Waste to Energy หรือ การผลิตพลังงานจากขยะ หนึ่งในแนวคิดของการกำจัดขยะที่กำลังได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก จากปัญหาขยะล้นเมืองที่เกิดขึ้นทำให้ทุกคนหันให้ความสำคัญ และมองว่าเป็นสิ่งที่ควรได้รับการแก้ไขอย่างเร่งด่วน โดยข้อมูลจากกรมควบคุมมลพิษระบุว่า ปี 2560 ประเทศไทยมีสถานการณ์ปริมาณขยะมูลฝอยชุมชนที่เกิดขึ้นประมาณ 75,000 ตัน/วัน และคาดว่าปริมาณขยะมูลฝอยชุมชนจะมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นในทุก ๆ ปี
เมื่อเป็นเช่นนี้ปลายทางของขยะที่ถูกกำจัดโดยการเทลงหลุมฝังกลบ (Landfill) จึงไม่ได้เป็น Solution ที่ตอบโจทย์อีกต่อไป ดังนั้นอีกหนึ่งทางเลือกในการกำจัดขยะ คือ การนำแนวคิด Circular Economy หรือระบบเศรษฐกิจหมุนเวียนเข้ามาใช้ โดยการให้ความสำคัญกับการใช้ทรัพยากรที่มีอยู่ให้มีประสิทธิภาพมากที่สุด เพื่อที่จะนำมาซึ่งความยั่งยืนในอนาคต ด้วยการใช้นวัตกรรมและเทคโนโลยีเข้ามาเป็นส่วนช่วยผลักดัน จึงทำให้มีการนำขยะหมุนเวียนมาใช้เป็นเชื้อเพลิงในการผลิตพลังงานไฟฟ้า จึงได้เกิดขึ้นเป็น ‘โรงไฟฟ้าพลังงานขยะ’ ซึ่งจะเห็นได้ว่าในระยะหลังประเทศไทยได้มีการกระตุ้นเรื่องดังกล่าวให้ได้รับการผลักดันให้เป็นหนึ่งในแผนพัฒนาพลังงานทดแทนและพลังงานทางเลือก พ.ศ. 2558 -2579 ด้วย
โดยหนึ่งในกรณีศึกษาที่น่าสนใจในการสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานขยะที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ไม่มีมลพิษที่ส่งผลกระทบต่อชุมชน คือ โครงการโรงไฟฟ้าขยะชุมชน (VSPP-MSW) จังหวัดขอนแก่น ซึ่งอยู่ภายใต้การดำเนินงานโดยบริษัท แอ๊บโซลูท คลีน เอ็นเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) หรือ ACE โดย ‘ธีรวุฒิ ทรงเมตตา’ ประธานเจ้าหน้าที่กลุ่มงานเทคโนโลยีและนวัตกรรม หนึ่งในผู้มีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนได้เล่าถึงที่มาที่ไปในการลงทุนโครงการดังกล่าวกับ Techsauce ว่า
แนวคิดของโครงการนี้เริ่มต้นจากการที่เราพบปัญหาของการกำจัดขยะในเมืองไทยอยู่แล้ว ว่าการกำจัดโดยใช้หลุมฝังกลบส่วนใหญ่ไม่ได้มาตรฐาน ซึ่งทำให้มีมลพิษในรูปแบบของ ‘น้ำชะขยะ’ ที่เกิดจากการทับถมและหมักหมมของขยะไหลลงสู่ชั้นใต้ดิน และท้ายที่สุดก็จะไปปะปนกับน้ำบาดาลที่ประชาชนนำไปใช้ในครัวเรือนต่อไป ดังนั้นจึงได้มีการไปศึกษาเพื่อหา Solution ที่จะมาตอบโจทย์ตรงนี้ได้ โดยการไปสำรวจวิธีการสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานขยะในหลาย ๆ ประเทศ และนำมาปรับใช้ให้เหมาะสมกับการแก้ปัญหาในประเทศไทยมากที่สุด
และในขณะเดียวกันจังหวัดขอนแก่น เป็นเมืองที่มีการกระตุ้นด้าน Smart City และมีนโยบายที่พร้อมจะตอบรับต่อนวัตกรรมใหม่ ๆ ที่จะเป็น Solution ที่จะช่วยแก้ปัญหาสังคมในระยะยาวได้ ดังนั้นเขาจึงมองเห็นว่าโรงไฟฟ้าขยะเป็น Solution ที่สร้างความยั่งยืนได้ จึงได้ได้เปิดให้เอกชนเข้ามาช่วยลงทุนในโครงการดังกล่าว ซึ่งก็สอดคล้องกับวิสัยทัศน์ในการดำเนินงานของ ACE ที่มุ่งเน้นในด้านพลังงานสะอาดด้วยเช่นกัน
ประกอบกับเรามีธุรกิจหลักที่เป็นโรงไฟฟ้าชีวมวลอยู่แล้ว ซึ่งกระบวนการผลิตพลังงานมีลักษณะที่เป็นไปในแนวทางเดียวกัน คือ การเผาเชื้อเพลิงที่มีความชื้นเหมือนกัน แต่การเผาขยะจะเป็นมีความชื้นสูงกว่าชีวมวลไปอีกขั้น ซึ่งก็เป็นความท้าทายสูงในการทำตรงนี้ขึ้นมา แต่เรามองว่าถ้าสามารถทำได้มันก็จะเกิดผลดีในระยะยาวและอีกอย่างมันง่ายตรงที่เราไม่จำเป็นต้องหาเชื้อเพลิงเลย จึงทำให้เราได้ลงทุนโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานขยะ และคิดค้นนวัตกรรมโดยการใช้เทคโนโลยีการผลิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ปลอดภัย และไม่รบกวนชุมชนมากที่สุด จึงได้เริ่มทดลองสร้างมาตั้งแต่ปี 2016
โครงการโรงไฟฟ้าขยะชุมชน VSPP-MSW อยู่ระหว่างเปิดดำเนินการเชิงพานิชย์ (COD) มีกำลังการผลิตติดตั้ง 6 เมกะวัตต์ และมีปริมาณไฟฟ้าที่จำหน่ายให้กับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) 4.5 เมกะวัตต์
ถือเป็นโรงไฟฟ้าเชื้อเพลิงขยะต้นแบบที่มีประสิทธิภาพที่สุดในประเทศไทย โดยเป็นโครงการที่ได้รับการออกแบบให้เป็นโรงไฟฟ้าขยะชุมชนแบบปิด มีการใช้นวัตกรรมและเทคโนโลยีที่สามารถเผาขยะที่มีความชื้นสูงได้มากถึง 80% (มีปริมาณน้ำ 80 ส่วน และเชื้อเพลิงขยะ 20 ส่วน) ก็สามารถเข้าสู่กระบวนการผลิตได้ และที่สำคัญไม่มีการปล่อยของเสียออกสู่ธรรมชาติ (Zero discharge) ไม่ว่าจะเป็นมลภาวะทางกลิ่น ฝุ่นละออก หรือแม้กระทั่งน้ำเสีย ก็ได้มีการทำ Water Treatment โดยการบำบัดด้วยระบบ Reverse Osmosis (RO) ให้กลายเป็นน้ำใสที่สามารถเอาไปใช้ประโยชน์ต่อได้
สำหรับโรงไฟฟ้าขยะชุมชนของ ACE เป็นโรงไฟฟ้าที่ใช้กระบวนการผลิตแบบ Direct Incineration โดยการนำขยะไปเผาตรง ซึ่งมีความแตกต่างกับโรงไฟฟ้าขยะชุมชนทั่วไปที่เป็นกระบวนการ RDF (Refuse Derived Fuel) โดยการนำขยะมาผ่านการคัดแยกเพื่อที่จะนำขยะในส่วนที่ไม่สามารถเผาได้ออกไป เช่น ปูน หรือเหล็ก และเป็นการลดความชื้นจากขยะ อีกทั้งกระบวนการเหล่านี้ก็จะใช้คนในคัดแยก ซึ่งมีความเสี่ยงของการที่ในบางครั้งขยะอาจจะไม่มีการคัดแยกได้หมด 100% และอาจจะส่งผลกระทบกับกระบวนการผลิตพลังงานในขั้นตอนต่อไป ดังนั้นเราจึงต้องมีการหานวัตกรรมอื่น ๆ มาประยุกต์ใช้ เพื่อให้มีความเสี่ยงในการผลิตน้อยที่สุด หรือไม่เกิดความเสี่ยงขึ้นเลย
ปัจจุบันโรงไฟฟ้าขยะ VSPP-MSW สามารถผลิตไฟฟ้าได้ 5.5 เมกะวัตต์ ซึ่งจะต้องใช้ขยะต่อวันประมาณ 400 ตัน โดยมีกระบวนการผลิตดังนี้
สำหรับการแก้ปัญหาขยะล้นเมือง โดยการนำมาใช้เป็นเชื้อเพลิงในการผลิตไฟฟ้า ธีรวุฒิได้ให้มุมมองว่า ตรงนี้ต้องจะเป็น Solution ของการกำจัดขยะในระยะยาว และสิ่งสำคัญ ณ ตอนนี้ของการกำจัดขยะ คือ ต้องเลิกใช้การกำจัดแบบหลุมฝังกลบ (Landfill) ก่อน เพราะจะส่งผลเสียด้วยการสร้างมลภาวะทางอากาศที่จะมีสารก่อมะเร็งที่เกิดจากการระเหยของกลิ่นขยะที่ทับถมกัน ซึ่งไม่ได้มีการกรองใด ๆ ออกสู่ชั้นบรรยากาศ อีกทั้งยังมีการสร้างมลพิษลงดินจากน้ำชะขยะที่ไหลซึมเข้าสู่ชั้นใต้ดินไปยังชั้นบาดาล ทำให้เป็นสารปนเปื้อนในน้ำที่ประชาชนนำมาใช้อุปโภคบริโภค ดังนั้นหากมีการกระตุ้นให้เกิดโรงไฟฟ้าขยะชุมได้ในหลาย ๆ จังหวัดก็มองว่าจะส่งผลดีให้กับประชาชนในระยะยาว
และจากการที่รัฐบาลมีแผนจะทำให้การซื้อขายไฟเสรีแบบ P2P เกิดขึ้นอยู่แล้วเพื่อเป็นการทำให้ภาคประชาชนและเอกชนมีส่วนร่วมในการผลิตไฟฟ้ามากขึ้นโดยเริ่มจากการทำ Sandbox ทดลองก่อนและต่อไปในอนาคตประชาชนจะสามารถเลือกซื้อไฟจากผู้ผลิตได้โดยตรง
ตรงนี้จะเป็นประโยชน์ต่อผู้ประกอบการโรงไฟฟ้า หรือผู้ผลิตไฟฟ้ารายย่อยที่จะไม่ต้องยึดการสร้างรายได้อยู่กับสัญญาซื้อขายไฟฟ้าจากภาครัฐ (PPA) เพียงอย่างเดียว หากสามารถผลิตจำนวนเมกะวัตต์ได้เกินกว่าที่ PPA กำหนดก็จะสามารถที่จะขาย Extra ที่เกิดขึ้นให้ใครก็ได้ และจากการกระตุ้นของทุกภาคส่วนทำให้มีการคาดการณ์ไว้ว่าภายในปี 2037 ประเทศไทยจะมีสัดส่วนของกำลังการผลิตไฟฟ้ามาจากพลังงานทดแทนสูงถึง 46% ของแหล่งพลังงานทั้งหมด
ถ้าให้มองสถานการณ์ของการผลิตไฟฟ้าแบบดั้งเดิมโดยใช้ก๊าซธรรมชาติ มันมีความเสี่ยงที่จะทำให้ในอนาคตประเทศไทยจะเสี่ยงต่อการที่ค่าไฟจะขึ้นราคาไปมากกว่านี้ เพราะปริมาณก๊าซในอ่าวไทยที่เราผลิตได้เองก็ลดน้อยลงทุก ๆ ปี และต้องมีการนำเข้ามากขึ้น ดังนั้นจึงทำให้พลังงานทดแทนกลายเป็นทางเลือกที่มีความสำคัญ หนึ่งในนั้นคือ ชีวมวล และขยะ
ดังนั้นจากการที่โรงไฟฟ้าขยะและชีวมวลเป็นหนึ่งในพลังงานที่ได้รับความนิยมมากขึ้นนั้น ก็จะเป็นตัวชี้วัดได้ว่าภาคประชาชนมีส่วนร่วมมากขึ้นในการผลิตพลังไฟฟ้าและเป็นก้าวสำคัญในการก้าวสู่ circular economy และ electricity for all ของประเทศไทย
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด