หลังจากที่ กลุ่มบริษัท กสิกร บิซิเนส-เทคโนโลยี กรุ๊ป หรือ KBTG ประกาศเป้าหมายในการขยายศักยภาพขององค์กรด้วย AI โดยให้ ‘คน’ ยังคงเป็นจุดศูนย์กลาง เรียกว่า 'Human-first x AI-first Transformation' เป็นไปได้อย่างมากว่า 3 ปีต่อจากนี้ เราจะได้เห็นการผลิดอกออกผลของการพัฒนา 'คน' และ 'เทคโนโลยี' จากการทำทรานสฟอร์เมชันในทุกภาคส่วนของธุรกิจ ได้เห็นองค์กรนี้เติบโตสู่องค์กรระดับโลกได้อย่างสง่างามและเหนือความคาดหมาย
ภายใต้การบริหารของ คุณเรืองโรจน์ พูนผล ประธานกลุ่มบริษัท KBTG 5 ปีที่ผ่านมา KBTG ทำทรานสฟอร์เมชันเฟสแรกสำเร็จในปี 2566 เร็วกว่าเป้าที่ตั้งไว้ว่าจะสำเร็จในปี 2568 (อ่านรายละเอียดได้ที่ KBTG ปูเส้นทางสู่บทใหม่ Human-first x AI-first Transformation ขยายขีดความสามารถสู่ระดับโลก) ล่าสุดจึงขยับเป้าหมายใหม่เป็นสิ่งที่จะได้เห็นจาก KBTG ในอีก 3 ปีข้างหน้า หรือภายในปี 2570 จากการทำทรานสฟอร์เมชันด้วยแผนยุทธศาสตร์ 'Human-first x AI-first Transformation' แบบไม่มีที่สิ้นสุด (Never-ending Adventure) จะได้เห็น 6 ข้อนี้
หลังจากยกระดับสถาปัตยกรรมและโครงสร้างพื้นฐานให้ทันสมัยตั้งแต่ฐานรากแล้ว KBTG ก็นำเทคโนโลยีเข้ามาพัฒนาองค์กร สร้างแพลตฟอร์ม แอป ตลอดจนนวัตกรรมที่สามารถรองรับการใช้งานจำนวนมหาศาล ส่งผลให้มีผู้ใช้งาน Mobile Banking รวมแล้วมากกว่า 21.7 ล้านรายได้อย่างราบรื่น อาทิ MAKE by KBank ที่มีผู้ใช้งานมากกว่า 2.1 ล้านราย, KhunThong ที่มีผู้ใช้งานมากกว่า 1.7 ล้านราย
ด้วยเทคโนโลยีอันทันสมัย KBTG จึงเข้ามาเป็นหัวหอกสำคัญให้ธนาคารกสิกรไทยมีผลิตภัณฑ์ที่แข็งแกร่ง มีประสิทธิภาพ และยืดหยุ่นให้แก่ผู้บริโภค เนื่องจาก KBTG นำระบบอัตโนมัติมาใช้ในการมอนิเตอร์ ร่วมกับการใช้ AI ตรวจสอบความผิดปกติตั้งแต่โครงสร้างพื้นฐาน ยกตัวอย่างระบบที่เคยมีประสบปัญหาจนต้องหยุดชะงัก (Down time) ก็มีอัตราส่วนลดลงถึง 66% จึงเรียกได้ว่า กสิกรไทยเป็นธนาคารพาณิชย์ที่ให้บริการผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่มีเสถียรภาพอย่างมาก
คุณวรนุช เดชะไกศยะ Executive Chairman กสิกร บิซิเนส-เทคโนโลยี กรุ๊ป (KBTG) กล่าวเพิ่มว่า KBTG ตั้งเป้าที่จะเป็นองค์กรเทคโนโลยีชั้นนำของภูมิภาค พร้อมเดินหน้าเต็มกำลังเพื่อร่วมขับเคลื่อน ยุทธศาสตร์ 3+1 ของธนาคารกสิกรไทย ด้วยนวัตกรรมและเทคโนโลยีที่แข็งแกร่งและล้ำสมัย โดย KBTG ยังข้ามไปแสดงศักยภาพด้านการพัฒนาเทคโนโลยีในต่างแดน เห็นได้จากการเติบโตของ KBTG อย่างรวดเร็วใน 4 ประเทศ 5 เมือง ภายในระยะเวลา 5 ปี ทั้งในไทย (กรุงเทพฯ) เวียดนาม (โฮจิมินห์ ซิตี้และฮานอย) จีน (เซินเจิ้น) และอินโดนีเซีย (จาการ์ตา) โดย K-Tech และ KBTG Vietnam พัฒนาเทคโนโลยีใหม่ๆ ให้แก่ธนาคารอย่างต่อเนื่อง เช่น แพลตฟอร์มให้บริการสินเชื่อและข้อมูลในจีน แอป K PLUS Vietnam ในเวียดนาม และจากการที่ธนาคารกสิกรไทยเข้าไปลงทุนในธนาคารแมสเปี้ยน ประเทศอินโดนีเซีย KBTG จึงเข้าไปมีบทบาทในการยกระดับแพลตฟอร์มไอทีของธนาคารแมสเปี้ยน ดูแลโครงสร้างพื้นฐาน และกำกับดูแลธุรกิจธนาคารให้เกิดประสิทธิภาพและมีความปลอดภัยสูงสุด
ที่สำคัญ KBTG ยังได้รับการยอมรับและประสบความสำเร็จในระดับภูมิภาคโดยมีหลายรางวัลเป็นเครื่องการันตี เช่นที่ KBTG ไปก่อตั้ง KBTG Vietnam แล้วพัฒนาแอป K PLUS Vietnam ขึ้น ปัจจุบันมีผู้ใช้งานมากกว่า 1 ล้านราย และแอปนี้ยังคว้ารางวัล Good Design Award 2023 มาครอง ส่วนบริษัท KBTG Vietnam ก็ได้รับรางวัล Best IT Companies in Vietnam 2024 จากบริษัทไอทีในเวียดนามที่มีอยู่นับหมื่นราย และ KBTG Vietnam ยังคว้ารางวัล Asia-Pacific Enterprise Awards 2023 ในสาขา Fast Growing Enterprise ตลอดจนโปรเจกต์ Car AI โดย KBTG ที่ได้รับรางวัล Asian Technology Excellence Awards 2023 อีกหนึ่งรายการ
จึงไม่น่าแปลกใจที่ KBTG ขึ้นแท่น สุดยอดองค์กรเทคโนโลยีในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และปักหมุดที่จะเติบโตสู่องค์กรเทคโนโลยีระดับโลก ด้วยการนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่บริษัทพัฒนาขึ้น ไปเจาะตลาดใหม่ทั้งในระดับภูมิภาคและระดับโลก เพื่อส่งมอบผลิตภัณฑ์และบริการที่เหมาะกับผู้บริโภคท้องถิ่นอื่นๆ ในยุค Human-first x AI-first ต่อไป
อีกด้านที่ต้องกล่าวถึงคือ เทคโนโลยีที่ KBTG ริเริ่มใช้ในการขับเคลื่อนความสามารถด้านการสร้างผลิตภัณฑ์ด้วยแนวคิด AI-First นั่นคือ M.A.D. ย่อมาจาก Machine Learning - Artificial Intelligence - Data 3 เทคโนโลยีสำคัญที่มาร่วมทรานสฟอร์มองค์กรผ่าน Data-Driven Transformation การขับเคลื่อนธุรกิจด้วยข้อมูล, Automation-First Transformation การนำระบบอัตโนมัติเข้ามาช่วยพนักงานจนสามารถสามารถเพิ่มความเร็วในการทำโครงการด้านไอทีได้เร็วขึ้นกว่า 2.25 เท่า ต่อเนื่องมาสู่การทำ AI-First Transformation ซึ่งมีการใช้ AI และ ML เป็นเทคโนโลยีหลักในการสร้างความเปลี่ยนแปลง ดังที่สามารถพัฒนา 3 ผลิตภัณฑ์ระดับโลก ได้แก่ CAR AI, Verification Tech และ Thai NLP ทำให้เกิดอิมแพ็กต่อธุรกิจมากถึง 5,000 ล้านบาท
หลังจากนี้ KBTG ยังวางแผนที่จะนำ M.A.D. มาใช้เพิ่มผลิตภาพ โดยทั้งเป้าหมายที่ 100,000 Man Days เพื่อช่วยให้พนักงานทำงานได้เร็วขึ้น 2 เท่า ภายใน 3 ปี ขณะเดียวกัน บริษัทก็นำ AI มาใช้ยกระดับการทำทรานสฟอร์เมชันในทุกจุด ทุกส่วนงาน ทั้งการบริการลูกค้า การตลาด การบริหารความเสี่ยงด้านการลงทุน การจัดการด้านความมั่งคั่ง การจัดการองค์ความรู้ ฯลฯ เพื่อยกระดับชีวิตของผู้คนที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจอย่างรอบด้าน ไม่ว่าจะเป็นคู่ค้า พนักงาน ลูกค้า ผู้คนในประเทศและในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
จากการเข้ามาบริหารโดยคุณกระทิง จำนวนพนักงาน KBTG ในปี 2562 ที่มีอยู่ 1,110 คน ก็เพิ่มขึ้นเป็น 2,500 คน ในปี 2566 ด้วยยุทธศาสตร์ด้านการใช้เทคโนโลยีทรานสฟอร์มองค์กร, การพัฒนานวัตกรรมองค์กร ฯลฯ แม้มีจำนวนพนักงานเพิ่มขึ้นเกินเท่าตัว แต่พนักงานมีส่วนร่วมกับบริษัท (Employee Engagement) มากขึ้นถึง 20% อัตราการลาออกก็ลดลงเหลือ 7.5% ทั้งยังปรับรูปแบบการทำงานของพนักงาน 2,500 คน เป็น Work from Anywhere 100% นอกจากนี้ ผู้นำด้านเทคโนโลยี 4 คนของ KBTG ยังโดดเด่นและได้รับการยอมรับในระดับภูมิภาค อาทิ คุณวรนุช เดชะไกศยะ Executive Chairman, KBTG ที่ได้เป็นเบอร์ 1 ของ ASEAN CIO50
คุณกระทิงยังบอกเพิ่มอีกว่า บริษัทส่งเสริมให้พนักงานเรียนรู้และทดลองใช้เทคโนโลยี AI และมุ่งปลูกฝังให้ทุกคนมี AI Literacy หรือ ทักษะความเข้าใจและการนำเทคโนโลยี AI ไปใช้ให้เกิดประโยชน์อย่างรู้เท่าทัน ผ่านโปรเจกต์ 'AI for All'
"KBTG เป็นบริษัทที่ให้ความสำคัญเรื่อง Human-First คนที่อยู่เบื้องหลังเทคโนโลยีของ KBTG นั่นแหละสำคัญที่สุด เราจึงเทคแคร์พนักงานอย่างดีที่สุด เรื่อง 'คน' เราเอาจริงเอาจังมากๆ และรู้ว่า KBTG ไม่สามารถไปรอดได้ด้วยตัวเอง ดังนั้น ต่อไปเราจะส่งต่อความรู้และสร้าง AI Literacy ให้แก่คนไทย ประเทศไทย ด้วยโปรเจกต์ AI for All ที่จะพาเรารอดไปด้วยกัน"
ด้วยความใส่ใจในตัวพนักงาน ความโดดเด่นและการประสบผลสำเร็จในแง่มุมต่างๆ คุณกระทิงยังบอกอีกว่า จะทำให้ KBTG เป็นองค์กรที่ดึงดูดคนเก่งๆ (Talents) เข้ามาร่วมงาน และจะทำให้ KBTG เป็น Field of dreams หรือ สนามแห่งความฝัน ที่ Tech Talents ทั้งในประเทศไทยและในภูมิภาค หรือคนที่อยากเติบโตในสายงานด้านเทคโนโลยีสามารถมาสานฝันของตัวเองได้ที่ KBTG แห่งนี้
ดร.มนต์ชัย เลิศสุทธิวงค์ Principal Research Engineer, KBTG Labs กล่าวถึงการที่ KBTG เป็นบริษัทเทคโนโลยีใน Panel Session ‘Building a Sustainable and Thriving AI Ecosystem’ ในงานแถลงข่าว KBTG Vision: The Never-Ending Adventure ว่า เพื่อนำ AI และเทคโนโลยีอื่นๆ มาพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์ที่ก่อเกิดประโยชน์ต่อผู้คนและสามารถใช้งานได้จริง KBTG Labs จึงให้ความสำคัญ 4 ด้าน ดังนี้
ด้านแรก Multidisciplinery เนื่องจาก KBTG ไม่ได้มีความเชี่ยวชาญในทุกศาสตร์ด้านเทคโนโลยี บริษัทจึงเน้นรวมพลคนที่มีหลากหลายทักษะเข้ามาทำงานร่วมกัน ดังที่ทำงานร่วมกับ MIT Media Lab โดย KBTG เข้าไปเป็นสมาชิกของ MIT Media Lab เพื่อยกระดับงานวิจัยด้าน AI และให้คนที่มีทักษะด้าน AI จาก MIT มาร่วมทำงานวิจัย พัฒนาผลิตภัณฑ์ หรืออีกตัวอย่างคือ การให้คนที่มีความสามารถจาก Beacon Interface เข้ามาช่วยออกแบบและสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ๆ
ด้านที่สอง Transparency & Trust คือ การสร้าง AI ที่มีความโปร่งใสและเชื่อถือได้ (Transparency & Trust) ถูกต้องตามหลักเกณฑ์ต่างๆ และได้รับการยอมรับเป็นวงกว้าง
ด้านที่สาม Knowledge Transfer คือ การส่งต่อองค์ความรู้และพัฒนาความสามารถของคนในองค์กร เนื่องจากเทคโนโลยี AI มีพลวัตสูง KBTG Labs จึงต้องฝึกทักษะ เพิ่มความสามารถของบุคลากรภายในให้เข้าใจและทันต่อความเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยี
ด้านที่สี่ Compliance เนื่องจาก KBank เป็นธุรกิจธนาคาร KBTG Labs จึงต้องพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ถูกต้องตามกฎระเบียบต่างๆ และสามารถใช้งานได้จริง เช่น เทคโนโลยีการยืนยันตัวตนด้วยใบหน้าที่ต้องเก็บ Data และพัฒนาให้ระบบ e-KYC สามารถตรวจสอบได้ว่า ผู้ใช้นั้นใช้งานอยู่จริง
ในส่วนของ ดร.เจริญชัย บวรธรรมรัตน์ Senior Venture Director, KX องค์กรภายใต้ KBTG ที่มีบทบาทในการผลักดันนวัตกรรม (Venture Building) ในระบบนิเวศองค์กรสู่การเพิ่มมูลค่า และสร้างรายได้ทางธุรกิจ เช่น ผลิตภัณฑ์ AI ที่ KBTG Labs พัฒนาขึ้น ทาง KX ต้องนำมาสร้างแพลตฟอร์มหรือบริการ SaaS (Software-as-a-Service) ออกสู่ตลาดและตอบโจทย์ทางธุรกิจ โดยทาง KX จะพิจารณาทั้งเรื่องความปลอดภัย การให้บริการที่ถูกต้องตามหลักเกณฑ์ (Compliance) และได้ตามมาตรฐาน Financial Grade เช่น การพัฒนา API ให้พาร์ตเนอร์นำไปอินทิเกรตเพื่อใช้งานต่อได้
หากมองภาพใหญ่ KX มีภารกิจหลักในการ 1) ประเมินความเป็นไปได้และความเหมาะสมทางธุรกิจ (Business Feasibility) จากผลิตภัณฑ์ที่ KBTG Labs พัฒนาขึ้น 2) ผลักดันการเติบโตของธุรกิจออกสู่ตลาด (Growth to Market) 3) กำหนดราคา นำเสนอคุณค่าและความคุ้มค่าของสินค้าและบริการให้แก่ลูกค้า (Value Proposition) และ 4) สร้างทีมที่พัฒนาผลิตภัณฑ์ได้อย่างแข็งแกร่ง พร้อมกับช่วยยกระดับผลิตภัณฑ์ AI ให้ได้มาตรฐานสากล เช่น มาตรฐาน ISO ต่างๆ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้แก่พาร์ตเนอร์
ต่อด้วย คุณกัมปนาท วิมลโนท Managing Director, KXVC กองทุนซึ่งอยู่ภายใต้ KX ซึ่งเน้นการลงทุนในสตาร์ทอัพที่ใช้ AI และ Deep Tech เพื่อนำมาพัฒนานวัตกรรมหรือเทคโนโลยีที่มีอยู่ให้ดีขึ้น ช่วยให้บริษัทเข้าถึงเทรนด์ต่างๆ แบบอินไซด์ ทั้งยังร่วมสร้างการเติบโตกับสตาร์ทอัพโดยตรง หรือผนึกกำลังกับ VC ลงทุนในสตาร์ทอัพ ร่วมสนับสนุนการผลักดันเทคโนโลยีสู่มือของผู้ใช้งานในระดับแมส (Massive Adoption) ไปจนถึงการลงทุนในสตาร์ทอัพเพื่อสร้างธุรกิจใหม่ โดยใช้จุดแข็งด้านความพร้อมของ AI Ecosystem ในทุกภาคส่วนของ KBTG มาเป็นแม่เหล็กในการดึงดูดสตาร์ทอัพที่มีศักยภาพจากทั่วโลกเข้ามาในระบบนิเวศ AI และเสริมความแข็งแกร่งให้บริษัท
คุณกัมปนาทบอกด้วยว่า หลังจากเปิดกองทุนมาได้ 2 ปี ลงทุนในสตาร์ทอัพไปแล้ว 18 ราย รวมมูลค่าการลงทุนกว่า 1,000 ล้านบาท จากนั้นคาดการณ์ความเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยี AI ในอนาคตว่า
“หลังจากนี้ 5 ปี ผมว่าโลกจะเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง AI จากที่เห็นในวันนี้มันจะพัฒนาไปเร็วมากๆ แล้วก็จะเร็วกว่าที่เราคิดไว้เยอะ ในมุมที่ทุกคนสามารถฟีด Data เข้าไปแล้วมี Day Time มากขึ้น โมเดลเทรนโมเดลกันเอง การ Coding ก็ไม่เหมือนเดิม การทํางาน การพัฒนาเทคโนโลยีใดๆ ก็ตามมันจะเร็วขึ้นเป็น 10 เท่า 20 เท่า 30 เท่า ในอนาคต ผมคิดว่า AI จะช่วยแนะนำเราได้ว่า ควรสร้างเทคโนโลยีแบบไหนอีก และ KXVC ก็จะอยู่ใน Journey นี้ ช่วยทั้งด้าน Infrastructure Development แล้วก็ฝั่งที่เป็น Commercialization Development จนกว่าโลกจะไม่เหมือนเดิม”
อันที่จริง KBTG มีการใช้ AI มากกว่า 100 Use Cases แต่ ดร.ทัดพงศ์ พงศ์ถาวรกมล Managing Director, KBTG นำบาง Use Cases มาเล่าต่อ เพื่อแสดงให้เห็นว่า ทุกๆ Use Cases ที่บริษัทพัฒนาหรือร่วมพัฒนาขึ้นนั้นเกิดประโยชน์ต่อผู้คน ต่อองค์กรธุรกิจ และสามารถสร้างอิมแพ็กต่อสังคมได้มากขึ้นเรื่อยๆ นอกจากนี้ บางผลิตภัณฑ์ก็สามารถให้บริการในเชิงพาณิชย์ได้แล้ว เช่น
CAR AI - ผลิตภัณฑ์ที่ใช้ AI ตรวจสอบความเสียหายของรถ (Car Damage Assessment) พัฒนาโดยคนใน KBTG Labs และจากการใช้งานภายในองค์กรก็ขยายสู่การใช้งานในเชิงพาณิชย์แล้วเช่นกัน
Future You - ผลิตภัณฑ์ที่ KBTG ร่วมมือกับ MIT Media Lab พัฒนางานวิจัยขึ้น เพื่อให้ผู้ใช้งานสามารถพูดคุยกับตัวเองในโลกอนาคต
คู่คิด - AI Chatbot ที่ KBTG พัฒนาขึ้นโดย K-GPT เพื่อเป็นคู่คิด ตอบคำถาม และให้บริการต่างๆ แบบคอลล์เซ็นเตอร์
ดร.ทัดพงศ์อธิบายเพิ่มว่า FinLearn เกิดจากความร่วมมือด้าน AI ที่ KBTG Labs ร่วมกับสถาบันชั้นนําอย่าง MIT Media Lab พัฒนาขึ้นมาได้ 2 ปี โดยในฝั่งของ MIT มีความโดดเด่นในเรื่องของ การนำ AI มาช่วยให้มนุษย์พัฒนาตัวเองให้ดีขึ้น หรือสามารถจะบรรลุเป้าหมายชีวิตได้
“ประการแรกเลย MIT เห็นว่า LLM (Large Language Model) หรือ Gen AI เทคโนโลยีเบื้องหลัง Virtual Human มันก้าวไปได้ไกลได้มาก โดยเฉพาะ Gen AI ที่พัฒนาให้ฉลาดขึ้นได้มากๆ อย่างที่สอง MIT มองว่า คนเรียนรู้จาก AI ได้ และ AI สร้างผลประโยชน์ดีๆ ได้หลายอย่าง เช่น ถ้าทํา Avatar ให้เป็นคนที่เขาชื่นชอบ เขาก็จะมี Positive Experience ในเรื่องของการเรียนได้ ตรงนี้มันประจวบเหมาะกับภารกิจของ KBTG ในเรื่องนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยคนไทยดูแลอนาคตทางการเงิน (Financial Empowerment) เพราะตอนนี้หนึ่งในปัญหาของสังคมไทยก็คือ ขาดความรู้เรื่องของการออม เราจึงเห็นว่า ควรปลูกฝังความรู้ในด้านการออมให้เหมาะกับคนทุกยุคทุกวัย โดยเฉพาะเด็กๆ ที่อาจจะเลือกสร้าง Avatar ไม่เหมือนคน หรือถ้าเป็นผู้ใหญ่ อาจสร้าง Persona โดยให้อินฟลูเอนเซอร์ที่ชื่นชอบมาเป็น Avatar ช่วยสอน”
ด้วยมายด์เซ็ตของ KBTG Labs ที่คล้ายกับ MIT Media Lab คือ เชื่อในเรื่องการพัฒนา เทคโนโลยีเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิต (Tech for People) จึงนำมาสู่การพัฒนา FinLearn ร่วมกัน
“เรานำมุมมองของ MIT มาประกอบกับของ KBTG กลายเป็น FinLearn คือการนำเอา Gen AI เข้ามาสร้าง Virtual Assistant หรือ Virtual Coach เพื่อช่วยสร้างนิสัยที่ดีในเรื่องของการออมเงินและทําให้คนมีสุขภาวะทางการเงินที่ดี (Financial Well-being) ในอนาคตได้ ซึ่งในปีที่แล้ว เรามีเวอร์ชั่นก่อนหน้าเป็น คู่คิด ทำเป็นตัวเล็กๆ ก่อน แล้วเราก็พัฒนาให้มันดีขึ้นจนกลายมาเป็น FinLearn ในเฟสปัจจุบัน ซึ่งนอกจากใช้เทคโนโลยี LLM เรายังใส่ Know how ด้านการเงินของธนาคารซึ่งมี Use Cases หลากหลายเข้าไป แล้วแบ็กด้วย Gen AI ที่มีปฏิสัมพันธ์ (Interactive) กับผู้ใช้งานได้ แต่ตอนนี้มันยังเป็น Prototype ก็คิดว่าจะต่อยอดจนสุดท้ายทำเป็นโปรดักต์ที่ Apply ให้เข้ากับคนไทยได้จริง”
ความก้าวหน้าของเทคโนโลยี AI ที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว จึงสร้างความท้าทายทั้งสำหรับองค์กรและคนทำงานด้านเทคโนโลยี แม้แต่ ดร.ทัดพงศ์ที่คลุกคลีอยู่กับ Deep Tech เองยังกล่าวทิ้งท้ายว่า
“สิ่งที่เราไม่รู้หรือ Unknown ยังมีอีกมาก แต่ผมว่าในปัจจุบันมีความท้าทายใหญ่ๆ เกิดขึ้นเยอะ แล้วมันสะท้อนจากต่างประเทศกลับมายังประเทศไทย เราจึงต้อง Stay up to date แล้วก็ต้องยอมรับว่า มีบางอย่างที่เราไม่รู้ แต่ด้วยข้อมูลที่เรามี เราทําอะไรได้บ้าง รู้แล้วก็ไม่รอช้าที่จะตัดสินใจทำ เพราะถ้าเกิดเราบอกว่าไม่รู้แล้วเราไม่ทําอะไรเลย ก็จะยิ่งไม่รู้ไปกันใหญ่” ดร.ทัดพงศ์ย้ำถึงความสำคัญของการมีมายด์เซ็ตที่เปิดรับการเรียนรู้อยู่เสมอ โดยเฉพาะเรื่อง AI ไม่ว่าเทคโนโลยีจะพัฒนาไปมากเพียงใดก็ตาม
....................................................................
บทความนี้เป็น Advertorial
#KBTGVision #KBTGInnovation #BeyondAI #BeyondBanking #AI #MAD #KBTGTransformation #KBTGRegional #KBTGAIFirst #KBTGHumanFirst #AIFirst #HumanFirst
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด