“20 ปีก่อน ผมแพ้ Sam Altman” 3 บทเรียนจาก Linus Liang ที่เปลี่ยนมุมมองการลงทุนสตาร์ทอัพตลอดกาล

ก่อนที่ชื่อของ Sam Altman จะกลายเป็นที่รู้จักไปทั่วโลกในฐานะ CEO ของ OpenAI ผู้อยู่เบื้องหลังการปฏิวัติวงการปัญญาประดิษฐ์ ย้อนกลับไปเมื่อ 20 ปีก่อน เขาเป็นเพียงนักศึกษาหนุ่มจาก Stanford วัย 18 ปีที่เข้าร่วมการแข่งขันแผนธุรกิจ แต่ชัยชนะของเขาในวันนั้นได้มอบบทเรียนล้ำค่าที่ประเมินค่าไม่ได้ให้กับคู่แข่งคนสำคัญ ซึ่งวันนี้เขาได้กลายมาเป็น Venture Capitalist และได้นำเรื่องราวเชิงลึกนั้นมาแบ่งปัน

Linus Liang, หุ้นส่วนของ Kyber Knight Capital, ได้ถ่ายทอดประสบการณ์ตรงผ่านบทความใน Inc.com ถึงเหตุการณ์ในงาน "2005 Business Symposium" ที่สแตนฟอร์ด ซึ่งทีมของเขาต้องพ่ายแพ้ให้กับทีมของ Sam Altman ไปอย่างราบคาบ และนี่คือ 3 บทเรียนสำคัญที่นักลงทุนและผู้ประกอบการทุกคนควรเรียนรู้

จุดเริ่มต้นของสองวิสัยทัศน์มาพบกัน

เรื่องราวเกิดขึ้นบนเวทีแข่งขันแผนธุรกิจที่ดุเดือด ทั้งทีมของ Liang และ Altman ต่างมีไอเดียเดียวกัน นั่นคือ "โซเชียลเน็ตเวิร์กสำหรับผู้เข้าร่วมงานประชุม" บนแพลตฟอร์ม Windows Mobile ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยที่สุดในยุคก่อน iPhone

ทีมของ Liang ซึ่งเต็มไปด้วยวิศวกร ได้นำเสนอผลิตภัณฑ์ที่มีตัวต้นแบบใช้งานได้จริง (proof of concept) พวกเขาพรีเซนต์อย่างตรงไปตรงมา เน้นย้ำถึงข้อเท็จจริงและข้อจำกัดทางเทคนิคของแพลตฟอร์มในขณะนั้น ซึ่งสร้างความประทับใจให้กรรมการในระดับหนึ่งและทำให้พวกเขามั่นใจในโอกาสของตัวเอง

แต่แล้วทุกอย่างก็เปลี่ยนไปเมื่อ Sam Altman ในวัย 18 ปี ก้าวขึ้นเวที

"ผมประเมิน Altman ต่ำเกินไป" Liang กล่าว ทีมของ Altman ใช้วิธีการนำเสนอที่แตกต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง "แทนที่จะนำเสนอข้อจำกัด เขากลับนำเสนอ 'ภาพอนาคต' ออกมา"

Altman ได้สร้างโลกที่ทุกคนเชื่อมต่อถึงกันผ่านโทรศัพท์มือถือ สามารถเห็นตำแหน่งของเพื่อนได้แบบเรียลไทม์ ซึ่งเป็นแนวคิดที่ก้าวล้ำและยังไม่สามารถเกิดขึ้นได้จริงทางเทคนิคในยุคนั้น แต่วิธีการเล่าเรื่องที่เปี่ยมด้วยพลังและวิสัยทัศน์ที่น่าตื่นเต้นนั้น "สะกดใจกรรมการและผู้ฟังทุกคน" Liang เล่าว่าเขาเดินออกจากงานวันนั้นพร้อมกับความรู้สึกที่อยากจะอยู่ในโลกที่ Altman ได้วาดฝันไว้

บทเรียนที่ 1: Execution สำคัญ แต่ Vision คือผู้ชนะ

แม้ว่าทีมของ Liang จะมีผลิตภัณฑ์ที่ใช้งานได้จริงและมีผู้ใช้งานในช่วงแรกแล้วก็ตาม แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่ทำให้พวกเขาชนะ 

"เราขาดความเชื่อมั่นอย่างแรงกล้าในสิ่งที่เราสร้างขึ้น และล้มเหลวในการวาดภาพวิสัยทัศน์ที่ใหญ่กว่า"

Liang ชี้ว่าสำหรับสตาร์ทอัพแล้ว วิสัยทัศน์ที่ยิ่งใหญ่คือเครื่องมือที่ทรงพลังที่สุด มันไม่เพียงแต่ช่วยดึงดูดเงินทุนจากนักลงทุน แต่ยังเป็นแม่เหล็กดึงดูดคนเก่งๆ ให้มาร่วมทีม และเป็นพลังขับเคลื่อนในการเปลี่ยนแปลงตลาด "การขายฝันที่ยิ่งใหญ่จนทำให้นักลงทุนเชื่อได้ อาจสำคัญกว่าสิ่งที่คุณสร้างขึ้นมาแล้วในขณะนั้นเสียอีก" เขาสรุป

บทเรียนที่ 2: ตลาดคือผู้ชี้ขาดผู้ชนะและผู้แพ้

บทเรียนสำคัญข้อต่อมาที่ Liang ได้เรียนรู้ในเส้นทางอาชีพ VC คือ ไม่ว่าทีมจะเก่งกาจหรือเทคโนโลยีจะล้ำเลิศเพียงใด "บริษัทที่อยู่ในตลาดขนาดใหญ่และเติบโตเร็ว มีแนวโน้มที่จะชนะสูงกว่ามาก"

เขาชี้ให้เห็นว่า OpenAI ของ Altman ในปัจจุบันกำลังอยู่ในตลาดที่เติบโตเร็วที่สุดในประวัติศาสตร์ แต่ในอดีต Altman เองก็เคยลิ้มรสความพ่ายแพ้เพราะ "ตลาด" มาแล้วกับ Loopt สตาร์ทอัพโซเชียลเน็ตเวิร์กตามตำแหน่งที่ตั้งของเขา ซึ่งแม้จะระดมทุนได้สำเร็จ แต่ก็ล้มเหลวเพราะ "มาก่อนกาล" ในยุคที่ยังไม่มี iPhone และ App Economy

ในทางตรงกันข้าม Facebook ซึ่งเริ่มต้นบนเดสก์ท็อป สามารถจับตลาดโซเชียลเน็ตเวิร์กที่กำลังเติบโตมหาศาลได้อย่างถูกที่ถูกเวลา ก่อนจะขยายอาณาจักรมาสู่มือถือและกลายเป็นยักษ์ใหญ่อย่างทุกวันนี้ นี่คือข้อพิสูจน์ว่า 

ตลาดที่เติบโตอย่างรวดเร็วมีอิทธิพลต่อชะตากรรมของบริษัทมากกว่าเทคโนโลยีที่ยอดเยี่ยมหรือการดำเนินงานที่ไร้ที่ติ

บทเรียนที่ 3: ฝันให้ใหญ่ พรีเซนต์ให้สุด

ประสบการณ์ในวันนั้นได้หล่อหลอมปรัชญาการลงทุนของ Liang มาจนถึงปัจจุบัน 

ผมรักการพบปะกับผู้ก่อตั้ง แต่คนที่ผมอยากจะลงทุนด้วยคือคนที่มีวิสัยทัศน์ที่กล้าหาญและนำเสนอวิธีการที่จะพลิกโฉมอุตสาหกรรมขนาดใหญ่

ผู้ประกอบการที่ประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่มักเป็นนักฝันที่กล้าหาญ "และในวันนั้น Altman ก็ฝันใหญ่กว่า" Liang ทิ้งท้าย แม้ทีมของเขาจะจบใน 3 อันดับแรก แต่ทีมของ Altman คือผู้คว้าชัยชนะ และส่วนที่เหลือหลังจากนั้น ก็ได้กลายเป็นประวัติศาสตร์ที่โลกกำลังจารึก

ที่มา: Inc.com

ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด

No comment

RELATED ARTICLE

Responsive image

ส่องวิธีคิดแบบ นิธิฟู้ดส์ หา The New ROI อย่างไรให้เจอโอกาสในวิกฤต จนยอดขายทะลุ 500 ล้าน

บนเวที FoodX Forum 2025 คุณสมิต ทวีเลิศนิธิ กรรมการผู้จัดการ บริษัท นิธิฟู้ดส์ จำกัด และอุปนายกสมาคมการค้าอาหารอนาคตไทย ได้ขึ้นมาแชร์ Insight แบบ Eclusive ถึงเบื้องหลังการเติบโต 30...

Responsive image

Fei-Fei Li เตือน! อนาคตเป็นของคนที่ ‘กล้าเสี่ยง’ ยุคนี้ Safe Zone คือจุดที่อันตรายที่สุด

Fei-Fei Li ผู้ร่วมก่อตั้ง World Labs และศาสตราจารย์จาก Stanford University หรือที่รู้จักกันในนาม ‘เจ้าแม่แห่งวงการ AI’ ได้ออกมาเปิดเผยเคล็ดลับสำคัญสำหรับผู้ประกอบการในยุคที่เทคโนโล...

Responsive image

วิจัยชี้ Gen Z เตรียมพร้อมเกษียณ ได้ดีกว่ารุ่น Baby Boomers นี่คือรุ่นที่จะรอดตอนแก่มากที่สุด

ผลวิจัย Vanguard เผย Gen Z เตรียมพร้อมเกษียณดีกว่า Baby Boomer! เจาะปัจจัยทำไมคนรุ่นใหม่ถึงได้เปรียบ ทั้งระบบออมอัตโนมัติและเวลา พร้อมความเสี่ยงที่ต้องระวัง...