การนอนคือพลังวิเศษของคุณ! เคล็ดลับจาก Matthew Walker ผู้เขียนหนังสือ 'Why We Sleep' ที่จะช่วยปลดล็อกศักยภาพสูงสุดของชีวิต

บนเวที Dragonfly Summit 2025 เสียงปรบมือดังกึกก้องต้อนรับ Matthew Walker นักประสาทวิทยาศาสตร์ระดับโลกและผู้เขียนหนังสือขายดีอย่าง 'Why We Sleep' เพื่อช่วยทุกคนไขรหัสกิจกรรมที่สำคัญที่สุดในชีวิตมนุษย์ นั่นคือ ‘การนอนหลับ’ พร้อมมอบกุญแจสำคัญที่อาจเปลี่ยนคะแนนการนอนของคุณอย่างแน่นอน

Walker เริ่มต้นด้วยการย้ำว่าการนอนหลับไม่ใช่แค่การพักผ่อน แต่มันคือ ‘พลังวิเศษ’ ที่ธรรมชาติมอบให้ และเพื่อควบคุมพลังนี้ เราต้องเข้าใจ 4 เสาหลักที่เขาบัญญัติขึ้นเป็นตัวย่อที่จำง่ายว่า 'QQRT'

QQRT กฎเหล็ก 4 ข้อสู่การนอนคุณภาพ

‘คนส่วนใหญ่มักคิดว่าการนอนที่ดีวัดกันที่จำนวนชั่วโมง แต่ความจริงมันซับซ้อนกว่านั้น’ Walker กล่าว ก่อนจะอธิบายถึงกรอบความคิด QQRT

  • Q – Quantity (ปริมาณ) = ผู้ใหญ่ต้องการการนอน 7-9 ชั่วโมงต่อคืน Walker เตือนว่า ‘จำนวนคนที่สามารถนอนน้อยกว่า 6 ชั่วโมงโดยไม่มีผลกระทบใดๆ ต่อร่างกายเลย เมื่อปัดเป็นจำนวนเต็มแล้วคือศูนย์เปอร์เซ็นต์’ การนอนน้อยกว่าเกณฑ์ที่กำหนดก็เหมือนกับการเร่งให้ชีวิตสั้นลงโดยไม่รู้ตัว
  • Q – Quality (คุณภาพ) = ไม่ใช่แค่นอนนานแต่ต้องนอนดี การนอนที่มีคุณภาพคือการนอนที่ต่อเนื่อง ไม่ถูกรบกวนจากการตื่นกลางดึกบ่อยครั้ง แม้คุณจะนอนครบ 8 ชั่วโมง แต่หากต้องใช้เวลาถึง 10 ชั่วโมงบนเตียงเพราะตื่นๆ หลับๆ นั่นหมายถึงคุณภาพการนอนของคุณกำลังมีปัญหา
  • R – Regularity (ความสม่ำเสมอ) = นี่คือหัวใจสำคัญที่ Walker เน้นย้ำว่าเป็นราชา ของการนอนหลับ การเข้านอนและตื่นนอนในเวลาเดียวกันทุกวัน (รวมถึงวันหยุด) มีพลังมากกว่าที่คุณคิด งานวิจัยจาก UK Biobank ที่ศึกษาคนกว่า 60,000 คน พบว่าความสม่ำเสมอในการนอนสามารถเอาชนะ ‘ปริมาณ’ ชั่วโมงนอนในการทำนายอัตราการเสียชีวิตจากทุกสาเหตุได้ โดยช่วยลดความเสี่ยงมะเร็งได้ถึง 30% และโรคหัวใจและหลอดเลือดถึง 64%
  • T – Timing (จังหวะเวลา) = เสาหลักข้อสุดท้ายที่คนมักเข้าใจผิดมากที่สุดคือเรื่องของจังหวะเวลา ซึ่งเชื่อมโยงกับ ‘Chronotype’ หรือนาฬิกาชีวภาพส่วนบุคคลที่ถูกกำหนดโดยพันธุกรรม บางคนเป็น ‘นกฮูก’ (Night Owl) บางคนเป็น ‘นกที่ตื่นเช้า’ (Morning Lark) การฝืนธรรมชาติของตัวเอง เช่น นกฮูกที่ถูกบังคับให้นอนและตื่นเหมือนคนตื่นเช้า แม้จะได้ชั่วโมงนอนครบ แต่คุณภาพการนอนจะด้อยกว่าการนอนตามจังหวะเวลาที่ร่างกายต้องการอย่างมหาศาล เขาแนะนำให้ลองทำแบบทดสอบ ‘MEQ (Morningness-Eveningness Questionnaire)’ ออนไลน์เพื่อค้นหาประเภทของตัวเอง

หักล้างความเชื่อผิดๆ ที่ทำร้ายการนอนของคุณ

Walker ยังได้ใช้เวลาบนเวทีเพื่อทลายความเชื่อยอดนิยมที่คนส่วนใหญ่ปฏิบัติกันเป็นเรื่องปกติ

การนอนชดเชยไม่มีอยู่จริง 

‘การนอนหลับไม่เหมือนธนาคาร คุณไม่สามารถสะสมหนี้แล้วจ่ายคืนทีหลังได้’ เขายืนยัน ธรรมชาติไม่เคยออกแบบให้มนุษย์อดนอน ดังนั้นจึงไม่มี ‘เซลล์เก็บสะสมการนอน’ เหมือนเซลล์ไขมันที่เก็บสะสมพลังงาน

แอลกอฮอล์และ THC คือศัตรูตัวร้าย

แม้เครื่องดื่มแอลกอฮอล์หรือ THC จากกัญชาจะทำให้คุณรู้สึกง่วงและหลับเร็วขึ้น แต่นั่นคือ ‘การกดประสาท’ (Sedation) ไม่ใช่การนอนหลับตามธรรมชาติ สารทั้งสองชนิดนี้จะทำลายสถาปัตยกรรมการนอนอย่างรุนแรง โดยเฉพาะการขัดขวาง ‘REM Sleep’ หรือช่วงหลับฝัน ซึ่งสำคัญต่อการควบคุมอารมณ์ ความจำ และฮอร์โมน ยิ่งไปกว่านั้น แอลกอฮอล์ยังทำให้การนอนของคุณขาดตอนและเปราะบางอย่างมาก

เมลาโทนิน ไม่ใช่ยาแก้โรคนอนไม่หลับ

Walker อธิบายว่าเมลาโทนินเป็นเพียง ‘ฮอร์โมนส่งสัญญาณความมืด’ ที่บอกสมองว่าถึงเวลานอนแล้ว เปรียบเสมือนเจ้าหน้าที่ปล่อยตัวนักวิ่ง แต่ไม่ได้มีส่วนร่วมในการวิ่งเอง มันมีประโยชน์อย่างแท้จริงแค่ในกรณีของการเดินทางข้ามเขตเวลา (Jet Lag) เท่านั้น แต่มีผลเพียงเล็กน้อยต่อผู้ที่มีภาวะนอนไม่หลับเรื้อรัง

เมื่อนักวิทยาศาสตร์เปลี่ยนใจเกี่ยวกับ 'กาแฟ' 

หนึ่งในช่วงที่น่าสนใจที่สุดคือเมื่อ Walker ยอมรับว่าเขาเปลี่ยนใจเกี่ยวกับกาแฟ จากที่เคยต่อต้านอย่างหนัก ตอนนี้เขากลับบอกให้ทุกคน ‘ดื่มกาแฟได้เลย’ แต่ต้องอยู่ภายใต้เงื่อนไขที่ว่า ‘ปริมาณและจังหวะเวลาคือสิ่งที่สร้างพิษ’

Walker อธิบายว่าประโยชน์มหาศาลต่อสุขภาพของกาแฟ ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงของโรคต่างๆ ได้แทบจะเหมือนกับการนอนหลับที่ดี ไม่ได้มาจากคาเฟอีน แต่มาจาก ‘สารต้านอนุมูลอิสระ’ ปริมาณมหาศาลที่อยู่ในเมล็ดกาแฟต่างหาก ‘ในยุคใหม่ที่ผู้คนขาดสารต้านอนุมูลอิสระจากการบริโภคอาหาร เมล็ดกาแฟจึงต้องแบกรับภาระอันหนักอึ้งนี้’ เขากล่าว พร้อมยกตัวอย่างที่น่าทึ่งว่า ‘หากคุณดื่มกาแฟไม่มีคาเฟอีน (Decaf) คุณก็จะได้รับประโยชน์ต่อสุขภาพเกือบจะเท่าเดิม’

อย่างไรก็ตาม การดื่มกาแฟก็ยังมีกฎที่ต้องปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัดเพื่อไม่ให้รบกวนการนอนหลับ:

  1. จำกัดปริมาณ = ดื่มไม่เกิน 2-3 แก้วต่อวัน เพราะหากเกินกว่านี้ ประโยชน์ต่อสุขภาพจะเริ่มลดลงและมีผลเสียแทน
  2. จำกัดเวลา = ควรหยุดดื่มกาแฟหลังเที่ยงวันเด็ดขาด

เหตุผลเบื้องหลังกฎข้อนี้คือวิทยาศาสตร์ของคาเฟอีนล้วนๆ Walker อธิบายว่าคาเฟอีนมีค่าครึ่งชีวิต (Half-life) ประมาณ 5-6 ชั่วโมง หมายความว่าถ้าคุณดื่มกาแฟตอนเที่ยง ตอน 6 โมงเย็นจะยังคงมีคาเฟอีนเหลืออยู่ในร่างกายถึง 50% และที่น่าตกใจกว่านั้นคือมันมีค่าหนึ่งในสี่ของชีวิต’(Quarter-life) ที่ 10-12 ชั่วโมง นั่นหมายความว่ากาแฟที่คุณดื่มตอนเที่ยงวัน จะยังคงมีคาเฟอีนเหลืออยู่ในสมองของคุณถึงหนึ่งในสี่ตอนเที่ยงคืน

นี่คือสาเหตุที่ทำให้หลายคนนอนกระสับกระส่ายโดยไม่รู้ตัว และนำไปสู่วงจรที่ว่า เมื่อคืนนอนไม่ดี วันรุ่งขึ้นจึงต้องดื่มกาแฟเพิ่มขึ้นเพื่อสู้กับความง่วง ซึ่งจะยิ่งทำให้คืนถัดไปนอนหลับได้ยากยิ่งกว่าเดิม การตัดวงจรนี้ด้วยการจำกัดเวลาดื่มจึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง

เคล็ดลับสร้างห้องนอนให้เป็นสวรรค์แห่งการพักผ่อน

นอกจากการปรับเปลี่ยนไลฟ์สไตล์แล้ว การสร้างสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมก็เป็นสิ่งจำเป็น Walker ได้ให้คำแนะนำที่นำไปใช้ได้จริงทันที

  • อุณหภูมิ = ตั้งอุณหภูมิห้องนอนไว้ที่ประมาณ 18.6 - 19 องศาเซลเซียส ซึ่งอาจจะฟังดูหนาว แต่เป็นอุณหภูมิที่เหมาะสมที่สุดที่ช่วยให้ร่างกายลดอุณหภูมิแกนกลางลงและเข้าสู่การหลับลึกได้ง่ายขึ้น ‘การนอนในห้องที่เย็นเกินไป ยังดีกว่านอนในห้องที่ร้อนเกินไปเสมอ’
  • Digital Detox ก่อนนอน 1 ชั่วโมง = ตั้งนาฬิกาปลุก 1 ชั่วโมงก่อนถึงเวลานอน เมื่อนาฬิกาดัง ให้วางอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ทั้งหมดลง และหรี่ไฟในบ้านลง 50-70% เพื่อส่งสัญญาณให้สมองและร่างกายเริ่มเข้าสู่โหมดพักผ่อน
  • อาบน้ำอุ่นเพื่อหลับสบาย = การอาบน้ำอุ่นก่อนนอนจะทำให้หลอดเลือดขยายตัว (Vasodilation) นำพาความร้อนจากแกนกลางร่างกายมาสู่ผิวหนัง เมื่อคุณออกจากห้องน้ำ ร่างกายจะแผ่ความร้อนออกไปอย่างรวดเร็ว ทำให้อุณหภูมิแกนกลางลดลงฮวบ ซึ่งเป็นกลไกสำคัญในการกระตุ้นการนอนหลับ

จากยีนนอนน้อยสู่ยา DORAs

Walker ปิดท้ายด้วยการมองไปสู่อนาคตที่น่าตื่นเต้นของวิทยาศาสตร์การนอนหลับ เขาพูดถึงการค้นพบ ‘ยีนนอนน้อย’ ที่ทำให้คนบางกลุ่มสามารถนอนเพียง 5 ชั่วโมงแล้วยังคงใช้ชีวิตได้ปกติ ซึ่งอาจนำไปสู่การ ‘ถอดรหัส’ เพื่อให้มนุษย์ทุกคนสามารถบีบอัดการนอนของตนเองได้ในอนาคต

นอกจากนี้ เขายังได้แนะนำยานอนหลับกลุ่มใหม่ที่เรียกว่า ‘DORAs’ ซึ่งแตกต่างจากยาแบบดั้งเดิมที่ทำหน้าที่เหมือนไม้เบสบอลฟาดสมองให้สลบ ยากลุ่มนี้ทำงานอย่างชาญฉลาดโดยการลดระดับเสียงของความตื่น ในสมองลง และปล่อยให้กลไกการนอนหลับตามธรรมชาติเข้ามาทำหน้าที่แทน ทำให้เกิดการนอนที่มีคุณภาพและเป็นธรรมชาติมากกว่า

สัมภาษณ์พิเศษกับ Matthew Walker

Techsauce ได้มีโอกาสสัมภาษณ์พิเศษกับ Mathhew Walker ซึ่ง Matthew Walker ได้ร่วมแบ่งปันเนื้อหาเชิงลึกเกี่ยวกับการนอนมากยิ่งขึ้น รวมไปถึงคำแนะนำที่น่าสนใจสำหรับคนรุ่นใหม่

พรมแดนใหม่แห่งการนอน และคำถามที่ใหญ่กว่า 'ทำไมเราต้องนอน?'

Walker เริ่มต้นด้วยการชี้ให้เห็นว่าวงการวิทยาศาสตร์การนอนหลับกำลังเปลี่ยนจากคำถามที่ว่า 'ทำไมการนอนจึงสำคัญ?' ไปสู่คำถามที่ท้าทายกว่าคือ 'เราจะพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ๆ เพื่อปรับปรุงการนอนหลับได้อย่างไร?'

'เรากำลังเห็นเทคโนโลยีใหม่ๆ มากมาย' เช่น การใช้ที่คาดศีรษะเพื่อส่งกระแสไฟฟ้ากระตุ้นสมอง หรือการใช้เสียงที่มีจังหวะเฉพาะเพื่อนำสมองเข้าสู่ภาวะหลับลึก นี่คือการเข้าไปแทรกแซงและปรับปรุงการนอนโดยตรง ไม่ใช่แค่การกินยาอีกต่อไป' Walker กล่าว 

อีกหนึ่งพรมแดนที่น่าทึ่งคือการศึกษาด้านพันธุกรรม Walker เผยว่ามีประชากรกลุ่มเล็กๆ ที่มียีนพิเศษ ทำให้พวกเขานอนเพียง 5 ชั่วโมงก็สามารถใช้ชีวิตได้อย่างสมบูรณ์แข็งแรง 'ลองนึกภาพว่าถ้าเราสามารถถอดรหัสยีนเหล่านี้ได้ มันเหมือนกับการที่เราสามารถ 'มัดรวม' การนอน 8 ชั่วโมงให้เหลือเพียง 5 ชั่วโมง โดยที่ยังคงประสิทธิภาพไว้ครบถ้วน นั่นคือเป้าหมายในอนาคตที่แม้จะยังไกล แต่ก็มีความเป็นไปได้ทางการแพทย์'

AI จากผู้ช่วยวิเคราะห์ข้อมูลสู่ ‘นักบำบัดการนอน’ ตลอด 24 ชั่วโมง

เมื่อพูดถึงเทคโนโลยี แน่นอนว่า AI คือสิ่งที่ขาดไม่ได้ Walker มองว่า AI จะเข้ามาปฏิวัติวงการนี้ใน 3 ด้านหลัก

  1. การวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึก = อุปกรณ์สวมใส่ต่างๆ เก็บข้อมูลการนอนของเรามหาศาล แต่ปัจจุบันทำได้แค่แสดงผลรายวัน 'AI จะสามารถวิเคราะห์ข้อมูลย้อนหลังเป็นปีๆ เพื่อค้นหารูปแบบเฉพาะบุคคลได้ว่า อะไรคือปัจจัยที่ทำให้คุณนอนดีที่สุดและแย่ที่สุด'
  2. นักบำบัด AI = อาการนอนไม่หลับเป็นปัญหาระดับโลก แต่จำนวนนักบำบัดกลับมีจำกัด 'เราสามารถฝึก AI ให้เป็นนักบำบัดได้ไหม? ลองนึกภาพว่าตอนตี 3 คุณนอนไม่หลับ และสามารถหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาพูดคุยกับ AI เพื่อโค้ชให้คุณกลับไปนอนได้'
  3. การแทรกแซงแบบ Real-time = ในอนาคต อุปกรณ์อาจตรวจจับได้ว่าคุณกำลังจะตื่นกลางดึก และส่งสัญญาณกระตุ้นเบาๆ เพื่อให้คุณนอนหลับต่อได้อย่างต่อเนื่อง

หมอน และ ‘Sleep Divorce’

สำหรับหมอนและที่นอน เขาชี้ว่านวัตกรรมส่วนใหญ่ไปอยู่ที่ที่นอนอัจฉริยะ แต่แทบไม่มีนวัตกรรมเกี่ยวกับหมอนเลยเพราะหมอนเป็นเรื่องส่วนบุคคลสูงมาก การพัฒนาจึงทำได้ยาก

ส่วนเทรนด์ 'Sleep Divorce' หรือการแยกห้องนอนนั้น Walker มองว่าเป็นเรื่องซับซ้อน แต่ข้อมูลชี้ว่า 'เมื่อนอนด้วยกัน คุณจะนอนหลับได้แย่กว่าตอนนอนแยกกันเสมอ' ในทางกายภาพ อย่างไรก็ตาม ประโยชน์ทางใจเรื่องความปลอดภัยก็สำคัญ เขาแนะนำว่าแทนที่จะทะเลาะกัน ให้ลองเสนอเป็น 'การทดลอง 2 สัปดาห์' เพื่อลดความตึงเครียด และอาจพบว่าการนอนแยกกันช่วยให้ความสัมพันธ์ดีขึ้น เพราะเมื่อนอนดี ฮอร์โมนเพศและความเห็นอกเห็นใจก็จะเพิ่มสูงขึ้น

นิยามใหม่ของ ‘Perfect Sleep’ ไม่ใช่แค่ 8 ชั่วโมง แต่คือ 4 เสาหลัก

'การนอนที่สมบูรณ์แบบคืออะไร?' Walker อธิบายว่ามันซับซ้อนกว่าแค่การนอนให้ครบ 7-9 ชั่วโมง แต่ประกอบด้วย 4 เสาหลัก (Macros) ที่สำคัญไม่แพ้กัน

  1. ปริมาณ (Quantity) = 7-9 ชั่วโมงสำหรับผู้ใหญ่ส่วนใหญ่
  2. คุณภาพ (Quality) = การนอนที่ต่อเนื่อง ไม่ตื่นกลางดึกบ่อยๆ
  3. ความสม่ำเสมอ (Regularity) = การเข้านอนและตื่นนอนในเวลาเดิมทุกวัน ซึ่งสำคัญต่อสุขภาพเทียบเท่าหรือมากกว่าปริมาณการนอน
  4. ช่วงเวลา (Timing) = การนอนให้สอดคล้องกับนาฬิกาชีวภาพ (Chronotype) ของตัวเอง ไม่ว่าคุณจะเป็น 'นกตื่นเช้า' หรือ 'นกฮูกกลางคืน' ซึ่งถูกกำหนดโดยพันธุกรรม

'สังคมมีอคติต่อคนนอนดึก แต่การบังคับให้คนนอนดึกตื่นเช้าเหมือนบังคับให้เขาทำงานในช่วงที่สมองยังไม่พร้อม เมื่อคุณสู้กับชีววิทยา คุณแพ้เสมอ' Walker กล่าว

คำเตือนถึงคนทำงานหนัก ‘นอนน้อยลง เท่ากับชีวิตสั้นลง’

สำหรับคนรุ่นใหม่ที่ยอมสละเวลาอนอนเพื่อสร้างอนาคต Walker มีสถิติที่น่าตกใจมาฝาก 'ยิ่งคุณนอนน้อย ชีวิตคุณก็ยิ่งสั้นลง การนอนน้อยทำนายอัตราการเสียชีวิตจากทุกสาเหตุ'

เขายกตัวอย่างงานวิจัยที่น่าสะพรึงกลัว 'การจำกัดให้นอนแค่ 4-5 ชั่วโมงเพียง 4 คืน สามารถทำให้ระดับฮอร์โมนเทสโทสเตอโรนของผู้ชายลดลงเทียบเท่ากับคนแก่กว่า 10 ปี'

Session และ บทสัมภาษณ์ร่วมกับ Matthew Walker ในครั้งนี้เป็นเหมือนเสียงเตือนให้เราหันกลับมาให้ความสำคัญกับสิ่งที่ดูเหมือนเป็นเรื่องธรรมดาที่สุดในชีวิต การนอนหลับไม่ใช่แค่การปิดสวิตช์ร่างกาย แต่เป็นกระบวนการซ่อมแซม ปรับปรุง และเสริมสร้างที่ทรงพลังที่สุดที่ธรรมชาติมอบให้ และในอนาคตอันใกล้ ด้วยความช่วยเหลือจากเทคโนโลยีและ AI เราอาจสามารถควบคุมและยกระดับ 'สุดยอดพลัง' นี้ให้ดียิ่งขึ้นไปอีก

ที่มา: Session: Why Sleep is Your Superpower. Conversations with Matthew Walker จากงาน Dragonfly Summit 2025

ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด

No comment

RELATED ARTICLE

Responsive image

รู้จัก Performance Punishment เมื่อรางวัลของคนขยันคือ 'งานที่เพิ่มขึ้น' ทำไมสิ่งนี้ถึงกำลังทำลายทีม

ในหลายองค์กรมีวัฒนธรรมการทำงานแบบ Performance Punishment หรือการลงโทษคนทำงานดีโดยไม่รู้ตัว นั่นคือการที่หัวหน้ามักจะมอบหมายงานและความรับผิดชอบเพิ่มขึ้นให้กับคนเก่ง ซึ่งแทนที่จะเป็น...

Responsive image

CEO LinkedIn แนะ การทำงานยุคใหม่ต้องเลิกยึดกรอบเดิม เน้นเรียนรู้และเก็บประสบการณ์

“อาชีพของเราไม่มีใครมานั่งวางแผนให้ ไม่มีใครคิดแทนและไม่มีใครเดินแทนได้ สุดท้ายเราต้องเป็นคนดูแลเส้นทางของตัวเอง” นี่คือประโยคที่ Ryan Roslansky ซีอีโอของ LinkedIn ใช้อธิบายมุมมองต...

Responsive image

รู้จัก Luana Lopes Lara อดีตนักบัลเลต์ที่ก้าวสู่มหาเศรษฐีอายุน้อยที่สุดในโลก แซงหน้า Lucy Guo

วงการธุรกิจทั่วโลกต่างจับตามองดาวรุ่งดวงใหม่ เมื่อ Luana Lopes Lara อดีตนักบัลเลต์สาวชาวบราซิลก้าวขึ้นเป็น “มหาเศรษฐีหญิง Self-made คนใหม่ ที่อายุน้อยที่สุดในโลก” แซงหน้าผู้ประกอบก...