V Foods ลงตลาด Plant-Based ดึง More Meat ชูไฮไลต์ ไทยเทสต์ เจ้ากลุ่มสุขภาพและวัยรุ่นสายเฮลธ์ตี้ | Techsauce

V Foods ลงตลาด Plant-Based ดึง More Meat ชูไฮไลต์ ไทยเทสต์ เจ้ากลุ่มสุขภาพและวัยรุ่นสายเฮลธ์ตี้

คุณอภิรักษ์ โกษะโยธิน ผู้ก่อตั้ง และประธานกรรมการบริหาร บริษัท วี ฟู้ดส์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ในปีนี้บริษัทมีแนวคิดที่ต้องการต่อยอดผลิตภัณฑ์จากฟาร์ม และพัฒนาสินค้าสุขภาพให้เหมาะกับกลุ่มตลาดของคนรุ่นใหม่และเล็งเห็นการเติบโตของสินค้าอาหารจากพืช (Plant-Based Food) เพื่อรองรับกระแสผู้บริโภคที่ใส่ใจสุขภาพ รักษ์สิ่งแวดล้อม และผู้ที่ต้องการหลีกเลี่ยงเนื้อสัตว์ 

คุณอภิรักษ์ โกษะโยธิน ผู้ก่อตั้ง และประธานกรรมการบริหาร บริษัท วี ฟู้ดส์ (ประเทศไทย) จำกัด เล็งเห็นการเติบโตของสินค้าอาหารจากพืช (Plant-Based Food) เพื่อรองรับกระแสผู้บริโภคที่ใส่ใจสุขภาพ รักษ์สิ่งแวดล้อม และผู้ที่ต้องการหลีกเลี่ยงเนื้อสัตว์

โดยยังคงพัฒนาผลิตภัณฑ์โปรตีนจากพืชหรือแพลนต์เบสร่วมกับบริษัท มอร์ฟู้ดส์ อินโนเทค จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทฟู้ดเทคสตาร์ทอัพที่รู้จักกันภายใต้แบรนด์สินค้ามอร์มีท : More Meat ผู้พัฒนาผลิตภัณฑ์อาหารแพลนต์เบสพร้อมปรุงที่มีคุณภาพ และมีความแปลกใหม่ ตรงกับกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย

ในปีนี้ทั้งสองบริษัทจะเน้นการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่คงเอกลักษณ์และรสชาติความเป็นไทย หรือ Classic Thai Taste Series ให้มากขึ้น เนื่องจากที่ผ่านมาได้รับการตอบรับจากลูกค้าอย่างดีตั้งแต่ผลิตภัณฑ์โปรตีนจากพืชรสลาบทอด ที่เป็นที่นิยมอย่างมากในกลุ่มลูกค้าวีแกน ลูกค้าทั่วไป รวมถึงชาวต่างชาติ ตามด้วยในช่วงกลางปี 2564 ที่ได้ออกสินค้าโปรตีนจากพืชรสต้มยำทอด และทอดมันแพลนต์เบสข้าวโพดเนื้อปู

 และล่าสุดในปี 2565 ได้พัฒนารสชาติใหม่อย่าง “กะเพรา” ซึ่งเป็นรสชาติที่คนไทยทุกคนคุ้นเคย โดยคงไว้ซึ่งคุณภาพ รสชาติ และความหอมสมุนไพรไทยอย่างกะเพรา คุณประโยชน์จากวัตถุดิบเห็ดแครงและถั่วเหลือง (Non-GMO Soy)  จากการพัฒนาผลิตภัณฑ์ยังพบว่าได้รับการตอบรับที่ดีจากผู้บริโภคทั้งในเรื่องของรสชาติ เนื้อสัมผัสที่คล้ายเนื้อจริง ความแปลกใหม่ของสินค้า และตอบโจทย์กับการเลือกซื้อที่สามารถหาได้ง่ายและรวดเร็ว 

“ที่ผ่านมาตลาดมักมองว่าการพัฒนาแพลนต์เบสจะต้องเป็นอาหารที่ผลิตมาเพื่อคนที่รักสุขภาพเท่านั้น ซึ่งในความเป็นจริงสิ่งที่สำคัญที่ต้องควบคู่กับการดูแลสุขภาพคือ “รสชาติ” และ “ความหลากหลาย” โดยเฉพาะกลุ่มผู้บริโภคคนไทยที่ชอบมองหาสิ่งแปลกใหม่อยู่เสมอ ทางแบรนด์จึงให้ความสำคัญกับเรื่องดังกล่าวเนื่องจากอยากให้เรื่องของการรับประทานแพลนต์เบสเป็นเรื่องที่สนุก ตอบโจทย์กับวิถีชีวิต และตอกย้ำความสุขในการรับประทานอาหารประเภทดังกล่าวในทุกๆ วัน 

นอกจากนี้ การให้ความสำคัญกับผลิตภัณฑ์แพลนต์เบสด้วยรสชาติความเป็นไทย และความหลากหลาย ยังเป็นการตอกย้ำคาแรคเตอร์ของแบรนด์ที่มุ่งสร้างสรรค์เพื่อบริโภคอยู่เสมอ และดึงให้กลุ่มที่ยังไม่เคยรับประทานแพลนต์เบสเปิดใจที่จะทดลอง หรือเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ของวีฟาร์มมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ การพัฒนาผลิตภัณฑ์ของวีฟาร์มจะไม่ได้เจาะจงเฉพาะกลุ่มที่ไม่รับประทานเนื้อสัตว์เท่านั้น แต่มองไปถึงผู้บริโภครุ่นใหม่ที่มองหาอาหารทางเลือกที่มีรสชาติไม่จำเจ และสามารถเลือกซื้อได้อย่างสะดวก”

ด้านคุณอนรรฆ โกษะโยธิน ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการตลาด บริษัท วี ฟู้ดส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวเพิ่มเติมว่า ผลิตภัณฑ์แพลนต์เบส ครีเอชัน ขณะนี้มีประมาณ 10% แต่ปัจจุบันวีฟาร์มได้เริ่มมองเห็นโอกาสมากยิ่งขึ้น ดังนั้นในปีนี้จะมีทิศทางในการรุกตลาดแพลนต์เบสมากกว่าที่ผ่านมา แต่จะเน้นไปที่แพลนต์เบสจากพืชที่ไม่ได้ผ่านการบด หรือปรุงแต่งให้คล้ายเนื้อสัตว์ แต่จะเป็นแพลนต์เบสทางเลือกสำหรับคนที่ไม่ชอบทานผัก กลุ่มคนรุ่นใหม่ การผลิตและการเก็บรักษาจะเน้นไปที่แพลนต์เบสแช่งแข็ง 

เนื่องจากมีอายุการเก็บที่ยาวนานขึ้น ซึ่งจะช่วยตอบโจทย์การใช้ชีวิตของคนในปัจจุบันได้ค่อนข้างดี โดยยังจะมีการรุกตลาดต่างประเทศ ด้วยการการนำสินค้าที่มีรสชาติแบบไทย ๆ  ไปในประเทศต่าง ๆ โดยเฉพาะแพลนต์เบสไบต์ ที่มีรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์ รับประทานง่าย โดยมั่นใจว่าในแง่ของการแข่งขันด้านรสชาติ เป็นข้อได้เปรียบที่วีฟาร์มสามารถตีตลาดได้อย่างแน่นอน

อย่างไรก็ดี วีฟาร์มยังได้มีการเปิดตัว 4 ผลิตภัณฑ์ใหม่ ในงาน THAIFEX – ANUGA ASIA 2022 โดยเป็นผลิตภัณฑ์พร้อมรับประทาน (Ready to eat) ที่ตรงกับกลุ่มคนรุ่นใหม่และกลุ่ม Flexitarian ได้แก่  champignon mushroom nuggets แชมปิอญองนักเก็ต Buffalo cauliflower wings ดอกกะหล่ำปีวิงซ์ ที่ให้รสชาติเสมือนเนื้อไก่ทอด Spinach with vegan chees bite ชีสบอลสปินิช และ Mix root  vegetable fire เฟรนช์ฟรายมัน 4 อย่าง ได้แก่ มันหวาน มันม่วง มันส้ม มันฝรั่ง ซึ่งปรุงสุกได้ง่าย ๆ ผ่านหม้ออบลมร้อน หรือการทอดผ่านน้ำมัน 

ด้านคุณวรกันต์ ธนโชติวรพงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการตลาด และ ผู้ร่วมก่อตั้ง บริษัท มอร์ฟู้ดส์อินโนเทค จำกัด ผู้พัฒนาแพลนต์เบสแบรนด์ “มอร์มีท” (More Meat) เปิดเผยว่า ปีที่ผ่านมาเป็นปีที่ตลาดสินค้าแพลนต์เบสแข่งขันอย่างดุเดือด มอร์มีทจึงปรับกลยุทธ์การแข่งขันโดยจะเน้นที่การพัฒนา และพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ผู้บริโภค 

โดยเฉพาะลดการใช้วัตถุเจือปนอาหาร และหาพืชทางเลือกใหม่ ๆ ที่ช่วยเพิ่มคุณค่าทางอาหารให้ดียิ่งขึ้น มีเนื้อสัมผัสที่หนึบและจับตัวกันมากขึ้น และทำให้ผลิตภัณฑ์มีไฟเบอร์สูงมากขึ้น นอกจากนี้ยังมีการพัฒนาแพลนต์เบสจากเมนูจานโปรดของคนไทย เช่น อาหารที่มีรสจัดจ้าน หรือจานเด็ดที่ต้องสั่งประจำของร้านอาหารอีกด้วย

ทางด้านเป้าหมายในปีนี้ จะยังคงเน้นเป็นผู้ผลิต และสร้างความร่วมมือกับพาร์ทเนอร์ บริษัท วี ฟู้ดส์ (ประเทศไทย) จำกัด ที่ยังคงเป็นพันธมิตรที่ดีและยังคงมีการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ร่วมกันอย่างต่อเนื่อง ส่วนในกลุ่มเป้าหมายจะเน้นไปที่กลุ่มวัยรุ่น ซึ่งมอร์มีทมั่นใจว่าสามารถเข้าถึงได้ด้วยการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ โดยจะพร้อมออกสู่ตลาดก่อนเทศกาลกินเจ 

ส่วนปัจจัยที่มองหาผู้บริโภคกลุ่มใหม่ ๆ นั้น เนื่องจากปัจจุบันคนที่หันมารับประทานแพลนต์เบสไม่ได้มีแค่คนที่รักสุขภาพอีกต่อไป แต่ยังมีกลุ่มวัยรุ่นที่มองถึงความยั่งยืนทางสิ่งแวดล้อม และลดปริมาณขยะจากอาหาร ซึ่งกลุ่มนี้ถือว่าเป็นผู้บริโภคที่น่าจับตามองและเป็นเป้าหมายที่มอร์มีทจะต้องเข้าไปตีตลาดให้ได้ 

“นอกจากปรากฏการณ์การแข่งขันสินค้าแพลนต์เบสจะมีผู้เล่นเข้ามาหลายรายแล้ว ยังมีอีกปรากฏการณ์ที่น่าจับตาคือกลุ่มผู้บริโภคที่เป็นนิวเจน โดยเฉพาะกลุ่มคนเจน Z ซึ่งกลุ่มผู้บริโภคดังกล่าวมีการแสดงออกถึงการใส่ใจสิ่งแวดล้อมมากขึ้นทั้งบนโซเชียลมีเดีย และในวิถีชีวิตจริง จึงเป็นแนวทางสำคัญในเชิงการตลาด และคุณภาพของสินค้าที่จะต้องตอบกับความต้องการของคนกลุ่มนี้ให้มากขึ้น

 แต่อย่างไรก็ตาม สิ่งที่มาควบคู่กับการเติบโตก็คือการมองหาผลิตภัณฑ์ที่มีความใกล้เคียงกับธรรมชาติ และเลี่ยงอาหารที่มีการปรุงแต่งจนมีรสชาติที่ผิดไปจากเดิม จากปัจจัยดังกล่าวทางแบรนด์จึงมีการวางขายผลิตภัณฑ์แพลนต์เบสสูตรใหม่ที่มีโซเดียมต่ำ และไม่มีกลูเตน ซึ่งมอร์มีทถือเป็นเจ้าแรกและเจ้าเดียวในตลาดแพลนต์เบสไทยที่มีการลดวัตถุเจือปนอาหารในผลิตภัณฑ์ลงให้เหลือน้อยที่สุด และ มีจัดให้ชิมเป็นเมนูต่างๆภาย ในงาน THAIFEX – ANUGA ASIA 2022 อีกด้วย”

ที่ผ่านมามอร์มีทเติบโตสูงขึ้นจากปีก่อนหน้าถึง 150% และคาดว่าในปีนี้ตลาดแพลนท์เบสน่าจะเติบโตเพิ่มขึ้นอีกประมาณ 30% โดยมอร์มีทตั้งเป้าว่าอยากจะครองสัดส่วนตลาดในปีนี้ให้ได้อีก 20% การเติบโตของมอร์มีทยังส่งผลให้เกษตรกรเติบโตไปด้วยจากเดิมที่มีกลุ่มผู้ปลูกเห็ดแครงเพียง 10 ครัวเรือน ในปัจจุบันขยายเพิ่มขึ้นถึง 30 ครัวเรือน 

ในอนาคตมอร์มีทกำลังมองหาพืชทางเลือกอื่นที่จะนำมาพัฒนาเป็นเนื้อจากพืชรูปแบบใหม่ โดยเลือกพืชท้องถิ่นในโซนภูมิภาคอื่น ๆ เช่น ภาคอีสาน เพื่อเป็นการกระจายรายได้ให้แก่เกษตรกรไทย และมอร์มีทเองก็จะได้วัตถุดิบจากท้องถิ่นใหม่ ๆ มาพัฒนาผลิตภัณฑ์ด้วย คุณวรกันต์ กล่าวสรุป

สำหรับสินค้า V Farm Plant-Based  สามารถหาซื้อได้ตามช่องทาง Supermarket อย่าง Tops, Gourmet, Villa, Foodland, Golden Place, Sweet & Green รวมถึงช่องทาง Market Place ออนไลน์ Freshket, Dever, Aow, Bring Me Shopping หรือ vfarm delivery (Line: @vfarm)

ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด

No comment

RELATED ARTICLE

Responsive image

ทีทีบี จับมือ databricks ผสานพลัง Data และ AI สร้างอนาคตการเงินที่ดีขึ้นให้คนไทย

ทีทีบี ตอกย้ำความมุ่งมั่นผลักดันดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชัน สร้างการเปลี่ยนแปลงให้กับวงการธนาคารไทย จับมือพันธมิตร databricks พร้อมเดินหน้าสร้าง Data-driven Culture ปักธงก้าวสู่ธนาคารที...

Responsive image

LINE SCALE UP เปิดรับสตาร์ทอัพทั่วโลก ต่อยอดธุรกิจกับ LINE ก้าวสู่ระดับสากล

LINE SCALE UP เปิดตัวอย่างเป็นทางการในงาน LINE Thailand Developer Conference 2024 ที่ผ่านมา เฟ้นหาสตาร์ทอัพที่มีศักยภาพ และพร้อมต่อยอดธุรกิจร่วมกับ LINE สู่เป้าหมายยกระดับธุรกิจสตา...

Responsive image

MarTech MarTalk 2024 EP.3 จากต้นกล้าสู่ความสำเร็จ ด้วยการพัฒนาคนและ MarTech

ChocoCRM จัดงานใหญ่ส่งท้ายปีกับงาน MarTech MarTalk 2024 EP.3 From Seeds to Success: Driving Business Growth with People and Marketing Technology ได้รับการตอบรับดีอย่างต่อเนื่องเป็น...