งานที่พอดีกับชีวิต ไม่ใช่ปรับชีวิตให้พอดีกับงาน รูปแบบการทำงานที่เปลี่ยนไปของคน Gen Z

คำว่า ‘เด็กสมัยนี้’ วนกลับมาทุกครั้งที่มีรุ่นใหม่เข้าทำงาน

แต่เราอาจลืมไปว่า เราทุกคนล้วนเคยเป็นเด็กสมัยนี้ของใครบางคนมาก่อน

และตอนนี้ก็ถึงคิวของ Gen Z เจเนอเรชันที่โตมากับอินเทอร์เน็ต ความเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็ว และโลกที่เต็มไปด้วยความไม่แน่นอน พวกเขาก็ได้ก้าวเข้าสู่โลกของการทำงานพร้อมกับคำถามสำคัญว่า…

“ทำไมเราต้องทุ่มทุกอย่างให้งาน แล้วค่อยกลับมาหาตัวเองในวันที่เหนื่อยล้าเกินจะเริ่มต้นใหม่ ?”

คำถามนี้อาจฟังดูเป็นความคิดที่ผิดสำหรับใครบางคน แต่สำหรับ Gen Z มันไม่ใช่การปฏิเสธงาน มันคือการปฏิเสธระบบการทำงานแบบเดิมที่กลืนกินชีวิต ในบทความนี้ Techsauce จึงอยากพาทุกคนไปทำความเข้าใจกับแนวคิด Career Minimalism ซึ่งกำลังกลายเป็นระบบปฏิบัติการใหม่ในคน Gen Z

Career Minimalism ระบบปฏิบัติการใหม่ในคน Gen Z กัน

Career Minimalism ไม่ใช่การหนีงาน ไม่ใช่ความขี้เกียจ และไม่ใช่การหยุดเติบโต แต่มันคือการตั้งคำถามอย่างจริงจังกับตัวเองว่า งานที่เราทำอยู่นั้น ใช่สิ่งที่เรายินดีจะใช้ชีวิตแลกมาหรือเปล่า ?

ซึ่งมันก็สะท้อนว่าคนรุ่นนี้ไม่ได้ปฏิเสธความก้าวหน้า แต่ปฏิเสธระบบที่บอกว่า ต้องปีนขึ้นไปให้สูงที่สุดเสมอ เพราะสำหรับ Gen Z งานไม่ควรเป็นสิ่งที่กลืนกินชีวิต แต่ควรเป็นเครื่องมือที่ช่วยให้เราใช้ชีวิตได้ดีขึ้น

มันคือการใช้ชีวิตการทำงานแบบมินิมอล ที่ไม่หลงใหลในตำแหน่ง ไม่ยึดติดกับการแข่งขัน และไม่วัดคุณค่าตัวเองจากการเติบโตในสายตาคนอื่น แค่อยากให้งานตอบโจทย์ชีวิต ไม่ใช่ให้ชีวิตหมดไปกับงาน

พูดให้เข้าใจง่ายก็คือ…Career Minimalism คือการรู้ว่าอะไรพอดีกับชีวิตของตัวเอง แล้วเลือกมันอย่างตั้งใจ

ที่น่าสนใจคือ Gen Z ให้ความสำคัญกับความสมดุลมากกว่ารุ่นก่อน ๆ อย่างเห็นได้ชัด พวกเขาไม่ได้มอง Work-Life Balance เป็นของแถม แต่ถือว่าเป็นเงื่อนไขพื้นฐานของการอยู่ในที่ทำงานใดที่ทำงานหนึ่ง ถ้าองค์กรไม่ให้เวลา ไม่ให้ความยืดหยุ่น ไม่เข้าใจว่าสุขภาพจิตคือเรื่องจริง พวกเขาก็พร้อมจะลาออกทันที โดยไม่ต้องรอ

เลือกมีงานเสริมไม่ใช่เพราะรายได้ไม่พอ แต่เพราะหัวใจต้องการมากกว่านั้น

แม้จะใช้ชีวิตแบบมินิมอล แต่สำรวจชี้ว่า Gen Z กลับเป็นกลุ่มที่มีงานเสริมมากที่สุดในยุคนี้ เพราะพวกเขาเข้าใจว่ารายได้ทางเดียว ไม่เคยปลอดภัยพอในโลกที่ทุกอย่างเปลี่ยนเร็ว

แต่เงื่อนไขของงานเสริมคือ งานที่ได้เป็นตัวเอง ไม่มีโครงสร้าง ไม่มีเจ้านาย ไม่มี KPIมีแต่สิ่งที่อยากทำ สิ่งที่เชื่อ และสิ่งที่รู้สึกว่านี่แหละใช่เรา

ในโลกที่งานประจำให้เงิน แต่ไม่ให้ความหมาย สำหรับกลุ่ม Gen Z จึงต้องสร้างความหมายขึ้นมาด้วยมือของตัวเอง

เมื่อคนรุ่นใหม่ขึ้นเป็นหัวหน้า ความเป็นมนุษย์คือหัวใจของการบริหาร

วันนี้ Gen Z กำลังก้าวเข้าสู่บทบาทหัวหน้า และพวกเขาไม่ได้พาวิธีคิดแบบเดิมมาด้วย การบริหารคนของผู้นำรุ่นใหม่นี้ จึงไม่ได้เริ่มต้นจากการสั่ง แต่เริ่มต้นจากการฟัง

รูปแบบการเป็นหัวหน้าในอดีตที่เน้นลำดับขั้น การควบคุมเพื่อขับเคลื่อนผลงาน กำลังถูกท้าทายโดยผู้นำกลุ่มใหม่ที่มองว่าหน้าที่ของหัวหน้าไม่ใช่การควบคุมคนให้ได้งานมากที่สุดในเวลาน้อยที่สุด หากแต่คือการสร้างสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยพอให้ทีมกล้าลอง ผิดพลาด เรียนรู้ และเติบโตไปด้วยกัน

การบริหารด้วย Empathy หรือความเข้าอกเข้าใจจึงกลายเป็นเครื่องมือหลัก ไม่ใช่เครื่องมือเสริม หัวหน้า Gen Z เข้าใจดีว่าในยุคที่พนักงานต้องเผชิญความผันผวนทั้งด้านเศรษฐกิจ เทคโนโลยี และสุขภาพจิต การทำงานไม่สามารถเป็นเรื่องของ productivity เพียงอย่างเดียว แต่ต้องออกแบบให้มนุษย์สามารถทำงานร่วมกันได้อย่างยั่งยืน

สิ่งหนึ่งที่เห็นได้ชัดในหัวหน้ารุ่นใหม่นี้คือการลดทอนภาษาทางการ และแทนที่ด้วยการสื่อสารแบบตรงไปตรงมา พวกเขาไม่ได้ใช้คำสั่ง หรืออ้างตำแหน่งเพื่อให้เกิดการเคารพแบบเงียบ ๆ แต่เลือกใช้การพูดคุยแบบเปิดใจ มีจุดยืนชัดเจน พร้อมยอมรับความไม่รู้ และเชิญชวนทีมให้ร่วมกันค้นหาคำตอบแทน

หัวหน้า Gen Z มองว่าการสื่อสารที่ดีไม่ใช่การพูดให้ดูดี แต่คือการพูดให้เข้าใจตรงกัน พวกเขากล้าที่จะพูดเรื่องยากๆ แบบไม่อ้อมค้อม กล้าที่จะพูดว่าไม่เห็นด้วย และกล้าที่จะฟังเมื่อทีมไม่เห็นด้วยกับตนเองเช่นกัน

การเปลี่ยนแปลงทั้งหมดนี้ อาจไม่ได้เกิดจากนโยบายใหม่ในระดับองค์กร แต่มาจากทัศนคติของคนรุ่นใหม่ที่กล้าคิดต่าง และกล้าเป็นหัวหน้าในแบบที่พวกเขาเชื่อว่าทีมจะเติบโตได้ ถ้าหัวหน้าไม่ยืนอยู่เหนือ แต่ยืนอยู่ข้างกัน

อ้างอิง: upworthy

ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด

No comment

RELATED ARTICLE

Responsive image

ทางรอดใหม่ในตลาดงาน 2025 ทำไม Apprenticeships หรือการฝึกทักษะวิชาชีพ ถึงกำลังมาแรงแซงใบปริญญา

ตลาดแรงงานกำลังเปลี่ยน ใบปริญญาไม่ใช่คำตอบเดียว คนรุ่นใหม่จำนวนมากทิ้งงานออฟฟิศ หันเรียนทักษะอาชีพเพื่อความมั่นคงระยะยาว...

Responsive image

ตอบคำถามสัมภาษณ์งานปราบเซียน ช่วยแนะนำตัวหน่อย อย่างไรให้ชนะใจ HR ด้วยสูตร 3 ขั้นตอน

เจาะลึกสูตร Present-Past-Future จากโค้ชอาชีพชื่อดัง เผยวิธีตอบคำถาม “ช่วยแนะนำตัวให้ฟังหน่อย” ในการสัมภาษณ์งาน ให้ดูโปร มีทิศทาง และสร้างความประทับใจตั้งแต่นาทีแรก...

Responsive image

รู้จัก Performance Punishment เมื่อรางวัลของคนขยันคือ 'งานที่เพิ่มขึ้น' ทำไมสิ่งนี้ถึงกำลังทำลายทีม

ในหลายองค์กรมีวัฒนธรรมการทำงานแบบ Performance Punishment หรือการลงโทษคนทำงานดีโดยไม่รู้ตัว นั่นคือการที่หัวหน้ามักจะมอบหมายงานและความรับผิดชอบเพิ่มขึ้นให้กับคนเก่ง ซึ่งแทนที่จะเป็น...