ประเทศที่ขึ้นชื่อว่าทำงานหนักติดอันดับโลกอย่างเกาหลีใต้ กำลังลองกดปุ่มรีเฟรชระบบการทำงานใหม่ทั้งหมด ด้วยการทดลอง สัปดาห์ทำงาน 4 วันครึ่ง ฟังดูเหมือนเล็กน้อย แต่จริง ๆ อาจเป็นการเปลี่ยนสมการชีวิตของคนทำงานไปเลยก็ได้

ลองนึกภาพชีวิตที่วนอยู่กับการทำงานสัปดาห์ละ 52 ชั่วโมง ซึ่งถือว่าหนักมากแล้ว แต่รัฐบาลกลับเคยคิดจะเพิ่มเพดานเป็น 69 ชั่วโมงต่อสัปดาห์
เสียงฮือฮาก็ตามมาทันที โดยเฉพาะจากคนรุ่นใหม่ทั้ง Millennials และ Gen Z ที่ลุกขึ้นมาบอกว่าไม่ไหวแล้ว เพราะแค่ทุกวันนี้พวกเขาก็เหนื่อยจนแทบไม่มีแรงใช้ชีวิต จะให้ทำมากกว่านี้ก็คงไปต่อไม่ไหวจริงๆ
เดือนมีนาคม ปีที่แล้ว รัฐบาลเกาหลีใต้เสนอร่างแผนขยายชั่วโมงการทำงาน จากเดิมสูงสุด 52 ชั่วโมง ไปเป็น 69 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ (หรือ 80.5 ชั่วโมงถ้าทำครบ 7 วัน) แน่นอนว่าข้อเสนอนี้ถูกถล่มเละ จนรัฐบาลต้องรีบออกมาแก้เกม และเจอการประท้วงใหญ่ของสหภาพแรงงานกว่า 13,000 คน ที่ชูป้ายยกเลิก 69 ชั่วโมงกลางถนนแดฮักโร
เบื้องหลังเสียงต่อต้าน คือความจริงที่ว่าคนเกาหลีใต้ทำงานหนักที่สุดในเอเชีย และติดอันดับ 5 ของโลก ตามข้อมูล OECD ปี 2021 คนเกาหลีทำงานเฉลี่ย 1,915 ชั่วโมงต่อปี มากกว่าค่าเฉลี่ยของอเมริกา (1,791 ชั่วโมง) และญี่ปุ่น (1,617 ชั่วโมง) จนถึงขั้นมีศัพท์เฉพาะ ‘กวาโรซา’ หรือการตายเพราะทำงานหนัก ที่ไม่ใช่เรื่องเกินจริง เช่น ในปี 2020 มีพนักงานส่งของ 14 คนเสียชีวิต เพราะทำงานหนักเกินไปช่วงโควิด-19
แรงกดดันจากการทำงานยังโยงไปถึงเรื่องใหญ่กว่านั้น เพราะเกาหลีใต้ก็กลายเป็นประเทศที่มีอัตราการเกิดที่ต่ำที่สุดในโลก ปี 2022 สำนักงานสถิติรายงานว่าเกาหลีใต้มีอัตราการเกิดเพียง 0.78 คนต่อผู้หญิงหนึ่งคน ลดลงจาก 0.81 ในปีก่อนหน้า ส่งสัญญาณสังคมสูงวัยและแรงงานลดลง ซึ่งอาจกลายเป็นวงจรลบต่อเศรษฐกิจในอนาคต
ตัดภาพมาที่ปี 2568 จากปัญหาอัตราการเกิดต่ำจนสังคมเสี่ยงเข้าสู่ภาวะสูงวัยเร็ว รัฐบาลเกาหลีใต้ก็เริ่มเล็งเห็นถึงความสำคัญที่จะลดชั่วโมงการทำงาน เพราะล่าสุด Nikkei รายงานว่า ได้มีการทดลอง สัปดาห์ทำงาน 4 วันครึ่ง
ทุกอย่างเริ่มที่จังหวัดคยองกี ใกล้กรุงโซล ซึ่งเป็นพื้นที่แรกที่ลุกขึ้นมาทดลองจริงจัง เปิดทางเลือกใหม่ให้พนักงานใน 67 บริษัทเอกชนและ 1 หน่วยงานรัฐ ไม่ว่าจะเป็น
จากเดิมที่ต้องทำงาน 40 ชั่วโมงตามกฎหมาย แผนนี้จะเก็บข้อมูลเรื่อง ประสิทธิภาพกับความสุขของพนักงาน ไปจนถึงปี 2027
เพื่อให้บริษัทไม่ต้องกังวลเรื่องภาระค่าใช้จ่าย จังหวัดเลยยื่นข้อเสนอเด็ด จ่ายชดเชย 260,000 วอนต่อหัว ต่อเดือน ถ้าลดเวลาทำงานได้ 5 ชั่วโมง และกันงบไว้ถึง 8 พันล้านวอน สำหรับโครงการนี้ แต่ถ้าจะให้ขยายทั้งประเทศจริง ๆ หลายคนก็มองว่าเงินกองนี้อาจไม่พอและจะกลายเป็นภาระต่อท้องถิ่น
ฝั่งผู้นำประเทศ ประธานาธิบดี อี แจ มยอง ประกาศชัดว่าเรื่องนี้ไม่ใช่แค่แฟชั่น แต่เป็นเทรนด์โลก และเตือนว่าการแข่งขันด้วยปริมาณมากกว่าคุณภาพไม่ใช่คำตอบในระยะยาว รัฐบาลจึงกำลังวางโรดแมปปรับลดชั่วโมงทำงาน แต่ก็ยังไม่กล้าออกกฎหมายบังคับ เพราะกลัวกระทบอุตสาหกรรมที่ยังไม่พร้อม
รายงานจาก Nikkei เผยว่า ปัจจุบันได้เริ่มโครงการนำร่องในบริษัทเอกชนกว่า 67 แห่ง และสถาบันรัฐ 1 แห่ง นอกจากนี้ ในฝั่งภาคเอกชน หลายบริษัทยักษ์ใหญ่เริ่มขยับแล้ว เช่น Samsung Electronics ที่ให้พนักงานหยุดวันศุกร์ในสัปดาห์เงินเดือนออก หากทำงานครบตามเกณฑ์ หรือ SK Telecom ที่กำหนด Happy Friday สองครั้งต่อเดือน เพื่อให้พนักงานพักผ่อนและเติมพลัง
ผลสำรวจปี 2023 ยังชี้ชัดว่าคนรุ่น Millennials และ Gen Z ให้ความสำคัญสูงสุดกับ Work-Life Balance เวลาตัดสินใจเลือกงาน เสียงสะท้อนจากแรงงานรุ่นใหม่ก็ไปในทิศทางเดียวกัน “มันช่วยเปลี่ยนบรรยากาศชีวิต ใช้เวลาออกกำลังกายหรือดูหนังได้เต็มที่” พนักงานเกาหลีใต้คนหนึ่งเล่า
แต่โจทย์ใหญ่ที่ยังรอคำตอบคือ จะทำอย่างไรให้ลดชั่วโมงโดยไม่ลดคุณภาพงาน ? เพราะหาก Productivity ไม่เพิ่มขึ้นจริง ๆ สุดท้ายสัปดาห์ทำงาน 4 วันหรือ 4 วันครึ่งก็อาจเป็นเพียงช่วงพักสั้น ๆ ก่อนกลับไปสู่ความจริงเดิม
เกาหลีใต้กำลังอยู่ระหว่างการชั่งน้ำหนักครั้งสำคัญ ระหว่างวัฒนธรรมการทำงานหนักที่ฝังรากลึก จนทำให้คนเหนื่อย ล้า และไม่อยากมีลูก กับอนาคตที่อาจเต็มไปด้วยสมดุลชีวิตและการทำงานที่ยั่งยืนกว่า
อ้างอิง: asia.nikkei, businessinsider
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด