Meta ได้ใช้เงินกว่า 15,000 ล้านดอลลาร์ในการลงทุนกับ Meteverse ของตัวเองตั้งแต่ต้นปีที่แล้ว แต่จนถึงตอนนี้บริษัทก็ยังไม่เปิดเผยแผนการใช้เงินอย่างแน่ชัด ผู้เชี่ยวชาญบางคนเริ่มกังวลว่าบริษัทจะต้องเสียเงินอีกครั้งหลังจากต้องเสียมาแล้วครั้งหนึ่ง
ปัญหาคือพวกเขาใช้เงิน แต่ความโปร่งใสกับนักลงทุนกลับกลายเป็นหายนะ
Dan Ives นักวิเคราะห์ด้านเทคโนโลยีของ Wedbush Securities กล่าว
“สิ่งนี้ยังคงเป็นเดิมพันที่เสี่ยงสำหรับ Mark Zuckerberg และทีมงาน เพราะสำหรับตอนนี้พวกเขากำลังเดิมพันด้วยเงินในอนาคต ในขณะที่ยังคงมีอุปสรรค์ใหญ่หลวงต่อธุรกิจหลัก” เขากล่าวเสริม
เมื่อ Meta ได้เริ่มเปิดเผยข้อมูลทางการเงินสำหรับ Reality Labs เมื่อปีที่แล้ว ทำให้เห็นว่าเงินได้จมลงไปในการลงทุนกว่า 10,000 ล้านดอลลาร์ ซึ่งดูเหมือนว่านี่จะไม่ใช่ครั้งสุดท้าย ซึ่งจนถึงตอนนี้ Meta ได้รายงานผลการขาดทุนกว่า 5,000 ล้านดอลลาร์ ในช่วงครึ่งปีแรกของ 2022 โดยนักวิเคราะห์บางคนได้คาดการณ์ว่าการสูญเสียที่เกิดขึ้นสำหรับปีนี้ จะเกิดขึ้นเมื่อปีที่แล้ว
ซึ่ง Meta เองปฏิเสธที่จะให้ความคิดเห็นสำหรับเรื่องนี้ แต่โฆษกของบริษัทกล่าวว่า Meta ไม่ได้แจกแจงรายละเอียดทางการเงินสำหรับส่วน Reality Labs อยู่แล้ว
Dan Ives กล่าวว่าจำนวนเงินที่ Meta ใช้ไปกับกิจการ metaverse นั้นเป็นเรื่องที่น่ากังวล โดยเฉพาะอย่างยิ่งการอัปเดตเมื่อครั้ง Meta Connect 2022 ที่รวมถึงชุดหูฟังมูลค่า 1,500 เหรียญสหรัฐและ Avatar ที่มีขาซึ่งค่อนข้าง "น่าผิดหวัง"
Mark Zgutowicz นักวิเคราะห์ของ Benchmark กล่าวว่าแม้ว่าเขาจะไม่ทราบแน่ชัด แต่เขาคาดการณ์ว่าอย่างน้อย 60% ของค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานสำหรับ Reality Labs นั้นเกิดจากต้นทุนการวิจัยและพัฒนาจำนวนมากที่สร้างโลกใหม่ของ Metaverse ทั้งหมด
“ไม่มี Metaverse ที่แท้จริง อย่างน้อยก็จากมุมมองที่วัดได้ จนกว่าเราทุกคนจะสามารถสวมแว่นตาที่ไม่ทำให้เราดูเหมือนมนุษย์ต่างดาวหรืออะไรสักอย่าง” เขากล่าว
Zgutowicz ชี้ให้เห็นว่า Meta มีเหตุผลที่ถูกต้องในการพยายามสร้างทุกอย่างด้วยตัวเอง
“นับเป็นเรื่องยากสำหรับพวกเขาที่จะออกไปซื้อบริษัทซอฟต์แวร์อื่นๆ เพราะพวกเขาผูกติดอยู่กับภาระด้านกฎระเบียบที่พวกเขาต้องอยู่ภายในบริษัทและสร้างบางสิ่งที่เป็นรูปธรรมขึ้นมา”
Zgutowicz กล่าวเสริมว่า
พวกเขาสามารถโปร่งใสได้มากกว่านี้หากพวกเขาเปิดเผยว่าจะคืนทุนที่จ่ายไปนี้ได้อย่างไรและเมื่อไร
Meta ไม่ใช่บริษัทเดียวที่ปฏิเสธที่จะลงรายละเอียดการขาดทุน ซึ่งเป็นแนวทางปฏิบัติมาตรฐานใน Corporate America
นอกจากนี้ Ivan Feinseth นักวิเคราะห์เทคโนโลยีของ Tigress Financial Partners กล่าวว่าเขาเชื่อในวิสัยทัศน์ระยะยาวของ Mark Zuckerberg และคำมั่นสัญญาใน Metaverse
“เมื่อ Facebook ซื้อ Instagram เป็นครั้งแรก ผู้คนต่างหัวเราะเยาะเขาและบอกว่าเขาบ้าไปแล้ว พวกเขาพูดว่า 'ผู้ชายคนนี้กำลังจะทิ้งเงินทั้งหมดนี่' และในที่สุด Instagram ก็กลายเป็นหนึ่งในการเข้าซื้อกิจการที่ดีที่สุดเท่าที่เคยมีมา ไม่ใช่แค่สำหรับ Facebook แต่เป็นในโลกของการเข้าซื้อกิจการ”
อ้างอิง
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด