
ในโลกธุรกิจที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูล (Data-Driven World) การเข้าถึงข้อมูลมหาศาลไม่ได้เป็นเครื่องการันตีความสำเร็จอีกต่อไป แต่กุญแจสำคัญกลับอยู่ที่ความสามารถในการเชื่อมโยงข้อมูลที่กระจัดกระจาย (Siloed Data) เพื่อสร้างความเข้าใจในบริบทของลูกค้าได้อย่างลึกซึ้งและสมบูรณ์แบบ นี่คือหัวใจสำคัญของเวทีเสวนา "Singularity Insights: The Power of Context Clarity" ที่ได้รวบรวมผู้บริหารจาก 4 องค์กรชั้นนำของประเทศไทย ได้แก่ คุณฌอน หวอง และ คุณวรวรรณ เพียรลิขิตวงศ์ จาก CP Axtra, คุณตฤณ สิทธิอนันต์วงศ์ จาก True Corporation และ คุณเรือรบ ติยะชาติ จากเมืองไทยประกันชีวิต เพื่อร่วมกันถอดรหัสถึงพลังของข้อมูลที่สามารถเปลี่ยนมุมมองและสร้างการเติบโตให้ธุรกิจได้อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ภายในงาน EGG Digital Nexus 2025: The Fusion Frontier
ผู้ร่วมเสวนาทุกท่านต่างสะท้อนถึงความท้าทายร่วมกัน นั่นคือการมีข้อมูลในมือจำนวนมาก แต่กลับมองเห็นภาพลูกค้าเพียงด้านเดียว ทำให้การตัดสินใจทางธุรกิจขาดความเฉียบคม
คุณวรวรรณ เพียรลิขิตวงศ์ จาก CP Axtra เล่าถึงความท้าทายของธุรกิจค้าปลีกได้อย่างชัดเจนว่า
เรามีข้อมูล Transaction เยอะมาก เรารู้ว่าลูกค้าซื้อ อะไร (What) ซื้อที่ไหน ซื้อเมื่อไหร่ และบ่อยแค่ไหน แต่ปัญหาคือ เราไม่รู้ว่า ทำไม (Why) เขาถึงตัดสินใจเช่นนั้น
ชีวิตของลูกค้าไม่ได้สิ้นสุดลงที่หน้าแคชเชียร์ แต่ยังมีบริบทอื่น ๆ อีกมากมายนอกร้าน ทั้งไลฟ์สไตล์, ความสนใจ, หรือพฤติกรรมการใช้ชีวิต ที่เป็นปัจจัยสำคัญในการตัดสินใจ การเห็นข้อมูลแค่เพียงมิติเดียวจึงไม่เพียงพอที่จะสร้างความเข้าใจที่แท้จริงได้
คุณเรือรบ ติยะชาติ จากเมืองไทยประกันชีวิต เสริมในมุมของธุรกิจประกันว่า ข้อมูลส่วนใหญ่มักเป็นผลลัพธ์ (Outcome) เช่น การเคลมประกัน หรือการซื้อกรมธรรม์ แต่กลับขาดข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับพฤติกรรมหรือสาเหตุที่นำไปสู่ผลลัพธ์นั้น 'เหตุและผลของคนที่จะเปลี่ยนใจมันมีเยอะมาก' คุณเรือรบกล่าว พร้อมชี้ว่าการแบ่งกลุ่มลูกค้า (Segmentation) แบบดั้งเดิมนั้นมีขีดจำกัด ไม่สามารถทำความเข้าใจความซับซ้อนของมนุษย์ได้ทั้งหมด
ขณะที่ คุณฌอน หวอง จาก CP Axtra ยกตัวอย่างธุรกิจ B2B ที่มีความซับซ้อนสูง เช่น ร้านค้าส่ง (โชห่วย) และกลุ่มโรงแรม-ร้านอาหาร (HORECA) การมองข้อมูลผิวเผินเป็นเรื่องอันตราย เพราะร้านโชห่ว่ยนับพันร้านล้วนมีบริบทที่แตกต่างกัน ทั้งตำแหน่งที่ตั้ง (ใกล้โรงเรียน, วัด, หรือโรงงาน), ประเภทอาหารที่ขายดีในพื้นที่, หรือแม้แต่ขนาดของร้าน การทำการตลาดโดยปราศจากความเข้าใจในบริบทเชิงลึกเหล่านี้ ก็เปรียบเสมือนการยิงปืนลูกซอง (Shotgun Approach) ที่ไร้ทิศทางและสิ้นเปลืองงบประมาณ
เมื่อข้อมูลจากแหล่งเดียวไม่เพียงพอ ทางออกคือการนำ 'Singularity Insights' หรือข้อมูลเชิงลึกที่เกิดจากการเชื่อมโยงข้อมูลจากหลากหลายแหล่งมาใช้ เพื่อสร้างภาพลูกค้าที่สมบูรณ์แบบ 360 องศา โดยมีข้อมูลจากผู้ให้บริการโทรคมนาคม (Telco Data) เป็นจิ๊กซอว์ชิ้นสำคัญ
คุณตฤณ สิทธิอนันต์วงศ์ จาก True ได้อธิบายถึงข้อมูลอันเป็นเอกลักษณ์ของ Telco ที่สามารถเติมเต็มภาพของลูกค้าได้อย่างมหาศาล
การผนวกรวมข้อมูลเหล่านี้สร้างความเข้าใจใหม่ที่น่าทึ่ง คุณวรวรรณ ยกตัวอย่างลูกค้าที่ซื้อ ชุดทำชาบูที่โลตัส หากมองแค่ข้อมูลการซื้อ อาจสรุปว่าเป็นสายทำอาหาร แต่เมื่อนำข้อมูล Telco มาวิเคราะห์ พบว่าลูกค้าคนเดียวกันนี้ไปวิ่งที่สวนลุมพินีทุกเช้า และใช้เวลาดูคอนเทนต์เกี่ยวกับสุขภาพบน TrueID ทำให้เกิด Insight ใหม่ว่า แท้จริงแล้วเขาคือสายสุขภาพ (Health-Conscious) ที่เลือกทำชาบูกินเองเพื่อควบคุมคุณภาพอาหาร

จากการผสมผสานข้อมูลนี้เอง ทำให้เกิดการสร้าง Segmentation รูปแบบใหม่ที่เรียกว่า 'Gen Strong' ซึ่งไม่ได้แบ่งกลุ่มตามอายุหรือเพศแบบเดิมๆ แต่แบ่งตามพฤติกรรมและไลฟ์สไตล์ โดยมีลักษณะเด่นคือ
ที่น่าสนใจคือ Gen Strong ไม่ได้จำกัดอยู่แค่คนรุ่นใดรุ่นหนึ่ง แต่สามารถเป็นได้ทั้ง Gen Z, Gen X, หรือ Gen Y และยังสามารถแบ่งย่อยได้อีกถึง '50 Shades of Gen Strong' เช่น Single Glam (กลุ่มคนโสดในเมืองที่รักกิจกรรมสังคมและมีกำลังซื้อสูง) หรือ 'Silver Strong' (กลุ่มผู้สูงวัยที่ยัง Active ในโลกโซเชียลและพร้อมจ่ายเพื่อสุขภาพ) ซึ่งทำให้การเข้าถึงลูกค้ามีความเฉพาะเจาะจงและแม่นยำอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน

เมื่อมีความเข้าใจลูกค้าที่สมบูรณ์ขึ้น ธุรกิจสามารถนำข้อมูลเหล่านี้ไปประยุกต์ใช้เพื่อสร้างผลกระทบได้จริง
ในบทสรุปสุดท้าย ผู้ร่วมเสวนาทุกท่านเห็นตรงกันว่าการจะขยายผลกระทบของ Singularity Insights ให้ครอบคลุมลูกค้าจำนวนมหาศาลนั้น จำเป็นต้องอาศัยเทคโนโลยี AI
คุณวรวรรณ กล่าวถึงเป้าหมายสูงสุดคือการไปให้ถึง "Segment of One" หรือการทำการตลาดแบบรายบุคคลอย่างแท้จริง ซึ่ง AI จะเข้ามาช่วยวิเคราะห์และนำเสนอสิ่งที่เหมาะสมกับลูกค้าแต่ละคนใน "Micro-Moments" หรือช่วงเวลาและสถานการณ์ที่สำคัญที่สุด ซึ่งจะนำไปสู่:
คุณเรือรบ ตอกย้ำว่า AI คือเครื่องมือเดียวที่จะสามารถประมวลผลข้อมูลนับพันมิติของลูกค้าแต่ละราย และแปลงมันออกมาเป็นการสื่อสารที่มีความหมาย (Meaningful Conversation) ได้ภายในเสี้ยววินาที
ท้ายที่สุด คุณตฤณ ได้กล่าวถึงขนาดของฐานข้อมูลที่เมื่อรวมกันแล้วมีมากกว่า 70 ล้านราย ซึ่งเป็นโอกาสทางธุรกิจที่ไร้ขีดจำกัด (Endless Possibilities) สำหรับทุกธุรกิจที่ต้องการจะเข้ามาใช้ประโยชน์จากข้อมูลเชิงลึกเหล่านี้ เพื่อสร้างกลยุทธ์ที่ตอบโจทย์ลูกค้าได้อย่างที่ไม่เคยทำได้มาก่อน
Session นี้ได้มอบบทสรุปที่ชัดเจนว่า ในโลกที่หมุนเร็วและท้าทาย การมีข้อมูลที่สมบูรณ์และเข้าใจในบริบทที่ถูกต้อง ผ่านการใช้ Singularity Insights และพลังของ AI คือแต้มต่อสำคัญที่จะช่วยให้ธุรกิจไม่เพียงแค่ตามทันแต่สามารถก้าวนำการแข่งขันและเติบโตได้อย่างยั่งยืนในยุคแห่ง Hyper-Personalization
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด