ในเวลานี้คงไม่มีใครไม่รู้จัก แจ็ค หม่า ผู้ก่อตั้ง Alibaba บริษัท e-commerce รายใหญ่ของจีนที่ประสบความสำเร็จอย่างมากจนทำให้ หม่า กลายเป็นบุคคลที่ร่ำรวยที่สุดในประเทศจีน ตัวเขาเองเริ่มจากการมีรายได้เพียงเดือนละ 500 บาท โดยเป็นครูสอนภาษาอังกฤษจนมาวันนี้เขามีทรัพย์สินรวมเป็นมูลค่ากว่า 2 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ วันนี้เรามี 10 คำแนะนำจาก แจ็ค หม่า ที่จะสอนให้เราเรียนรู้ถึงเส้นทางความสำเร็จครับ
https://www.youtube.com/watch?v=9e_mqibZc-Q
หม่าเล่าให้ฟังว่าเขาโดนปฏิเสธเวลาไปสมัครงานถึง 30 ครั้ง เขาเคยไปสมัครเป็นตำรวจก็ไม่สำเร็จ มีคนสมัครเป็นตำรวจอยู่ 5 คน มี 4 คนที่ได้รับเข้าทำงานและตัวเขาเองถูกปฏิเสธ แม้กระทั้งตอนที่ KFC เข้ามาในประเทศจีน หม่าก็ไปสมัครซึ่งมีคนสมัครงานถึง 24 คน และมี 23 คนที่ถูกตอบรับ 1 คนที่ไม่ได้ถูกตอบรับก็คือ หม่า รวมไปถึงสมัยก่อน หม่าเคยสมัครเข้าเรียนที่มหาวิทยาลัย Harvard แต่ก็ถูกปฏิเสธถึง 10 ครั้งด้วยกัน
เราควรจะฝันถึงความสำเร็จอยู่เรื่อยๆ เพราะว่าวันหนึ่งความฝันนั้นอาจเป็นจริงก็ได้ เหมือนในนิทาน อาลีบาบากับโจรสี่สิบคน แค่คุณท่องคาถา "เซซามีจงเปิด" คุณก็สามารถจะเข้าไปในถ้ำซึ่งเต็มไปด้วยสมบัติ
หม่าบอกว่าตัวประกอบหลักของบริษัทก็คือวัฒนธรรม เทคโนโลยีเปรียบเสมือนเครื่องมือ แต่หลักการจริงๆของเราแล้วเรามีพนักงานจาก 18 คน เพิ่มมาเป็น 2 หมื่นกว่าคน เราพยายามอย่างมากที่จะใส่คุณค่าลงไปในตัวบุคคลและบริษัท เพื่อที่เราสามารถมั่นใจได้ว่าทุกคนจะทำงานและช่วยเหลือคนอื่นด้วย นอกเหนือจากการหารายได้
สมัยก่อนเวลา หม่า ไปคุยเกี่ยวกับธุรกิจ Alibaba กับคนอื่น มีหลายคนบอกว่าไอเดียนี้เป็นไอเดียที่โง่และไม่ได้เรื่องเอาซะเลย จนมาวันนี้มีผู้ใช้งานในระบบ Alibaba ถึง 800 ล้านคน ซึ่งฟังดูแล้วมันก็ไม่ได้เป็นไอเดียที่โง่เสมอไปนะ
หม่าบอกว่าเขาเองได้แรงบันดาลใจจากหนังหลายๆเรื่อง อย่างเช่นเขาเรียนรู้ถึงเทคนิคการพูดจากหนังเรื่อง Bodyguard หรือแม้กระทั้งหนังเรื่อง The Godfather และหนังที่เขาโปรดปรานที่สุดก็คือ Forrest Gump
ในหนึ่งวันของเขาจะมีคนมาเสนองานและไอเดียเป็นจำนวนมาก ซึ่งก็แน่นอนว่าเขาจะต้องปฏิเสธมันบ้างและอาจจะทำให้คนอื่นๆผิดหวัง แต่สิ่งที่สำคัญก็คือรูปแบบของธุรกิจจะต้องมีความชัดเจนและช่วยให้การทำงานง่ายขึ้น มันไม่ใช่เพียงแค่เป็นรูปแบบธุรกิจของการหาเงินอย่างเดียว
ตอนที่หม่าเริ่มสร้าง Alibaba เขาคิดว่าในเมื่ออินเทอร์เน็ตมันครอบคลุมทั่วโลก เพราะฉะนั้นชื่อของบริษัทก็ควรเป็นชื่อที่มีความหมายและน่าสนใจสำหรับคนทั่วโลกเช่นกัน ตัวเขาเองเลยนึกถึงชื่อ Alibaba ซึ่งมาจากนิทาน อาลีบาบากับโจร 40 คน หม่าได้มีโอกาสไปซานฟรานซิสโกและตอนที่เขานั่งกินข้าวอยู่เขาก็ได้ถามพนักงานเสิรฟคนหนึ่งว่ารู้จัก Alibaba ไหม พนักงานก็ตอบว่า เซซามีจงเปิดไง ทันใดนั้นเขาก็ลองไปเดินถามผู้คนในถนนว่ารู้จัก Alibaba ไหมหลายๆคนก็บอกรู้จักและก็เลยเป็นที่มาของชื่อนี้ รวมไปถึง Alibaba สะกดด้วยตัว A เพราะฉะนั้นถ้าเรียงตามตัวอักษร Alibaba จะขึ้นมาอยู่ข้างบนสุดเสมอ
หม่าเชื่อว่าความสำคัญของลูกค้ามาเป็นอันดับ 1 พนักงานมาเป็นที่ 2 และผู้ถือหุ้นเป็นอันดับ 3 เพราะว่าลูกค้าคือคนที่จ่ายเงินให้เรา ส่วนพนักงานเป็นคนขับเคลื่อนบริษัทไปข้างหน้า และผู้ถือหุ้นบางทีเมื่อเกิดวิกฤตปัญหาต่างๆพวกเขาก็วิ่งหนีหายไป เพราะฉะนั้น ลูกค้ากับพนักงานจะยังอยู่กับเราเมื่อใดที่มีปัญหา
เมื่อใดก็ตามที่มีผู้คนไม่พอใจ มองหาโอกาสที่จะแก้ไขมัน และถ้าที่ไหนที่มีปัญหาเราสามารถจะฉวยโอกาสนี้เพื่อทำให้มันดีขึ้น ที่ใดมีปัญหาที่นั้นแหละมีโอกาส
หม่า เคยพูดไว้กับเพื่อนร่วมงาน ในสมัยปี 1999 ว่าเราต้องทำงานกันอย่างมีระบบเพื่อที่จะต่อสู้กับพวกอเมริกา เขาบอกว่าทางเดียวที่เราจะสู้กับพวกนั้นได้ก็คือเราจะต้องเสียสละเวลาที่มีในอีก 5-10 ปี ทำงานกันอย่างหนัก ไม่ใช่แค่ว่าทำงาน 8 โมงเช้าแล้วเลิก 5 โมงเย็น พวกเขามีเป้าหมายที่ชัดเจนนั้นก็คือทำให้ Alibaba ออกสู่ตลาดโลกให้ได้
ที่มา: Evan Carmichael
อ่านต่อ: 5 บทเรียนธุรกิจจาก Alibaba ที่ Startup ต้องรู้
อ่านต่อ: 5 บทเรียนธุรกิจจาก Alibaba ที่ Startup ต้องรู้ เวอร์ชันภาพกราฟฟิก
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด