหม่กลับดูจะสร้างความกังวลมากกว่า 

ความโกลาหลที่เกิดขึ้น

ซึ่งหลังจากเปิดให้ใช้เฉพาะในสหรัฐฯ แคนาดา ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ ในไม่กี่วัน เรื่องกลับวุ่นวายขึ้น เกิดกระแสการล้อเลียน ส่งทวิตก่อกวนโดยบัญชีที่แอบอ้างว่าเป็นแบรนด์ ซึ่งมีเครื่องหมายถูกกำกับ

นักทฤษฎีสมคบคิด กลุ่มชาตินิยมผิวขาว เริ่มได้รับเครื่องหมายถูก ตามรายงานของ Media Matters for America  ผู้ใช้ต่างรายงานปัญหาเกี่ยวกับคุณลักษณะด้านความปลอดภัย ตามด้วยการตบเท้าถอนโฆษณาออกจากแพลตฟอร์มของแบรนด์จำนวนมาก

กระทั่งจุดที่ทำให้เกิดข้อถกเถียงเป็นวงกว้าง นั่นคือ วิธีตอบโต้ของมัสก์ คือ การไล่ปิดบัญชีแอบอ้างเหล่านี้

นับจากนี้เป็นต้นไป บัญชีใดๆ ที่เกี่ยวข้องกับการแอบอ้างบุคคลอื่นโดยไม่ได้ระบุอย่างชัดเจนว่า 'ล้อเลียน' จะถูกระงับอย่างถาวร - Elon Musk 

ตามข้อเท็จจริงการแอบอ้างบุคคลอื่นและการล้อเลียนอาจมีผลร้ายแรงและเป็นอันตรายต่อทุกคนที่ใช้ บัญชีที่มีเครื่องหมายถูกอาจมีเจตนาสร้างข้อมูลผิดๆ ขยายความเท็จเพื่อสร้างความสับสนในสังคมและอาจร้ายแรงไปถึงการหลอกลวงด้านการเงิน สถานการณ์ดังกล่าวส่งผลโดยตรงต่อคุณภาพของข้อมูล ความน่าเชื่อถือของเนื้อหาบนโลกทวิตเตอร์อาจไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป

Twitter ยังน่าใช้งานอยู่หรือไม่ ?

Brian X. Chen จาก New York Times เผยแพร่บทวิเคราะห์น่าสนใจ ชื่อ 'How to Prepare for Life After Twitter' ในแง่ของผู้ใช้งานว่าการเข้าซื้อธุรกิจครั้งใหญ่ได้สร้างบทเรียนเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างโซเชียลเน็ตเวิร์กกับสังคมและผู้ใช้อย่างไรบ้าง

หลายคนเริ่มกังวลว่าการเปลี่ยนแปลงความเป็นเจ้าของและการลาออกของพนักงานจำนวนมากจะส่งผลต่อความปลอดภัยของบัญชีหรือไม่ และมากไปกว่าหนึ่งในผู้บริหารระดับสูงที่ลาออกจากบริษัท คือ Lea Kissner Chief Information Security เท่ากับขณะนี้แพลตฟอร์มขาดผู้นำการรักษาความปลอดภัย และอาจเกิดช่องโหว่ด้านความปลอดภัยที่นำไปสู่การแฮ็กบัญชีเมื่อไรก็ได้ แล้วผู้ใช้จะปกป้องและจัดการบัญชีตนเองได้อย่างไร 

วิธีการดาวน์โหลด Archive

  • สำหรับหน้าจอ Desktop 

มองหาปุ่มเพิ่มเติมหรือ “More” ที่มีสามจุด ตรงคอลัมน์ด้านซ้าย เลือก “Settings and Support” จากนั้นเลือก “Settings and privacy” จากนั้นใต้คำว่า “Your account” ให้เลือก “Download an archive of your data”

ระบบจะให้ป้อนรหัสผ่านของบัญชี จากนั้นระบบจะส่งอีเมลหรือส่งข้อความเพื่อแจ้งรหัสยืนยัน หลังจากส่งรหัสผ่านและได้รับรหัสยืนยันแล้ว ให้เลือก “Request archive” ระบบจะใช้เวลาประมาณ 24 ชั่วโมงเพื่อเตรียมการจัดเก็บข้อมูลบัญชีของเรา  

  • สำหรับ IOS และ Android

แตะรูปโปรไฟล์ที่มุมบนซ้าย เลื่อนลงไปที่ “Settings and Support”  และเลือก “Settings and privacy”  เลือก “Your account”  จากนั้น “Download an archive of your data” 

เมื่อระบบเตรียมข้อมูลบัญชีเสร็จเรียบร้อยแล้ว เราจะได้รับการแจ้งเตือนจาก Twitter เพื่อให้กดดาวน์โหลดไฟล์ Archive จะเป็นรูปแบบไฟล์ .html สามารถเปิดในเว็บเบราว์เซอร์ได้ 

สิ่งที่ความพิจารณาระหว่างนี้ ผู้ใช้ควรสนใจการจัดการข้อมูลส่วนตัวที่สำคัญ ภาพถ่ายเก่าๆที่เคยโพสต์ไว้ เผื่อในกรณีที่มีการเปลี่ยนแปลงบางอย่างที่คาดไม่ถึง ควรล้างทวีตเป็นระยะๆ หรือหากต้องการปิดบัญชีให้ทำตามขั้นตอนเพื่อปิดใช้งานบัญชีอย่างถูกต้อง แต่พึงระวังไว้ว่าการลบบัญชีทิ้งอาจเปิดโอกาสสำหรับการสวมรอยเช่นเดียวกัน

นอกจากนี้เหตุการณ์ดังกล่าวทำให้รู้ว่าแบรนด์ ครีเอเตอร์ ผู้ใช้งานทั่วไป ไม่ควรพึ่งพาแพลตฟอร์มใดแพลตฟอร์มหนึ่ง ซึ่งสิ่งสำคัญ คือ ไม่ว่าใครจะเป็นเจ้าของ Twitter ผู้ใช้อย่างเราทุกคนก็ควรปฏิบัติด้านความปลอดภัยของบัญชีอยู่เสมอนั่นเอง 

พออ่านมาจนถึงจุดนี้ คุณอาจตั้งคำถามว่า Twitter ยังน่าใช้งานอยู่หรือไม่ แต่ก็ยังเร็วเกินไปที่จะบอกว่า Twitter จะเปลี่ยนไปอย่างไร คงต้องติดตามกันต่อไป


อ้างอิงข้อมูลจาก 

How to Prepare for Life After Twitter

How to Download Your Twitter Archive

Twitter-Musk News Timeline: Musk Lets Trump Back Onto Twitter

A Verifiable Mess: Twitter Users Create Havoc by Impersonating Brands


ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด

No comment

RELATED ARTICLE

Responsive image

ไขความลับ Growth Hacking: บทเรียนจาก Spotify สู่ธุรกิจยุคใหม่

ในโลกธุรกิจที่การแข่งขันดุเดือดและเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว การเติบโตอย่างรวดเร็วและยั่งยืนคือสิ่งที่ทุกธุรกิจต่างใฝ่ฝัน Growth Hacking กลายเป็นกุญแจสำคัญที่ไขประตูสู่ความสำเร็จ ด้วย...

Responsive image

เปิดปรัชญาแห่งความเป็นผู้นำของ Steve Jobs

Steve Jobs ผู้ร่วมก่อตั้ง Apple ที่โด่งดัง อาจไม่ใช่เจ้านายในฝันของใครหลายคน แต่ปรัชญาการบริหารของเขาพิสูจน์แล้วว่าทรงพลังและนำไปสู่ความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ คำพูดที่สะท้อนแนวคิดนี้ได้...

Responsive image

โฟกัสให้ถูกจุด สำคัญกว่าทำงานหนัก! แนวคิดจาก Marc Randolph ผู้ร่วมก่อตั้งและ CEO คนแรกของ Netflix

หลายคนอาจเชื่อว่าความสำเร็จมาจากการทำงานหนัก แต่มาร์ค แรนดัลฟ์ (Marc Randolph) Co-founder Netflix กลับมองต่างเขามองว่าการทำงานหนักแล้วจะประสบความสำเร็จเป็นเรื่องหลอกลวง และมองว่ากา...