
บนเวที DRAGONFLY SUMMIT 2025 ที่เปี่ยมไปด้วยพลังงานแห่งอนาคต Will Travis ผู้สร้างแบรนด์ระดับโลกและผู้ก่อตั้ง Elevation Barn ได้กลับมาอีกครั้งเพื่อส่งมอบเซสชั่นที่ทรงพลังและท้าทายความคิด ท่ามกลางโลกที่เต็มไปด้วยความโกลาหล ความไม่ไว้วางใจ และการมาถึงของปัญญาประดิษฐ์ที่กำลังจะก้าวข้ามขีดความสามารถของมนุษย์ ทราวิสได้เสนอ 'โรดแมป 7 ขั้นตอนสู่การเปลี่ยนแปลง' โดยใช้การเปรียบเทียบที่ลึกซึ้งที่สุดในธรรมชาติอย่าง 'การลอกคราบของผีเสื้อ'
Will Travis เริ่มต้นด้วยการพาเราย้อนกลับไปในวัยเด็ก กับภาพของผีเสื้อพันธุ์ Adonis Blue ที่สวยงาม แต่กว่าที่มันจะสยายปีกได้นั้น มันต้องผ่านกระบวนการเปลี่ยนแปลง (Metamorphosis) ที่น่าทึ่งและเจ็บปวด
ผีเสื้อจะถือกำเนิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อมันผ่านความโกลาหล (Chaos) อย่างที่สุดเท่านั้น จากไข่ สู่หนอนผีเสื้อ และการเป็นดักแด้ ช่วงเวลาที่อยู่ในดักแด้คือช่วงที่เกิดความโกลาหลรุนแรงที่สุด ตัวหนอนไม่ได้แค่งอกปีกออกมา แต่มันถึงกับ ‘ละลาย’ ตัวเองจนกลายเป็นของเหลวในระดับ DNA ก่อนจะประกอบร่างขึ้นมาใหม่ นี่คือสุดยอดของการ Transformation
เขาเปรียบเทียบว่าโลกของเราในปัจจุบันก็ไม่ต่างอะไรจากดักแด้ที่กำลังอยู่ในสภาวะโกลาหล เราไม่ไว้ใจสภาพอากาศ ผู้นำ สกุลเงินดิจิทัล และตอนนี้เรายังต้องเผชิญกับความกังวลว่าในอีก 4 ปีข้างหน้า AI จะมีสติปัญญารวมเหนือกว่ามนุษย์ นี่เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่เรากำลังรู้สึกด้อยกว่าสิ่งอื่นบนโลก
“เรามีสองทางเลือก คือ อยู่เป็นหนอนผีเสื้อต่อไป หรือจะยอมเจ็บปวดเพื่อก้าวผ่านการเปลี่ยนแปลงสู่การมีปีกและโบยบินอย่างอิสระ”
Will เชื่อว่านี่ไม่ใช่เรื่องเลวร้าย แต่เป็นจุดเริ่มต้นของยุคแห่งการปรับสมดุล (Rebalance) ที่เราจะได้เป็นตัวเองอย่างแท้จริง และนี่คือ 7 ขั้นตอนสำคัญที่เขาตกผลึกจากการทำ Retreat ให้กับผู้นำทั่วโลกเพื่อนำทางสู่การ Elevate
ผมมองว่าโลกของเราในตอนนี้กำลังอยู่ในความโกลาหล เราไม่ไว้วางใจสภาพอากาศ ผู้นำ สกุลเงินดิจิทัล และตอนนี้เรามีความกดดันว่า AI จะก้าวข้ามสติปัญญารวมของมนุษย์ในอีก 4 ปีข้างหน้า นี่เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่เรากลับรู้สึกด้อยกว่าสิ่งอื่นใด
เขาย้ำว่า ณ จุดนี้ มนุษยชาติมีสองทางเลือก คือ 'เป็นหนอนผีเสื้อต่อไป หรือยอมผ่านความเจ็บปวดจากการเปลี่ยนแปลง (Metamorphosis) เพื่อที่จะเบาขึ้นและมีปีก' และนี่คือ 7 ขั้นตอนสำคัญที่จะนำทางเราผ่านกระบวนการนั้น

ขั้นตอนแรกและสำคัญที่สุดคือการกลับไปเชื่อมต่อกับตัวตนที่แท้จริง Will วิจารณ์ว่าคนส่วนใหญ่กำลังไขว้เขวจากความคาดหวังของคนอื่น ยอดไลก์ในโซเชียลมีเดีย และนำเสนอบุคลิกภาพ (Persona) ที่ไม่ใช่ตัวเอง ยุคของคำว่ารัก ได้ถูกแทนที่ด้วยคำว่าชอบ และตอนนี้เราต้องกลับมารักตัวเองอีกครั้ง เขาได้นำแบบทดสอบรูปทรง (Shapes) กลับมาให้ผู้ฟังได้สำรวจอีกครั้ง โดยชี้ว่ารูปทรงที่สองที่เราเลือกคือ 'ตัวตนที่แท้จริงของเรา' และการหยั่งรากบนพื้นฐานของตัวตนนี้คือก้าวแรกสู่การเปลี่ยนแปลงที่มั่นคง
ในโลกที่เต็มไปด้วยเสียงรบกวน Will เน้นย้ำถึงพลังของความเงียบ 'ไอเดียที่ดีที่สุดมักจะเกิดขึ้นตอนเรากำลังอาบน้ำ หรือทำสมาธิ' เขากล่าว 'ช่วงเวลาแห่งการตระหนักรู้ (Aha moments) เกิดขึ้นในความสงบ ไม่ใช่ระหว่างการลงมือทำ' ในเชิงแบรนดิ้ง มันคือการหยุดพูดว่าเราเป็นใคร แต่เริ่มฟังว่าคนอื่นพูดถึงเราว่าอย่างไร เพราะนั่นคือภาพสะท้อนที่แท้จริง
เมื่อคุณเข้าใจตัวเองแล้ว ขั้นต่อไปคือการวาดภาพอนาคตที่ต้องการ การมองไปข้างหน้าจะนำมาซึ่งความเบิกบาน (Lightness) ในขณะที่การมองย้อนอดีตจะนำมาซึ่งความกังวล คุณต้องเป็นเจ้าของเรื่องราว (Own Your Story) ของตัวเอง เพราะถ้าไม่ทำ คนอื่นจะเข้ามาเขียนเรื่องราวให้คุณ และคุณจะต้องเดินตามทางของเขา
Will ได้เล่าเรื่องราวของ CEO หญิงคนหนึ่งที่มาร่วม Retreat เธอประสบความสำเร็จอย่างสูงกับธุรกิจของพ่อ แต่กลับรู้สึกว่าตัวเองกำลังแบกเรื่องราวของพ่อ ไม่ใช่ของตัวเอง สุดท้ายเธอตัดสินใจลาออกและไปบอกพ่อของเธอ แม้จะเป็นการตัดสินใจที่ยากลำบาก แต่เธอก็ได้เริ่มต้นเส้นทางของตัวเองด้วยการก่อตั้งบริษัท Venture Capital ชื่อ ‘White Dragon’ เพื่อช่วยเหลือนักธุรกิจรุ่นใหม่ และประสบความสำเร็จจนได้เป็น Host ในรายการ Dragon's Den สิ่งนี้แสดงให้เห็นว่าถ้าคุณรู้ว่ากำลังจะไปไหน ทุกย่างก้าวข้างหน้าจะชัดเจนขึ้นเอง
ความฝันจะกลายเป็นจริงได้ก็ต่อเมื่อเรากล้าที่จะเปล่งเสียงมันออกมา 'คนที่สำคัญที่สุดที่ต้องได้ยินความฝันของคุณก็คือตัวคุณเอง' Will อธิบาย การพูดถึงเป้าหมายไม่เพียงแต่เป็นการยืนยันกับตัวเอง แต่ยังช่วยคัดกรองผู้คนรอบข้างด้วย มันจะดึงดูดคนที่พร้อมจะสนับสนุน และเผยให้เห็นคนที่จะฉุดรั้งคุณไว้ 'เมื่อคุณระบุพวกเขาได้แล้ว มันจะทำให้คุณมีสิทธิ์ที่จะขอให้พวกเขาลุกขึ้นและจากไป เพื่อให้คนที่สามารถติดปีกให้คุณได้กลับมานั่งลงแทน'

การลงมือทำนั้นอาจเป็นเรื่องที่เหนื่อย เหมือนกับผีเสื้อที่ต้องดิ้นรนตะเกียกตะกายออกจากรังไหมเพื่อทดสอบความแข็งแกร่งของปีก แต่มันเป็นหนทางเดียวที่จะทำให้ความฝันโบยบินได้จริง
Will เปรียบเทียบกับการปีนเขา เขารู้ว่ายอดเขาอยู่ไหน แต่เส้นทางที่แท้จริงจะปรากฏชัดเจนก็ต่อเมื่อเริ่มก้าวเดิน อาจมีลื่นล้มบ้าง แต่ตราบใดที่ยังเคลื่อนไหว เขาก็จะลอยสูงขึ้นและเบาขึ้น และสามารถปรับเปลี่ยนเส้นทางได้ตลอดเวลา หากคุณไม่ลงมือทำ ความฝันก็จะยังคงเป็นแค่ความฝัน

ปัจจุบันเราสูญเสียความไว้วางใจให้กันและกันไปมาก หลายคนตื่นมาทักทายอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ก่อนคนรักที่นอนอยู่ข้างๆ หลายคนเชื่อมั่นใน ChatGPT มากกว่าสัญชาตญาณในหัวใจของตัวเอง
การเป็นผู้นำที่จุดสูงสุดนั้นโดดเดี่ยว แต่ถ้าคุณสร้างเครือข่ายที่พร้อมจะเดินไปด้วยกัน (Kindred Quest) เหมือนที่ Elevation Barn ทำ คุณจะค้นพบคนที่พร้อมจะสนับสนุนคุณในยามที่คุณหลับ และคุณก็พร้อมจะสนับสนุนเขาเช่นกัน จงเชื่อมั่นในตัวเองและเชื่อมั่นในการเดินทางของคุณ
Will ปิดท้ายด้วยการย้ำเตือนว่า เราทุกคนกำลังอยู่ใน 'ดักแด้แห่งชีวิต' และนี่คือจุดตัดสินใจครั้งสำคัญ 'เราจะเป็นหนอนผีเสื้อต่อไป หรือเราจะกางปีกและโบยบินไปสู่โอกาสใหม่นี้? ทางเลือกเป็นของเรา' เขาทิ้งท้าย 'แต่จงรู้ไว้ว่าการเป็นผีเสื้อ...มันจะทำให้เรารู้สึกเบาเกี่ยวกับอนาคต มากกว่าที่จะรู้สึกหนักอึ้ง'
ที่มา: Session: ELEVATION: 7 STEPS TO TRANSFORMATION ภายในงาน DRAGONFLY SUMMIT 2025
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด