งานสัมมนาสาธารณะ TDRI ประจำปี 2563 แฮกระบบราชการ เปลี่ยนระบบปฏิบัติการประเทศ: จากบทเรียนการรับมือวิกฤติโควิด-19 สู่ความพร้อมรับมือความท้าทายในโลกใหม่ ในวันที่ 6 ตุลาคม 2563 นักวิชาการ TDRI เสนอหัวข้อ “ระบบราชการในฐานะระบบปฏิบัติการประเทศไทย” วิเคราะห์ระบบราชการไทยว่ามีความมุ่งมั่นปฏิรูประบบมานาน แต่ยังทำงานซ้ำซ้อนและแยกส่วนกัน ไม่สามารถตอบสนองความต้องการประชาชนได้ดีพอ ย้ำระบบราชการรู้อยู่แล้วว่าต้องทำอะไร จึงมีข้อเสนอเสริมการปฏิรูปว่าควรทำสิ่งเหล่านั้นอย่างไร
ดร.บุญวรา สุมะโน นักวิชาการ สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย กล่าวเปรียบระบบราชการ เทียบได้กับระบบปฏิบัติการ (Operating system - OS) ของเครื่องคอมพิวเตอร์ที่จะดึงทรัพยากรทั้ง Hardware และ software ของประเทศมาใช้ให้บริการสาธารณะ หากสมรรถนะของ OS ไม่ทันสมัย หรือไม่ปรับให้เข้ากับสถานการณ์ปัจจุบัน ก็จะไม่สามารถประมวลผลออกมาเป็นบริการที่ตอบสนองความต้องการของประชาชนได้
ตัวชี้วัดคุณภาพของระบบราชการ (Quality of bureaucracy/institutional effectiveness and Excessive bureaucracy) ที่จัดทำโดย The Economist แสดงให้เห็นว่า คุณภาพและประสิทธิผลของระบบราชการไทยแทบไม่มีการเปลี่ยนแปลงในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา
“ปัญหาการแพร่ระบาดของ COVID-19 ก็สะท้อนข้อจำกัดนี้ได้ชัดเจนขึ้น โครงการเราไม่ทิ้งกัน ที่เป็นการให้ความช่วยเหลือแก่ผู้ได้รับผลกระทบมีปัญหาจากวิธีการช่วยเหลือที่ไม่ได้นำความต้องการหรือความสะดวกของประชาชนเป็นตัวตั้ง และโครงการช่วยเหลืออื่นของภาครัฐก็สะท้อนการทำงานที่ซ้ำซ้อนและแยกส่วนกัน เช่น บริการ e-Service ซึ่งแม้จะช่วยเพิ่มความสะดวกผ่านบริการออนไลน์ แต่ก็ยังเป็นบริการแยกส่วน ส่งผลให้ประชาชนต้องกรอกข้อมูลเดิมซ้ำๆ ที่รัฐเองเคยมีเก็บอยู่แล้ว”
การปฏิรูประบบราชการเป็นสิ่งที่ภาครัฐตระหนักถึงความสำคัญมานานแล้วกว่า 20 ปี นับตั้งแต่การออก ระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการปฏิรูประบบราชการ พ.ศ. 2540 โดยระบุสิ่งสำคัญที่ต้องการปฏิรูป เช่น การปรับลดกำลังคน ทบทวนบทบาทและภารกิจ ตลอดจนการกระจายอำนาจให้ท้องถิ่น ดังนั้น ระบบราชการรู้อยู่แล้วว่าต้องทำอะไร (What to do) ข้อเสนอของ TDRI จึงจะช่วยเสริมว่าควรทำสิ่งเหล่านั้นอย่างไร (How to do)
บทความโดย สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด