ทะลุมิติ! นักฟิสิกส์ Oxford ส่งข้อมูลควอนตัมข้ามเครื่องคอมพิวเตอร์สำเร็จ จุดเริ่มต้นของ "อินเทอร์เน็ตควอนตัม"

quantum supercomputersDougal Main และ Beth Nichol กำลังทำงานกับคอมพิวเตอร์ควอนตัมแบบกระจาย (Credit: John Cairns / มหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด)

เรื่องราวที่เคยเห็นแต่ในหนังได้กลายเป็นความจริงแล้วในห้องแล็บที่มหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด เมื่อนักวิทยาศาสตร์สามารถทำให้ควอนตัมคอมพิวเตอร์สองเครื่องที่ตั้งอยู่ห่างกัน สามารถทำงานร่วมกันได้เสมือนเป็นเครื่องเดียวกัน! แต่ที่น่าทึ่งกว่านั้นคือคอมพิวเตอร์ไม่ได้เชื่อมต่อกันด้วยสายไฟ แต่เป็นการเชื่อมต่อกันผ่านอนุภาคของแสง ก่อเกิดเป็นสุดยอดคอมพิวเตอร์ควอนตัมแบบไฮบริดขึ้นมา

การทดลองครั้งนี้ถือเป็นประวัติศาสตร์หน้าใหม่ เพราะเป็นครั้งแรกที่มีการรันอัลกอริทึมควอนตัมเต็มรูปแบบข้ามโมดูลที่อยู่ห่างกัน โดยใช้กระบวนการที่เรียกว่า “การเทเลพอร์ตเกตควอนตัม” (Quantum Gate Teleportation)

ความสำเร็จครั้งนี้อาจพลิกโฉมวงการคอมพิวเตอร์ไปตลอดกาล เพราะแทนที่เราจะต้องสร้างควอนตัมคอมพิวเตอร์ขนาดยักษ์ที่อัดแน่นไปด้วย "คิวบิต" (Qubit) ที่เปราะบางนับล้านๆ ตัว แต่ตอนนี้นักวิทยาศาสตร์สามารถเชื่อมต่อหน่วยประมวลผลควอนตัมขนาดเล็กเข้าด้วยกันผ่านโฟตอน (Photon) หรืออนุภาคแสงได้แล้ว กลยุทธ์นี้ทำให้ความฝันที่จะสร้างควอนตัมคอมพิวเตอร์ที่ขยายขนาดได้จริง ดูใกล้ความเป็นจริงขึ้นมาทันที

ทำไมการเชื่อมต่อควอนตัมคอมพิวเตอร์จึงสำคัญ?

ควอนตัมคอมพิวเตอร์ (Quantum Computer) ไม่เหมือนคอมพิวเตอร์ที่คุณใช้ในชีวิตประจำวัน แทนที่จะประมวลผลข้อมูลด้วย "บิต" ที่เป็นได้แค่ 0 หรือ 1 แต่ควอนตัมคอมพิวเตอร์ใช้ "คิวบิต" ซึ่งสามารถเป็นได้ทั้ง 0 และ 1 ในเวลาเดียวกัน ด้วยคุณสมบัตินี้ทำให้มันสามารถคำนวณปัญหาที่ซับซ้อนมหาศาลได้เร็วกว่าซูเปอร์คอมพิวเตอร์ที่ทรงพลังที่สุดในปัจจุบันหลายล้านเท่า ไม่ว่าจะเป็นการออกแบบยารักษาโรคใหม่ๆ การถอดรหัสที่ซับซ้อน หรือการจำลองระบบโมเลกุลที่ซับซ้อนเกินกว่าจะจินตนาการ

แต่ปัญหาใหญ่คือ การควบคุมคิวบิตจำนวนมากในเครื่องเดียวเป็นเรื่องที่ยาก ยิ่งอัดคิวบิตเข้าไปมากเท่าไรก็จะยิ่งเกิดสัญญาณรบกวนและความไม่เสถียรมากขึ้นเท่านั้น

ดังนั้น แนวคิด "คอมพิวเตอร์ควอนตัมแบบกระจายศูนย์" (Distributed Quantum Computing - DQC) จึงเกิดขึ้นมาเพื่อแก้ปัญหานี้ โดยเป็นการแบ่งงานให้หน่วยประมวลผลเล็กๆ หลายๆ ตัวช่วยกันทำ แล้วใช้ "โฟตอน" เป็นตัวส่งข้อมูลควอนตัมระหว่างกัน ในทางทฤษฎี เราสามารถเชื่อมต่อโมดูลเหล่านี้เข้าด้วยกันได้ไม่จำกัด เพื่อสร้างเครือข่ายคอมพิวเตอร์ควอนตัมที่ทำงานประสานกันเป็นหนึ่งเดียว

เจาะลึกเบื้องหลังการทดลอง

ในการทดลองของออกซ์ฟอร์ด พวกเขามีควอนตัมคอมพิวเตอร์สองโมดูลชื่อเล่นว่า "อลิซ" (Alice) และ "บ็อบ" (Bob) ตั้งอยู่ห่างกันประมาณ 2 เมตร แต่ละโมดูลประกอบด้วยไอออน 2 ชนิดที่ถูกขังไว้ในสนามไฟฟ้า ได้แก่:

  1. สตรอนเชียมไอออน (88Sr+): ทำหน้าที่เป็น "คิวบิตเครือข่าย" สำหรับส่งและรับโฟตอน
  2. แคลเซียมไอออน (43Ca+): ทำหน้าที่เป็น "คิวบิตประมวลผล" สำหรับเก็บและคำนวณข้อมูลควอนตัม

ทั้งสองโมดูลนี้ถูกเชื่อมเข้าด้วยกันเมื่อแต่ละฝ่ายปล่อยโฟตอนออกมา และโฟตอนทั้งสองก็เดินทางไปเจอกันที่อุปกรณ์กลางที่เรียกว่า "เครื่องวิเคราะห์สถานะเบลล์" (Bell-state analyzer) อุปกรณ์นี้ทำให้โฟตอนทั้งสองเกิด "การพัวพันเชิงควอนตัม" (Quantum Entanglement) ซึ่งเป็นการสร้าง "สะพานควอนตัม" ที่เชื่อมคิวบิตของอลิซและบ็อบเข้าด้วยกันในทันที

เมื่อสะพานนี้ถูกสร้างขึ้น การดำเนินการทางควอนตัมที่เรียกว่า Controlled-Z (CZ) gate ก็ถูก "เทเลพอร์ต" ข้ามไปยังคิวบิตประมวลผลของทั้งสองฝั่ง

สิ่งที่ต้องเน้นย้ำคือ ไม่มีอะไรเคลื่อนที่จริงๆ ระหว่างอลิซและบ็อบ แต่มันคือการส่งต่อ "สถานะควอนตัม" ผ่านการพัวพันในชั่วพริบตา โดยค่าความแม่นยำ (Fidelity) ของการเทเลพอร์ตเกตนี้สูงถึง 86.2% และที่น่าทึ่งกว่าคือความแม่นยำของการสร้างการพัวพันเองนั้นสูงเกือบ 97% ซึ่งแสดงให้เห็นว่ากระบวนการนี้เชื่อถือได้มาก

ไม่ใช่แค่ครั้งเดียว แต่คือการคำนวณจริง

การเทเลพอร์ตเกตแค่ครั้งเดียวยังไม่พอสำหรับการคำนวณที่ซับซ้อน ทีมนักวิจัยจึงทำการเทเลพอร์ตต่อเนื่องหลายรอบเพื่อรันอัลกอริทึมที่ซับซ้อนขึ้น เช่น Grover's search algorithm ซึ่งเป็นบททดสอบสุดคลาสสิกของวงการควอนตัม ที่ใช้ค้นหาสิ่งของหนึ่งชิ้นจากรายการที่ไม่เรียงลำดับได้เร็วกว่าคอมพิวเตอร์ทั่วไปอย่างมหาศาล

หลังจากรันการทดลองหลายร้อยครั้ง คอมพิวเตอร์ของอลิซและบ็อบก็สามารถหาคำตอบที่ถูกต้องได้ประมาณ 71% ของทั้งหมด แม้จะไม่สมบูรณ์แบบ 100% แต่นี่คือครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่มีการรันอัลกอริทึมควอนตัมแบบกระจายศูนย์สำเร็จบนโมดูลที่แยกจากกัน

ก้าวต่อไปสู่อินเทอร์เน็ตควอนตัม และอนาคตที่ไร้ขีดจำกัด 

ผลลัพธ์จากออกซ์ฟอร์ดครั้งนี้ไม่ได้แค่ปูทางไปสู่ควอนตัมคอมพิวเตอร์ที่ทรงพลังขึ้นเท่านั้น แต่ยังเป็นรากฐานสำคัญของสิ่งที่เรียกว่า "อินเทอร์เน็ตควอนตัม" (Quantum Internet)

เราอาจได้เห็นเครือข่ายที่คอมพิวเตอร์ควอนตัมทั่วโลกสามารถแลกเปลี่ยนข้อมูลกันได้อย่างปลอดภัยและทันทีผ่านการพัวพันเชิงควอนตัม ซึ่งแตกต่างจากอินเทอร์เน็ตในปัจจุบันที่สามารถถูกดักฟังหรือแฮกได้ โดยข้อมูลที่ส่งผ่านเครือข่ายควอนตัมนั้นจะมีความปลอดภัยโดยธรรมชาติ เพราะหากเกิดความพยายามในการแอบดูข้อมูลก็จะเกิดการทำลายสถานะควอนตัมของมันทันที ทำให้เจ้าของข้อมูลรู้ตัวได้ในพริบตา

ความสำเร็จนี้สามารถส่งผลกระทบต่อธุรกิจในวงกว้าง ตัวอย่างเช่น:

  • การสื่อสารที่ปลอดภัยสูงสุด: สามารถสร้างระบบสื่อสารที่ไม่มีใครสามารถแฮกได้
  • การค้นคว้ายาและวัสดุใหม่: สามารถจำลองโมเลกุลที่ซับซ้อนเพื่อเร่งการพัฒนายาหรือวัสดุศาสตร์ล้ำยุค
  • ปัญญาประดิษฐ์ (AI): สามารถพัฒนา AI ให้ก้าวกระโดดไปอีกระดับ
  • การสร้างแบบจำลองที่ซับซ้อน: สามารถทำความเข้าใจระบบขนาดใหญ่ เช่น การเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศหรือตลาดการเงินได้อย่างแม่นยำ

สิ่งที่ทำให้แนวทางนี้เปลี่ยนโลกคือ ความสามารถในการขยายขนาด (Scalability) ช่วยให้เราสามารถสร้าง "เมือง" หรือเครือข่ายขนาดใหญ่ ที่ประกอบด้วย "อาคาร" หรือโมดูลควอนตัมขนาดเล็กที่แข็งแรงและเชื่อมต่อถึงกันได้ ซึ่งเป็นแนวทางที่ยืดหยุ่นและคุ้มค่ามาก แทนที่จะต้องทุ่มสร้าง “ตึกสูง” หรือควอนตัมเครื่องเดียวขนาดใหญ่ที่เปราะบางและราคาแพงมหาศาล

การค้นพบของทีมออกซ์ฟอร์ดเป็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ ที่ชี้ให้เห็นอนาคตที่มนุษยชาติจะสามารถประมวลผลและแบ่งปันข้อมูลได้ด้วยความเร็วแสงอย่างแท้จริง

ที่มา: thebrighterside.news

ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด

No comment

RELATED ARTICLE

Responsive image

ทำไมองค์กรทุ่มงบให้ AI แต่ยังไม่เห็นผลจริง ? เปิดมุมมองกับ ABeam Consulting ผู้คลุกคลีกับ Data & AI ขององค์กรไทย

ทำไมทุ่มงบ AI แต่ไม่เห็นผล? เจาะลึกมุมมองจาก ABeam Consulting ถึงสาเหตุที่แท้จริง ตั้งแต่ปัญหาข้อมูลใช้ไม่ได้ จนถึงวัฒนธรรมองค์กร พร้อมแนวทางปรับตัวให้ AI ใช้งานได้จริงในปี 2025...

Responsive image

ส่องเทรนด์ AI ปี 2026 เมื่อเทคโนโลยีเป็น 'คู่คิด' แต่ความเร็วอาจเป็น 'กับดัก'

ปี 2025 AI ได้กลายเป็นเครื่องมือของคนทำงานไปแล้ว และในปี 2026 กำลังจะเป็นอีกก้าวสำคัญ เพราะ AI จะไม่ได้แค่ช่วยให้ทำงานเร็วขึ้น แต่จะเริ่มเข้ามามีบทบาทในการตัดสินใจมากขึ้นเรื่อย ๆ...

Responsive image

Nvidia ทุ่ม 2 หมื่นล้านดอลลาร์เข้าซื้อเทคและทีม Groq สตาร์ทอัพชิป LPU หวังตัดคู่แข่งและเดินเกมคุมโครงสร้างพื้นฐานโลก AI

Nvidia เดินหมากใหญ่ด้วยดีลมูลค่า 20,000 ล้านดอลลาร์ กับ Groq สตาร์ทอัพชิป LPU โดยไม่ซื้อกิจการ แต่เลือกถือสิทธิเทคโนโลยีและดึงทีมแกนหลักเข้าร่วมทัพ เพื่อเร่งครองเกม AI Inference แล...