งาน 'Pay Solutions : SME Survival Meetup 2025' ที่ผ่านไปแล้วนั้น คุณคมสันต์ แซ่ลี ผู้ก่อตั้งและซีอีโอ Flash Express มาร่วมพูดคุยบนเวทีกับ คุณภาวุธ พงษ์วิทยภานุ ซีอีโอ Pay Solutions ในหัวข้อ ‘แชร์เทคนิค ‘ปรับตัวเพื่อรอด’ Mindset ผู้ประกอบการที่ทำให้ธุรกิจอยู่รอด’ ซึ่งทางเทคซอสเห็นว่า เป็นพื้นที่ที่เผยคมความคิดจากการตกผลึกประสบการณ์ของผู้ประกอบการไทยเลือดนักสู้ ที่ต้องการส่งต่อมายด์เซ็ตบางอย่างให้ SME และ Startup นำไปปรับใช้กับ Stage ทางธุรกิจหรือบริบทของบริษัทได้
สำหรับคอนเทนต์นี้ แนะนำว่าอย่าอ่านเพียงประโยคคำพูดที่หยิบมานำเสนอเท่านั้น เพราะอาจทำให้เกิดความสับสนหรือตีความไปต่าง ๆ นานาได้ แต่ให้อ่านเนื้อหาที่ประกอบกันในแต่ละพาร์ตร่วมด้วย
เริ่มเลย...
ถ้าไม่สู้ก็จะตายในเร็ววันนี้ แต่ถ้าสู้ก็ตายแน่นอน
ซีอีโอ Flash บอกว่า เผชิญสถานการณ์ยากลำบากอย่างที่สุดมาแล้ว ในระดับที่ "ถ้าไม่สู้ก็จะตายในเร็ววันนี้ แต่ถ้าสู้ก็ตายแน่นอน" หมายถึง สู้หรือไม่สู้ก็ตายได้ทั้งนั้น โดยเฉพาะในช่วงสงครามราคาที่ธุรกิจจัดส่งแข่งกันอย่างดุเดือด
นั่นคือตอนที่ Flash ขาดทุนถึงเดือนละ 15 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 500 ล้านบาท เพื่อยืนหยัดต่อสู้ด้วยการลดค่าส่งเหลือ ‘9 บาททั่วประเทศ’ ขณะที่ต้นทุนจริงเกือบ 20 บาท และหนักกว่านั้นก็เคยออกโปรโมชันจัดส่งฟรีถึง 10 วันมาแล้ว
การตัดสินใจสู้ราคานี้ แม้จะต้องเผาเงินอย่างมหาศาล แต่ก็จำเป็นต้องทำเพื่อรักษาพนักงานและส่วนแบ่งตลาดเอาไว้ เพราะถ้าไม่สู้ พนักงานจะขาดแรงจูงใจ ทยอยลาออก องค์กรก็จะล่มสลายอยู่ดี

องค์กรของคุณเติบโตรวดเร็ว คุณไม่มีเวลาเพียงพอที่จะไปเลี้ยง ‘แกะ’ วันนี้คุณต้องหา ‘หมาป่า’ มาอยู่ในฝูง
แต่ละช่วงของการขับเคลื่อนธุรกิจ องค์กรต้องการพนักงานที่มีคุณสมบัติแตกต่างกัน โดยใน ช่วงเติบโต คุณคมสันต์บอกว่า เป็นช่วงที่องค์กรต้องการ ‘หมาป่า’ หรือ คนทำงานที่มีความดุดัน เน้นผลลัพธ์
ต่อมาคือ ช่วงมั่นคง องค์กรต้องการ ‘แกะ’ หรือ พนักงานที่มีความซื่อสัตย์และให้ความสำคัญกับการเติบโตอย่างมั่นคง จึงเป็นช่วงที่เหมาะต่อการเริ่ม ‘เลี้ยงแกะ’
โดยวิธีแยกแกะกับหมาป่าของคุณคมสันต์คือ ถ้าคนคนนั้นเป็นสาย Supporting ชอบสร้างสิ่งที่มั่นคงไปทีละก้าว เปรียบคนกลุ่มนี้ได้กับ ‘แกะ’ ส่วนคนที่ชอบได้รับ Incentive ได้รับแรงกดดันแล้วทำหน้าที่ได้ดี เปรียบคนกลุ่มนี้ได้กับ ‘หมาป่า’

คนที่ไม่ใช่ เตะออกไปให้เร็วที่สุด เพราะพ่อแม่ก็ยังเปลี่ยนแปลงเขาไม่ได้เลย คุณไม่มีทางเปลี่ยนแปลงเขาได้ครับ
เมื่อองค์กรขยายใหญ่ ประเด็นสำคัญในการบริหารคนที่คุณคมสันต์อยากฝากถึงผู้ประกอบการ คือ หากพนักงานไม่ฟิตกับองค์กร ผู้นำต้อง ‘เตะคนที่ไม่ใช่’ ออกไปให้เร็วที่สุด อย่าเสียเวลาเทรนหรือปรับทัศนคติ
และต้องมองย้อนกลับมาที่ตัวเองด้วยว่า ธุรกิจที่ทำอยู่นั้นอยู่ใน Stage ไหน เพราะเมื่อฟังคำแนะนำจากคนที่มาแบ่งปันเรื่องราวบนเวทีต่าง ๆ แม้สิ่งต่าง ๆ จะถูกต้อง แต่มันจะไม่ถูกต้องใน Position ของหลาย ๆ คน หมายถึงว่า หากธุรกิจอยู่ใน Stage 1 แต่ไปฟังคำแนะนำของคนที่อยู่ Stage 100 มันก็ใช้ด้วยกันไม่ได้
“หากคุณอยู่ใน Stage 1 คุณต้องเอาความอยู่รอดเป็นตัวตั้ง คุณต้องเอาความเถื่อนของคุณออกมาให้หมด แต่ถ้าคุณอยู่ใน Stage 2 คุณต้องผสมผสาน และถ้าเป็น Stage 3 คุณต้องเอาพลังทางสังคมออก เอาภาระทางจิตใจออกมาให้ได้ ก็คือ กล้าเอาคนออก ซึ่งผมก็เอาคนออกเยอะ ผมเชื่อว่ามีคนรักผมเยอะ แต่ว่ามีคนเกลียดผมก็ไม่น้อยเหมือนกัน”
จากนั้นคุณคมสันต์เปรียบเทียบอีกว่า ถ้าพนักงานเป็นต้นไม้ ผู้นำจะรักษารากของต้นไม้ หรือจะรักษากิ่งของต้นไม้? คำแนะนำก็คือ “คุณต้องรักษาราก ดังนั้นคุณต้องตัดกิ่งให้เร็วที่สุด” แล้วยกตัวอย่างการเข้าซื้อกิจการหนึ่งซึ่งมีพนักงาน 150 คน ขาดทุนเดือนละ 3-4 ล้านบาท แต่ใช้เวลา 45 วัน ลดพนักงานเหลือ 25 คน ทำให้บริษัทกลับมามีกำไร 5 ล้านบาทในเดือนที่สอง นี่เองที่แสดงให้เห็นถึงความจำเป็นในการตัดคนที่ไม่เหมาะสมออกเพื่อสุขภาพที่ดีขึ้นขององค์กร

ผมก็เป็นคนไทยนะทุกคน แต่ผู้ประกอบการคนไทยเนี่ย ผมคิดว่าทุกคนหน้าด้านไม่พอ
คุณคมสันต์ย้ำว่าพูดประโยคข้างต้นจากใจและรู้สึกกังวลใจ เพราะวันนี้ผู้ประกอบการไทยต้องเผชิญกับการแข่งขันทั้งภายในและภายนอก แต่การที่ยังรักษาหน้าของตัวเอง ยังรักษาเกียรติของตัวเอง ยังอายที่จะหากิน ยังอายที่จะได้ความรู้ ยังอายที่จะได้ Connection เป็นเรื่องที่ไม่ดีเลย แล้วคุณคมสันต์ก็เล่าถึงเรื่องตัวเอง
“ผมก็เหมือนกับทุกคน ผมอายมากครับในการที่ต้องมาถ่าย TikTok จริง ๆ นะทุกคนผมอายมาก ผมคิดว่า เฮ้ย…เราเป็นนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จระดับนึง เราเป็นนักธุรกิจที่สร้างความเปลี่ยนแปลงในสังคมได้ระดับนึง ทำไมเราต้องมาทำสิ่งเหล่านี้"
ที่คุณคมสันต์ใช้คำว่า 'หน้าด้าน' เพราะต้องการกระตุ้นให้ผู้ประกอบการไทยมีความกล้ามากขึ้น มีความเกรงใจน้อยลง เพื่อแสวงหาความรู้ แสวงหา Connection และปรับตัวเข้ากับการเปลี่ยนแปลงของโลกได้

วันที่คุณสวยที่สุด ให้รีบเรียกค่าตัว อย่ารอให้คุณไม่สวยแล้วค่อยไปบอกว่า ฉันต้องการเงิน
คุณคมสันต์ให้คำแนะนำเกี่ยวกับการระดมทุนสำหรับ SME และ Startup ว่าให้ทำตอนที่ ‘ธุรกิจกำลังไปได้ดี’ ไม่ใช่รอจนมีปัญหาจึงค่อยระดมทุน เพราะสร้างความเชื่อมั่นและเรียกความสนใจจากนักลงทุนได้ดีกว่า เปรียบได้กับ ‘ผู้หญิงสวย’ ที่ดึงดูดความสนใจจากผู้คนได้มากกว่า
“ตอนที่ธุรกิจกำลังไปได้ดีมาก ผมหยิ่งครับ พอหยิ่งปุ๊บก็ไม่เอาเงินผู้ลงทุน แต่วันที่เจอปัญหาแล้วไปหาผู้ลงทุน ตอนนั้นคือไม่ได้เงินทุน ทำให้ผมขาดโอกาสไปเยอะมาก เพราะเราเคยตัดสินใจถูกต้องในวันที่เราโตเร็ว ตอนนั้นเราไม่เล่นตัว เราเรียกราคาที่ไม่ได้แพงมากนะครับ พอดึงเงินก้อนใหญ่เข้ามาในองค์กรเรื่อย ๆ ทำให้เราพร้อมสู้ได้ตลอดเวลา อันนี้ผมว่าเป็นสิ่งที่ถูกต้องครับ”
ซีอีโอ Flash Express ยังให้คำแนะนำเรื่องการใช้เงินลงทุนเอาไว้ 2 ข้อ 1) ใช้เงินตัวเอง ถ้าธุรกิจมั่นคงแล้ว และควรทำทุกอย่างด้วยตัวเองให้รู้ลึกรู้จริง อย่าคาดหวังว่าการจ้างคนเก่งจะแก้ปัญหาได้ทันที 2) ใช้เงินนักลงทุน ถ้ายังธุรกิจยังไม่มั่นคง ให้ใช้ในการลองผิดลองถูก ลองทำสิ่งใหม่ ๆ ที่มีความเสี่ยง เพื่อเพิ่มมูลค่าองค์กร เพิ่มโอกาสการเติบโตให้ธุรกิจแบบทวีคูณได้ แล้วเก็บเงินตัวเองไว้ใช้ในงานที่มั่นคงเพื่อรักษารากฐานบริษัทให้แข็งแกร่งไว้

ถ้าเขาเป็นคนที่สร้างคุณค่าให้องค์กรคุณจริง ๆ คุณอยากได้เขาจริง ๆ และเขาไม่ได้อยากได้คุณ วิธีเดียวครับคือ เงิน
ผู้นำหรือผู้ประกอบการทุกคนมองหาคนเก่ง ๆ อยู่แล้ว แต่การที่จะให้คนเก่งอยู่กับองค์กร คุณคมสันต์บอกว่า ไม่ใช่เป็นเพราะองค์กร แต่เป็นเพราะคนเก่งอยากอยู่กับองค์กร แล้วบอกให้ กล้าจ่ายเงินสูง ๆ เพื่อดึงคนเก่งเข้ามาแล้ว (อาจสูงกว่าตลาด 5 เท่า) หรือที่เรียกว่า ‘ซื้อตัว’ นั่นเอง
“ผมเคยซื้อตัวนะครับ ไปดึงมาจากอุตสาหกรรมเดียวกัน จ่าย 5 เท่าเลย ถ้าคุณกล้าให้เงินที่มากพอ เขาจะอยู่กับคุณ เงินอย่างเดียวเลย ซึ่งผมเองก็ซื้อ เคยไปดึงมาจากอุตสาหกรรมเดียวกัน จ่าย 5 เท่า เป็นค่าตัวสูงสุดครับ"
แต่ถ้าดึงคนเก่งเข้ามาแล้วไม่ใช่ คุณคมสันต์บอกว่า "ดูดซับความรู้จากเขาเร็วที่สุด โดยให้ทีมงานเรียนรู้และดูดซับความรู้จากคนเก่ง 1:3 คือ คุณต้องมีคนลงมือด้วยตัวเอง 3 คน เพื่อไปดูดพลังของหนึ่งคนให้รวดเร็วที่สุด ปกติผมจะใช้เวลาไม่เกิน 3 เดือน ถ้าเกิน 3 เดือนแล้วเขายังมี Value อยู่ เขาจะอยู่ต่อครับ ถ้าเกิน 3 เดือนแล้วเขาไม่มี Value อยู่แล้วเข้าไม่ได้กับองค์กรของผม ผมคิดว่าผมไม่ควรจ่ายค่าตัวแบบนี้ตลอดไปครับ"
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด