“การสูญเสีย (พ่อ) ในวัยเด็ก เร่งให้ผมต้องโตเป็นผู้ใหญ่”
นี่คือประโยคที่ Charles Leclerc (ชาร์ล เลอแกลร์) นักแข่งฟอร์มูล่า 1 ที่มีชื่อเสียงจากทีม Scuderia Ferrari พูดในรายการ Podcast ของ Jay Shetty ถึงจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญในชีวิตเกี่ยวกับเส้นทางอาชีพ และความหลงใหลในการแข่งรถที่มีพ่อเป็นผู้ปูทางและปลูกฝัง
Charles Leclerc สูญเสียพ่อของเขา (Hervé Leclerc) ที่เป็นทั้งครูและที่ปรึกษาคนสำคัญในชีวิตไปในปี 2017 ซึ่งตอนนั้น Leclerc อายุเพียงแค่ 19 ปีเท่านั้น ทำให้ตัวเขาต้องจัดการทุกอย่างในชีวิตเอง เพราะก่อนหน้านี้พ่อคือคนที่คอยดูแล ขับรถ และชี้แนะเส้นทางนักแข่งให้เสมอ
พิธีกรได้ถาม Leclerc ว่า อะไรที่พ่อทิ้งไว้ให้หลังจากเสียไป ?
คำตอบที่ Leclerc ตอบมาไม่ใช่สมบัติ สิ่งของ หรือรถแข่ง แต่เป็นคำสอนที่พ่อของเขามักพูดอยู่เสมอ คือ “ถ่อมตัวอยู่เสมอ และยินดีกับโอกาสที่ตนเองได้รับ” ซึ่ง Leclerc เผยว่านับตั้งแต่วันที่พ่อไม่อยู่คำสอนนี้คือสิ่งที่เขาหยิบมาใช้ในชีวิตได้เสมอ
ตอน Leclerc อายุประมาณ 6 หรือ 7 ขวบ เขาเคยได้ลงแข่งรถไปทั้งหมด 24 รายการ และเขาชนะไปถึง 18 รายการ ด้วยอายุเพียงแค่นั้นก็ทำให้ Leclerc อดที่จะจะรู้สึกไม่ได้ว่า เขาเป็นคนที่เก่งที่สุดและเขาจะสามารถก้าวหน้าไปจนถึง Formula 1 ได้
แต่พ่อก็จะบอกเสมอว่า "ลูกเพิ่งอายุ 6 ขวบ และสำหรับการแข่ง Formula 1 ยังอีกยาวไกล ดังนั้นลูกต้องฝึกฝนต่อไปและจงถ่อมตัวอยู่เสมอ" การปลูกฝังของพ่อนั้นทำให้ Leclerc ไม่เคยเป็นคนหยิ่งทะนงตัว แม้หลายๆ เหตุการณ์ในชีวิตจะเป็นเครื่องชี้ชัดว่าเขาคือ ‘คนเก่งมากๆ’ คนหนึ่ง
Leclerc เล่าว่า เขามักเตือนตัวเองให้ทำงานหนักต่อไปแม้ว่าผลการแข่งและสิ่งต่างๆ จะเป็นไปด้วยดีก็ตาม เพราะเขาเชื่อว่าแม้จะประสบความสำเร็จมาแล้วหลายครั้ง แต่มีคนมากมายที่กำลังพยายามเพื่อมาถึงจุดที่เขายืนอยู่เหมือนกัน และเมื่อไหร่ที่เขาขาดวินัย คนที่พยายามมากกว่าก็จะตามเขาทัน
มันจึงเป็นเหตุผลที่ทำให้ Leclerc ผลักดันให้ตัวเองรักษาระดับของความพยายามให้ได้เหมือนตอนที่ยังไม่ประสบความสำเร็จ
ในช่วงเวลาที่ประสบปัญหากับการแข่งขันสองสามรายการติดกัน คำวิจารณ์มากมายเริ่มถาโถมใส่เขา ความกดดันนี้ยิ่งทวีคูณขึ้นไปอีก เพราะการเป็นนักขับ Ferrari ทุกการแข่งขันมีความหมายมากกับผู้คนทั่วโลก
Leclerc เผยว่าเขาต้องจัดการกับความกดดัน ซึ่งบางครั้งเป็นเรื่องยากที่จะจัดการกับความคิดเห็นของคนอื่น ในช่วงเวลาที่ต้องแข่งขันหลายรายการ แต่สิ่งหนึ่งที่เขาจะระลึกไว้เสมอ คือ เขาโชคดีแค่ไหนที่ได้มายืนอยู่ในจุดนี้ เพราะโลกนี้มีคนมากมายที่กำลังพยายามมายืนอยู่ในจุดเดียวกัน
ความยินดีที่ได้มาอยู่ในตำแหน่งนี้ช่วยให้เขารักษาความถ่อมตนและทำงานหนักต่อไป ไม่ว่าจะอยู่ในช่วงเวลาที่ดีหรือยากลำบาก ทำให้ Charles Leclerc เป็นตัวอย่างที่ดีของนักแข่งที่ไม่เพียงแต่เก่งในสนามแข่ง แต่ยังมีจิตใจที่ถ่อมตัวและตระหนักถึงคุณค่าของทุกโอกาสที่ได้รับ จนกลายเป็นนักแข่งที่มีคุณภาพทั้งในและนอกสนาม
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด