บทความนี้มีการเปิดเผยเนื้อหาบางส่วนของภาพยนตร์
ในวัย 61 ปี ทอม ครูซ ยังคงโลดแล่นอยู่บนโลกจารชน กับภาพยนตร์แฟรนไชส์สายลับ Mission Impossible ที่เดินทางมาถึงภาค 7 แล้ว แต่ครั้งนี้คู่ปรับของเขาไม่ใช่กลุ่มก่อการร้าย สายลับพันหน้า ผู้ร้ายระเบิดนิวเคลียร์ แต่เป็น AI ที่มีความคิดเป็นของตัวเอง
อีธาน ฮันต์ (ทอม ครูซ) กับผองเพื่อน IMF (ที่ไม่ใช่กองทุนระหว่างประเทศ) กำลังเผชิญกับภัยคุกคามรูปแบบใหม่ของโลก ที่สามารถทำนาย ควบคุมอนาคต และจะกลายเป็นหายนะหากตกอยู่ในมือคนชั่ว มันคือปัญญาประดิษฐ์ที่ชื่อว่า The Entity
ปัญญาประดิษฐ์นี้สามารถเจาะเข้าไปทำลายและขโมยข้อมูลระบบธนาคาร ระบบป้องกันความปลอดภัยในสนามบิน กองกำลังทหาร และสามารถสร้างเสียงปลอม (fake voice) หน้าปลอม (deepfake) ข้อมูลปลอม ไม่มีระบบป้องกันความปลอดภัยทางไซเบอร์ไหนในโลกเลยที่เก่งพอจะหยุดมัน
เรียกว่าหนังออกมาได้พอเหมาะพอเจาะกับกระแสการใช้งาน AI ที่กำลังเกิดขึ้นทั่วโลก ตอนนี้เรามี AI ที่สามารถตอบคำถามได้สารพัด เขียนบทความได้ สร้างรูปจากข้อความได้ ทำข้อสอบได้ เก็งหุ้นได้ วินิจฉัยโรคได้ คิดค้นยาเองได้ วาดรูปได้ แต่งเพลงได้ โคลนเสียงมนุษย์ได้ ฯลฯ
หลายคนตื่นเต้นกับมัน แต่หลายคนก็หวั่นกลัวภัยคุกคามจากมัน และภัยคุกคามแรกที่มนุษย์ต้องเจอก็คือ การแย่งงาน
ทั้งหมดนี้เป็นเพียงตัวอย่างเล็กน้อยพอให้เห็นภาพว่าหลายบริษัท โดยเฉพาะบริษัทใหญ่ที่มีต้นทุนการจ้างงานสูง พยายามจะลดจำนวนแรงงานคน และเอา AI มาใช้แทน
แม้จะตื่นเต้นกับความสามารถของ AI แต่หลายบริษัทก็ค่อนข้างระมัดระวังกับการใช้มัน เพราะเป็นห่วงเรื่องความปลอดภัยของข้อมูลที่ละเอียดอ่อน เช่น
ภัยคุกคามอีกรูปแบบจาก AI ที่ทุกคนกลัว คือการบิดเบือนความเป็นจริง มันมีความสามารถในการปลอมเสียง ปลอมใบหน้า ปลอมข้อมูล จนเราแยกไม่ออกว่าสิ่งที่เรากำลัง ฟัง อ่าน เห็น สัมผัส ตกลงมันเป็นของจริงไหม
ปกติแล้วเสน่ห์ของแฟรนไชส์ภาพยนตร์นี้ คือการเดินนำหน้าศัตรูหนึ่งก้าว เป็นวิธีที่อีธาน ฮันต์ และลูกทีมของเขามักใช้ในการเผด็จศึก แต่ครั้งนี้มันต่างออกไป พวกเขาไม่สามารถเดินนำหน้า AI ได้เลย แต่กลับโดนมันหลอกซะหัวปั่นด้วยการสร้างภาพปลอม เสียงปลอม ข้อมูลปลอม ที่พวกเขาเองก็ตามไม่ทัน
หลายเดือนก่อนมีภาพไวรัลร่อนอยู่ทั่วอินเทอร์เน็ต เป็นภาพโป๊ปฟรานซิสในชุดยาวสีขาว ห้อยกางเขนเงินอันใหญ่ ที่ดูเหมือนจริงมาก เพราะมันคือภาพปลอมที่สร้างจาก Midjourney AI ที่หลายคนหลงเชื่อไปแล้ว
แม้ภาพจะปลอม แต่สิ่งที่จริงแน่นอนคือความศักดิ์สิทธิ์ขององค์พระสันตะปาปา ความน่าเชื่อถือของสื่อ ความจริงได้ถูกทำลายแล้ว และจากภาพไวรัลขำๆ มันอาจพัฒนาไปเป็นการหลอกลวงเงิน การใส่ร้ายนักการเมืองด้วยการใช้ภาพปลอม เสียงปลอม ที่อาจบิดเบือนผลการเลือกตั้ง
เมื่อเดือนมีนาคม นายกฤษณ์ จิตต์แจ้ง กรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย ได้ส่งคำเตือนไปถึงลูกค้าของธนาคาร ให้ระวังกลโกงใหม่ของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ที่ใช้เทคโนโลยี Deepfake ปลอมภาพตำรวจมาเชิดเงินลูกค้าธนาคารไปถึง 6 แสนบาท
The Entity AI ทรงพลังนี้กลายเป็นที่ปราถนาของรัฐบาลทั่วโลก ทุกคนต่างต้องการครอบครองมัน เพื่อกุมพลังอำนาจในโลกยุคใหม่ ปฏิบัติการการโจมตีทางไซเบอร์ที่ไม่มีใครมองเห็นนี้กำลังจะกลายเป็นหนึ่งในอาวุธสมัยใหม่ของทุกประเทศ
เมื่อเดือนพฤษภาคม Geoffrey Hinton เจ้าพ่อ AI (the Godfather of AI) ตัดสินใจลาออกจาก Google เขารู้สึกเสียใจกับงานพัฒนาเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ และเตือนว่า AI อาจเป็นภัยคุกคามต่อมนุษยชาติ โดย Hinton เชื่อว่าเป็นเรื่องยากมาก ที่เราจะป้องกันไม่ให้คนชั่วเอามันไปใช้ในทางที่ผิด โดยยกตัวอย่างผลกระทบของ AI ตั้งแต่ การแพร่ข้อมูลเท็จ การใช้เป็นอาวุธสงคราม
Warren Buffet ก็ได้ออกมาเตือนผู้คนเกี่ยวกับการใช้ AI เช่นกัน โดยเขากล่าวว่า AI สามารถทำได้ทุกอย่าง และการมีสิ่งที่สามารถทำได้ทุกอย่างเป็นเรื่องน่ากังวล ยกตัวอย่างในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ระเบิดปรมาณูถูกสร้างขึ้นด้วยเจตนาดี เพื่อช่วยชนะสงคราม แต่จะเป็นเรื่องดีหรือไม่ หากเรามีความสามารถที่จะสร้างอาวุธที่ทรงพลังเช่นนี้ในอีก 200 ปีข้างหน้า
ก่อนหน้านี้กลุ่มผู้เชี่ยวชาญด้าน AI ซึ่งรวมถึงบริษัทที่พัฒนา AI อย่าง OpenAI, DeepMind, Anthropic ได้ลงนามในจดหมายเปิดผนึก เตือนมนุษย์อาจสูญพันธ์ุ จากการพัฒนาของ AI
การลดความเสี่ยงต่อการสูญพันธุ์จาก AI ควรมีความสำคัญระดับโลก เทียบเท่ากับความเสี่ยงอื่นๆ ต่อสังคม เช่น โรคระบาดและสงครามนิวเคลียร์
แม้จะยังห่างไกลถ้ามองจากจุดที่ยืนอยู่ เราอาจจะยังไม่เห็นภาพ AI มาทำลายเผ่าพันธุ์มนุษย์ แต่ความเสี่ยงของการใช้งานมันวันนี้ เราก็ได้เห็นชัดแล้วว่ามันอาจจะก่อให้เกิดผลเสียอะไรบ้าง
ถึงจะดูน่ากลัว แต่อย่าได้ลืมประโยชน์ของมัน ตอนนี้เราสามารถมีผู้ช่วยในการทำงาน ลดภาระที่เราต้องไปทำงานซับซ้อน เช่น จัดการเอกสาร ตอบแชทลูกค้า แล้วให้ AI ทำแทน มันสามารถคิดสูตรยา วินิจฉัยโรคร้าย ช่วยเขียนโค้ด และอีกมากมายที่มันจะช่วยให้มนุษย์พัฒนาวิถีชีวิตความเป็นอยู่ได้ดีขึ้น ง่ายขึ้น สะดวกรวดเร็วขึ้น
ลองฟังสิ่งที่ Bill Gates พูดถึง AI กัน เขาบอกว่า การเกิดขึ้นของ AI ก็เหมือนกับการพัฒนารถยนต์ คอมพิวเตอร์ อินเทอร์เน็ตหรือเครื่องคิดเลข แน่นอนในช่วงแรกมันสร้างความสับสนและหวาดกลัว ตอนเครื่องคิดเลขกับ Google เกิดมา ครูอาจารย์ก็ต่างกังวลว่ามันจะถูกเอาไปใช้ในทางที่ไม่ดี แต่สุดท้ายมันจะช่วยให้ชีวิตเราง่ายขึ้น และเราจะควบคุมมันได้
ไม่นานหลังจากที่รถยนต์คันแรกออกสู่ท้องถนน ก็เกิดอุบัติเหตุขึ้น แต่เราไม่ได้ห้ามใช้รถยนต์ เราใช้การจำกัดความเร็ว มาตรฐานความปลอดภัย ข้อกำหนดด้านใบอนุญาต กฎหมายเมาแล้วขับ และกฎอื่นๆ บนท้องถนน
เช่นเดียวกัน ถ้าเราถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกด้วย Deepfake ครั้งต่อไปเราก็จะเรียนรู้ ซึ่งเป็นหน้าที่ของภาครัฐด้วยที่ต้องถีบตัวเองขึ้นมา ศึกษา ประเมินผลกระทบ และหาวิธีป้องกัน (ไทยคงยังอีกไกลเพราะทุกวันนี้ไปไหนยังต้องใช้บัตรประชาชน)
โดยสรุปแล้ว Mission Impossible: Dead Reckoning เป็นหนังที่คุ้มค่าแก่การไปดูในโรงอย่างมาก ฉากแอคชั่นถึงเครื่อง เราจะได้เห็นการพัฒนาและภัยคุกคามจากปัญญาประดิษฐ์ ความพยายามของคนชั่วที่จะครอบครองมัน และการดิ้นรนของมนุษย์ (ทีม IMF) ที่จะเอาชนะมันให้ได้ในที่สุด
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด