เมื่อคนทั่วไปหันมาทำสตาร์ทอัป แรกเริ่มพวกเขาจะโฟกัสไปที่การสร้างโปรดักต์ ความต้องการของตลาด หรือเรื่องเงินๆ ทองๆ เมื่อมีการขยายทีมงาน ก็มีอีกหลายๆ เรื่องที่จะต้องให้ความสำคัญ โดยเฉพาะอย่างการสื่อสารกลยุทธ์ขององค์กร และวิสัยทัศน์ที่มีต่อผลิตภัณฑ์ เพราะมันคือเคล็ดลับความสำเร็จของสตาร์ทอัปหลายๆ ราย

ยกตัวอย่างง่ายๆ สิ่งที่ทุกคนในองค์กร (รวมทั้งผู้บริหารและเวนเดอร์สำคัญๆ) ควรมีร่วมกัน ได้แก่

• มีความเข้าใจอย่างลึกซึ้งเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์
• รู้ว่าในอีก 18 เดือนข้างหน้ากลยุทธ์ของผลิตภัณฑ์จะเป็นอย่างไร
• รู้ว่าในอีก 18 เดือนข้างหน้า กลยุทธ์ขององค์กรจะเป็นอย่างไร

กลยุทธ์จะต้องชัดเจนมาก และทุกคนจำเป็นที่จะต้องเข้าใจมันอย่างลึกซึ้ง โดยที่ไม่จำเป็นที่จะต้องถูกบ่มเพาะมาแล้วหลายตลบ มันสามารถเปลี่ยนแปลงได้ แต่แก่นสารสาระสำคัญจะต้องเป็นสิ่งที่ทุกคนเข้าใจตรงกัน มีจุดยืนเดียวกัน และยึดมันไว้เป็นกลยุทธ์หลักในปัจจุบันของบริษัท

ถ้ากลยุทธ์เปลี่ยน (มันเกิดขึ้นบ่อยๆ แน่นอนสำหรับธุรกิจสตาร์ทอัป) ทุกคนก็จะต้องเห็นดีเห็นงามกับความเปลี่ยนแปลงนั้นอย่างเข้าอกเข้าใจ รวมไปถึงรับรู้ความสำคัญของมัน

ถ้ากลยุทธ์ไม่ชัดเจน มันคือหน้าที่ของผู้บริหารระดับสูง หรืออาจจะเป็น CEO ของสตาร์ทอัปนั้นๆ ในกรณีที่มีคนเพียงไม่กี่คนเข้าใจกลยุทธ์ขององค์กร นั่นแปลว่าผู้บริหารจะต้องลงมือจัดการเองทุกอย่าง สถานการณ์ของสตาร์ทอัปรายนั้นก็จะกลายเป็นการจ้างคนเก่งๆ เข้ามาทำงานอย่างไร้ทิศทางเพราะไม่มีกลยุทธ์ที่ชัดเจน ความสามารถของคนเหล่านั้นก็จะสูญเปล่า เพราะไม่ได้ถูกนำมาใช้ในการผลักดันองค์กร

ในกรณีที่เลวร้ายที่สุด และมีโอกาสที่จะเกิดขึ้นกับองค์กรใหญ่ๆ คือ ผู้บริหารระดับสูงหลายคนมีความเห็นเกี่ยวกับกลยุทธ์ต่างกัน ซึ่งมันก็จะกลายเป็นว่าองค์กรนั้นกำลังพยายามไขว่คว้า 2 เป้าหมายที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง

สรุปง่ายๆ คือ เรือจะไปได้เร็วขึ้นก็ต่อเมื่อฝีพายทุกคนพายไปในทิศทางเดียวกัน

ที่มา : Inc